บทที่ 1540 เปิดประตู!

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พูดไปเป็นชุด ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะคิดเพ้อเจ้อไปเรื่อย

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