มังกรคะนองน้ำพลิกกลับมา เหมือนกับแมวไล่จับหนู พุ่งไปทางเหยื่อของมันไม่หยุด

หยวนเฮ่อถูกฟาดจนเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล แต่กลับยังมีพลังสู้

มังกรคะนองน้ำเหมือนกับเด็กห่วงเล่น ก่อความวุ่นวายหยวนเฮ่อต่อไป เหมือนว่าไม่ทำให้หยวนเฮ่อ ก็ไม่มีทางปล่อยไป

เฉินโม่ยืนอยู่ตรงระเบียง มองดูมังกรคะนองน้ำขี้เล่น ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดบ่น “เจ้านี่ กว่าจะได้ออกมาสักครั้ง ไม่เล่นจนพอใจมันก็ไม่ยอมทานข้าวอย่างว่าง่าย”

“ช่างเถอะ ตามใจมันเถอะ ก็แค่สงสารคนดวงซวยบางคน”

มังกรคะนองน้ำดิ่งลงไปที่ หยวนเฮ่อต่อไป จนสุดท้าย หยวนเฮ่อละทิ้งการต้านทาน คุกเข่าลงบนพื้นพูดอ้อนวอน “ท่านมังกร ฉันขอร้องท่านกินฉันเถอะ! อย่าเล่นฉันอีกเลย ฉันรับไม่ไหวแล้วจริงๆ”

แต่ว่ามังกรคะนองน้ำเหมือนกับฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ มันทรมาน หยวนเฮ่อต่อไป จนกระทั่งทรมาน หยวนเฮ่อจนเป็นลมตายไป ถึงได้คาบหยวนเฮ่อ กลับชั้นเมฆไป

พลังของผู้แข็งแกร่งแดนเทพ เพียงพอสำหรับการเติบโตเป็นเท่าตัวของมังกรคะนองน้ำอีกครั้ง

ก็แค่น่าสงสารแดนเทพ บุคคลล้ำค่าของโลกบู๊โบราณ กลับถูกมังกรคะนองน้ำทรมานจนตาย

“อาจารย์ ต่อไปพวกเราควรทำอย่างไร?” เฉินซงจื่อถามขึ้น

“ฆ่า ฆ่าพวกเขาจนเลือดไหลนอง ฆ่าจนพวกเขารู้ถึงความเก่งกาจของพวกเรา ฆ่าจนพวกเขาหวาดกลัว!”

“มีเพียงฆ่าจนพวกเขาหวาดกลัว พวกเขาถึงจะไม่กล้าลงมือกับครอบครัวและสหายของฉัน”

“ครับ!” เฉินซงจื่อพยักหน้า เขาสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตในใจของเฉินโม่ แรงอาฆาตนี้แม้แต่เฉินซงจื่อก็เกิดความรู้สึกเดียวกัน

ใช้ประโยชน์ค่ายกลฆ่าเจ้าสำนักของ สำนักเฟิงหยวน เฉินโม่เริ่มโต้กลับครั้งใหญ่

คนเหล่านั้นที่หลิ่วหยวนพูดชักจูงจากโลกบู๊โบราณ แทบจะไม่มีผู้รอดชีวิต ทั้งหมดถูกเฉินโม่ฆ่าแล้ว

หากไม่ใช่ว่า หลิ่วหยวนหนีได้เร็ว แม้แต่เขาก็ถูกเฉินโม่ฆ่าแล้ว

ครั้งนี้เฉินโม่ห่าจนทั้งโลกฝึกบู๊ตกตะลึง แม้แต่โลกบู๊โบราณก็ตกตะลึง

หลังจากยึดกองกำลังหลับมาทั้งหมด เฉินโม่ถึงได้พบว่า ที่แท้กองกำลังของตัวเองมีเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

ตอนที่หลินเสวี่ยอยู่ที่สำนักยาเซียน ได้เสนอข้อแนะนำกับเฉินโม่ “นายท่าน ในเมื่อตอนนี้กองกำลังของนายท่านมากขนาดนี้แล้ว เพื่อสะดวกต่อการบริหาร เหตุใดนายท่านถึงไม่รวมกองกำลังเข้าด้วยกัน?”

“พลังกระจัดกระจายเกินไป มีแต่จะทำให้คนนอกจ้องเขมือบ หากนำกำลังเหล่านี้มารวมเป็นเชือกเส้นเดียว เช่นนั้นต่อให้คนภายนอกมีเจตนาขอส่วนแบ่งในผลประโยชน์ที่ไม่ควรได้ ก็ไม่มีความสามารถนั้น!”

เฉินโม่รู้สึกว่าความคิดเห็นของหลินเสวี่ยไม่เลว ถึงแม้เขาไม่ใส่ใจกับกองกำลังพวกนี้ แต่ในเมื่อยังต้องใช้ชีวิตบนโลกอีกช่วงหนึ่ง เช่นนั้นยังจะต้องพัฒนาไปในทางที่ดี

ต่อให้ในอนาคตจากโลกไป เหลือกองกำลังเหล่านี้ไว้ให้พวกคุณแม่ ก็ไม่เลว

เฉินโม่ตอบรับหลินเสวี่ย ให้หลินเสวี่ยทำตามความคิดของเธอ

หลินเสวี่ยจัดแจงแผนงานชุดหนึ่งมาให้เฉินโม่อย่างรวดเร็ว

รวมกองกำลังทั้งหมดของเฉินโม่เข้าด้วยกัน แม้แต่ตระกูลไช่ที่ก่างวานและสำนักยาเซียนก็รวมเข้าด้วยกัน เรียกรวมกันว่าสำนักโม่

ให้ฉู่เหวินสงคนเหล่านั้นรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง เป็นกรรมการบริหารของ สำนักโม่ เฉินโม่ดำรงตำแหน่งประธานของสำนักโม่

หลังจากหลี่ซู่เฟินได้รับรู้ เธอเป็นฝ่ายแสดงความต้องการให้นำเหม่ยหวา กรุ๊ปก็รวมเข้าด้วยกัน เธอเหมือนกับฉู่เหวินสงและคนอื่นๆ เป็นกรรมการบริหารของ สำนักโม่

เฉินโม่ไม่กล้าอยู่แล้ว แม้แต่หลินเสวี่ยก็ไม่กล้ารับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของสำนักโม่ จึงให้หลี่ซู่เฟินรับหน้าที่เป็นผู้จัดการใหญ่ของ สำนักโม่ เวินฉิงกับหลินเสวี่ยถือเป็นผู้ช่ายจัดการ สำนักโม่ด้วยกัน

ต่อไปสำนักโม่ที่รวมเข้าด้วยกัน ตามประมาณการ เข้าสู่สิบอันดับแรกของห้าร้อยอันดับสุดยอดของโลกได้โดยตรง