บทที่ 800 เป็นเพียงเงาจะมีตัวตนได้อย่างไร

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 800 เป็นเพียงเงาจะมีตัวตนได้อย่างไร

แน่นอนว่าได้เปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่มันก็ดี

แต่ก็ไม่สมควรรอนานขนาดนี้

หลินเป่ยเฉินจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกซับซ้อน

นี่หมายความว่าเขาคงไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้อีกพักใหญ่

ไม่สามารถติดต่อเทพีกระบี่หิมะไร้นาม ไม่สามารถแชทกับธิดาอู๋ไห่จือตี้ ไม่สามารถซื้อของในร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจร

ไม่สามารถซื้อของในแอป Taobao และแอปซื้อสินค้าอื่นๆ

หลายฟังก์ชันของโทรศัพท์มือถือไม่สามารถใช้งานได้

และที่สำคัญก็คือ… สิ่งของที่เก็บเอาไว้ในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ก็ไม่สามารถดาวน์โหลดออกมาใช้งานได้ชั่วคราว

นี่ไม่ต่างจากตอนที่กำลังเล่นเกมออนไลน์และบริษัทเกมบอกว่าจะปิดเซิร์ฟเวอร์เพื่อปรับปรุงระบบ ต่อให้เป็นผู้เล่นที่เติมเงินมากมายขนาดไหน ก็ไม่สามารถเข้าเล่นได้อยู่ดี

เอาละ

ก็แค่อัปเกรดอุปกรณ์

ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวก็เสร็จละนะ

และเด็กหนุ่มก็ตั้งความหวังว่าการอัปเกรดอุปกรณ์ในครั้งนี้ คงจะทำให้โทรศัพท์ของเขามีความสามารถหลากหลายและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

บางทีมันอาจจะทำให้เขาพบหนทางกลับสู่โลกมนุษย์ก็เป็นได้

เมื่อปลอบใจตัวเองจนสบายใจแล้ว หลินเป่ยเฉินจึงได้เก็บโทรศัพท์มือถือ และก้มหน้ามองกระจกทองสัมฤทธิ์ในมืออีกครั้ง หลังจากนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจเก็บมันเอาไว้ด้านในอกเสื้อ

ถึงพลังที่อยู่ในกระจกจะโดนโทรศัพท์มือถือดูดซับไปหมดแล้ว จนบัดนี้มันมีคุณสมบัติไม่ต่างไปจากกระจกธรรมดาบานหนึ่ง แต่วัสดุที่ใช้ทำกระจกบานนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน อีกอย่าง หลินเป่ยเฉินก็ไม่แน่ใจว่าวัสดุที่ใช้ทำกระจกจะเกี่ยวข้องกับฟังก์ชัน ‘การชาร์จแบตเตอรี่อย่างรวดเร็ว’ อะไรนั่นหรือไม่

ก่อนหน้านี้ โทรศัพท์ไม่เคยได้รับการอัปเกรดอุปกรณ์มาก่อน

ถ้าในอนาคตข้างหน้า หลินเป่ยเฉินพบเจอสิ่งของที่คล้ายกับกระจกทองสัมฤทธิ์บานนี้ โทรศัพท์มือถือของเขาจะได้รับการอัปเกรดอีกหรือไม่?

เมื่อเก็บกระจกบานเล็กเข้าไว้ในอกเสื้อเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็เดินสำรวจทั่วห้องเก็บสมบัติอีกครั้ง

แล้วก็อดผิดหวังไม่ได้เมื่อพบว่าในห้องนี้ไม่มีของสิ่งอื่นอยู่อีกเลย

ไม่มีเหรียญทองคำ ไม่มีเหรียญเงิน ไม่มีอัญมณี ไม่มีศิลาบูชากองเป็นภูเขาเลากาอย่างที่จินตนาการไว้

“เหลียงหยวนเตามีห้องเก็บสมบัติอื่นอีกหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินถามออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

หลินฮุนตอบอย่างระมัดระวังว่า “ในจวนผู้ว่ายังมีห้องเก็บของอยู่อีกหลายห้องขอรับ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นทรัพย์สินธรรมดาเช่นเหรียญทองคำและเหรียญเงิน…”

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความดีใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบพาข้าไปดูเร็วเข้า”

เด็กหนุ่มออกคำสั่ง

หลินฮุนไม่กล้าเชื่องช้า รีบนำพาเจ้านายคนใหม่ไปตรวจดูห้องเก็บทรัพย์สินของท่านเจ้าเมืองประจำนครเจาฮุย และเหตุการณ์ก็เป็นไปอย่างที่คิด หลินเป่ยเฉินพบเข้ากับเหรียญทองคำจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านเหรียญ ศิลาบูชาอีกมากกว่า 3,000 ก้อน เช่นเดียวกับแร่หินและอัญมณีคุณภาพสูง รวมไปถึงอาวุธและชุดเกราะขัดเงาอีกนับไม่ถ้วน!

“ประเสริฐ”

ดวงตาของหลินเป่ยเฉินสะท้อนประกายกับเหรียญทองคำระยิบระยับ

บัดนี้ เขาเพียงหงุดหงิดที่ตนเองไม่สามารถใช้งานแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ได้ สงสัยทรัพย์สินและข้าวของพวกนี้คงต้องให้พวกหวังจงเข้ามาขนย้ายออกไปซะแล้ว

“เหลียงหยวนเตาปกครองมณฑลนี้มาหลายสิบปี ทรัพย์สมบัติของมันต้องมีมากกว่านี้แน่นอน”

หลินเป่ยเฉินยังคงหวังที่จะได้ทรัพย์สมบัติมากกว่านี้

เดือดร้อนหลินฮุนต้องรีบอธิบายว่า “วิญญาณปีศาจที่สิงสู่อยู่ในตัวเหลียงหยวนเตาจำเป็นต้องดูดซับพลังเป็นจำนวนมาก นอกจากต้องกินเนื้อมนุษย์เป็นอาหารแล้ว ก็ยังต้องดูดซับพลังจากศิลาบูชาในทุกๆ วันอีกด้วยขอรับ รวมถึงสมุนไพรวิเศษและโอสถเสริมปราณอีกหลายชนิดก็ถูกใช้งานด้วยเช่นกัน ทำให้ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา สิ่งของเหล่านี้แทบไม่เหลืออยู่อีกแล้วขอรับ”

“บัดซบ”

หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอด “เหลียงหยวนเตาตายไปแล้วยังจะสร้างความรำคาญใจให้แก่ข้าอีก”

หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็เดินนำหลินฮุนกลับออกมาจากจวนผู้ว่า

ในเวลาเดียวกันนี้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนกลุ่มใหญ่ดังขึ้นบริเวณหน้าประตูเมืองเขตห้า

ปรากฏว่าเป็นกองทหารกำลังจะยกขบวนบุกเข้ามา

หลินฮุนเห็นดังนั้นก็ชะงักกึกด้วยความตกใจ ร่างกายถอยหลังหนีด้วยสัญชาตญาณ

“ไม่ต้องกลัว”

หลินเป่ยเฉินเห็นความผิดปกติของชายชราจึงยกมือส่งสัญญาณบอกให้อยู่เฉยๆ

หลินฮุนหยุดนิ่งและรีบอธิบายว่า “กราบเรียนคุณชายหลิน ข้าน้อยมีภาพลักษณ์ชั่วร้าย หากผู้คนพบเห็นข้าน้อยอยู่กับท่าน ภาพลักษณ์ของคุณชายจะพลอยแปดเปื้อนไปด้วยเสียเปล่าๆ ขอข้าน้อยรับใช้นายท่านอยู่ในเงามืด เป็นเพียงเงาคอยรับใช้คุณชายไปชั่วชีวิตโดยไม่ต้องมีผู้ใดรับรู้ ข้าน้อยก็พอใจแล้วขอรับ”

“หึหึ”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอและพูดว่า “ตัวข้านั้นหล่อเหลายิ่งกว่าท่านนักปราชญ์[1]พานอันในวัยหนุ่ม มีความคิดเฉียบแหลมยิ่งกว่าท่านนักปราชญ์[2]ซงอวี้ผู้ยิ่งใหญ่ และมีจิตใจอันดีงามมากเสียยิ่งกว่าพระเอกในนิยายออนไลน์เรื่องไหนๆ แล้วเจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้ามีภาพลักษณ์เช่นใด?”

เด็กหนุ่มแอบเสริมในใจว่า ‘ไม่มีใครจะมีภาพลักษณ์ต่ำตมมากไปกว่าข้าอีกแล้วล่ะ’

“ด้วยเหตุฉะนี้…”

หลินเป่ยเฉินจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหลินฮุนผู้มีสีหน้าตื่นตกใจราวกับเห็นวิญญาณคนตายกลางวันแสกๆ และพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นใจว่า “เจ้าคิดว่าข้ายังจะต้องกลัวเสียภาพลักษณ์อยู่อีกหรือ?”

หลินฮุนพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว

จริงด้วยสินะ

อดีตของคุณชายหลินนั้นเคยได้ชื่อว่าเป็นเด็กเสเพลอันดับหนึ่งแห่งเมืองหยุนเมิ่ง แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังทรงยกเว้นโทษประหารชีวิตให้เพราะเวทนาด้วยความที่มีสติไม่สมประกอบ ว่ากันว่าเดิมทีคุณชายหลินมีนิสัยร่านราคะ ชอบรังแกผู้คน ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี แม้แต่หมาแมวก็ไม่มีข้อยกเว้น…

หากมิใช่ว่าคุณชายหลินเริ่มกลับตัวกลับใจเมื่อหกเดือนก่อน เกรงว่าภาพลักษณ์ในปัจจุบันนี้ ก็คงไม่ได้ดีไปกว่าเหลียงหยวนเตาสักเท่าไหร่

แต่นั่นคือสิ่งที่เป็นอดีต

ปัจจุบันนี้ คุณชายหลินมีสถานะเป็นดั่งเทพเจ้าประจำใจผู้คนจำนวนมาก

“แต่คุณชายขอรับ ถึงอย่างนั้น…”

หลินฮุนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นขัดจังหวะและกล่าวว่า “เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว ข้าคือหลินเป่ยเฉินผู้มิได้สนใจในภาพลักษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เจ้ากลัวจะมีผู้คนนำข้าไปนินทาในทางมิดีอย่างนั้นหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ข้าจะจับมันมาฉีกปากทิ้งซะ”

หลินฮุนยืนตัวแข็งทื่อ

เมื่อเห็นอาการของขันทีชรา เด็กหนุ่มก็อดสบถออกมาอีกครั้งไม่ได้ว่า “เจ้าอยากจะเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งไม่ใช่หรือ ในเมื่อเจ้าอยากจะให้ข้าทำกับเจ้าเฉกเช่นเป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง เจ้าก็ต้องเรียนรู้ที่จะยืนหยัดสู้หน้าคนเสียบ้าง… เหอเหอเหอ เจ้าเอาแต่อยู่ในเงามืด แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้เห็นแสงสว่าง? เจ้าเป็นเพียงเงาแล้วจะมีตัวตนได้อย่างไร?”

คำพูดของหลินเป่ยเฉินทำให้หลินฮุนได้สติ

เป็นเพียงเงาแล้วจะมีตัวตนได้อย่างไร?

หลินฮุนนึกทบทวนคำถามข้อนี้

นี่คือคำถามที่ไม่ต่างจากสายฟ้าผ่าลงกลางหัวใจของชายชรา ทะลุหมอกหนาซึ่งปกคลุมหัวใจของหลินฮุนมาเนิ่นนานหลายสิบปี

หลินฮุนไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะมีใครสักคนมาพูดเช่นนี้กับเขา

ไม่ใช่เพียงพูดเท่านั้น

แต่ยังมอบโอกาสให้เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ มอบโอกาสให้เขาได้เห็นแสงสว่าง มอบโอกาสให้เขาได้รับความอบอุ่นของดวงตะวัน และมอบโอกาสให้เขาได้มีชีวิตอย่างเช่นคนปกติผู้หนึ่ง

ตอนที่ออกมายืนรอหลินเป่ยเฉินอยู่หน้าจวนผู้ว่า หลินฮุนไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์จะมาลงเอยเช่นนี้

เสียงฝีเท้าของกลุ่มทหารดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ปรากฏว่าเป็นพวกของเฉียนเหมย เฉียนเจิน อากวง เซียวปิงและคนอื่นๆ ยกขบวนมาพร้อมกับหน่วยทหารคนงานขุดเหมือง

ถือเป็นขุมกำลังของหลินเป่ยเฉิน

แต่เกาเฉิงฮั่นผู้มีพลังขั้นเซียนไม่ได้ติดตามมาด้วย

เช่นเดียวกับกองทัพประจำนครเจาฮุย

น่าสนใจแฮะ

หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความพอใจ

ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่คิดมาแย่งชิงทรัพย์สินภายในจวนผู้ว่าแห่งนี้กับเขา ทุกคนก็ยังถือเป็นเพื่อนที่ดีของหลินเป่ยเฉินทั้งสิ้น

เมื่อเห็นขันทีเฒ่าอดีตคนสนิทของเหลียงหยวนเตามายืนหยัดอยู่เคียงข้างหลินเป่ยเฉิน เหล่าผู้ติดตามของเด็กหนุ่มจากเมืองหยุนเมิ่งก็ถึงกับต้องเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ

สายตาของผู้คนจำนวนมากจับจ้องมองไปที่หลินฮุน

เฉียนเหมยกำมือเป็นหมัดแน่น ใบหน้ากระตุกด้วยความโกรธแค้น ราวกับว่าพร้อมที่จะสังหารชายชราได้ทุกเมื่อ

“เขามีนามว่าหลินฮุน ต่อจากนี้จะมาทำงานให้พวกเรา”

หลินเป่ยเฉินรีบแนะนำตัวขันทีเฒ่าโดยทันที

ทุกคนถึงกับหยุดชะงัก

“รับทราบขอรับนายท่าน”

กงกงส่งเสียงรับคำขึ้นในกลุ่มทหาร ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าคนขับรถม้าหนุ่มผู้นี้มาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่

หลังจากนั้น คนขับรถม้าผู้ไว้ผมจุกบนศีรษะก็หันมาพยักหน้าทักทายหลินฮุนด้วยความเป็นมิตร

เซียวปิงยืนรับประทานน่องไก่ต้มอย่างเอร็ดอร่อย

ใบหน้าอวบอ้วนของเด็กหนุ่มก็หันมาส่งยิ้มให้แก่หลินฮุนเช่นกัน

เฉียนเหมยคลายกำปั้นลงแล้ว

ในขณะนี้ หลินฮุนรู้ซึ้งแล้วว่าคำพูดของหลินเป่ยเฉินมีอิทธิพลขนาดไหน เพราะเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น แววตาเกลียดชังของผู้คนที่จ้องมองเขาก็เปลี่ยนแปลงกลายเป็นแววตาแห่งความประหลาดใจและเป็นมิตร

บางคนถึงกับส่งยิ้มให้เขาเสียด้วยซ้ำ

บัดนี้ ชายชรารู้สึกถึงความอบอุ่น

การเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งก็คงมีความรู้สึกเช่นนี้เองกระมัง?

หลินฮุนตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง

เพี๊ยะ!

ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินกลับตบหลังศีรษะของเขาอย่างแรง

“เจ้าตัวบัดซบ มัวแต่ยืนนิ่งอยู่ได้ ยังไม่รีบพาคนเข้าไปขนสมบัติออกมาอีก…”

พูดจบ คุณชายหลินก็หันไปออกคำสั่งต่อคณะผู้ติดตามของตนเองว่า “ทุกคนเข้าไปตรวจค้นจวนผู้ว่าแห่งนี้ให้กับข้า พบเจอของมีค่าใดให้เก็บกลับมาให้หมด หากข้าพบว่ามีเหรียญทองแดงตกหล่นแม้แต่เหรียญเดียว ข้าจะหักขาพวกเจ้าทิ้งซะ”

กลุ่มนายทหารคนงานขุดเหมืองพร้อมใจกันประสานเสียงรับคำสั่งเด็กหนุ่มด้วยความมุ่งมั่น

หลินฮุนยกมือลูบหลังศีรษะป้อยๆ ถึงตนเองจะถูกเด็กหนุ่มตบหัว แต่ชายชรากลับหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรับหน้าที่นำทางทุกคนเดินเข้าไปในจวนผู้ว่า

และในบรรดากลุ่มคนเหล่านี้ พ่อบ้านหวังจงกำลังมีสีหน้าวิตกกังวลขึ้นมาแล้ว

ก่อนหน้านี้ ตำแหน่งคนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของคุณชายหลินของเขาถูกท้าชิงด้วยอากวงและกงกง ปรากฏว่าในขณะนี้กลับเพิ่มขันทีเฒ่าหลินฮุนขึ้นมาอีกผู้หนึ่ง

มิหนำซ้ำ ขันทีผู้นี้ยังมีแซ่เดียวกับนายน้อยอีกด้วย ทันใดนั้น หวังจงพลันรู้สึกว่าตำแหน่งคนรับใช้อันดับหนึ่งของตนเองเริ่มสั่นคลอนขึ้นมาอย่างแท้จริงแล้ว!!

ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย

[1] นักปราชญ์จีนจากยุคราชวงศ์จิ้นตะวันตก มีนามที่แท้จริงว่าพานเยว่ มักถูกยกย่องให้เป็นตัวแทนของบุรุษหนุ่มผู้หล่อเหลาสมบูรณ์แบบ

[2] นักปราชญ์จีนจากยุครณรัฐ เป็นผู้มีส่วนร่วมในการเขียนบทกวี “ฉู่ฉือ” อันโด่งดัง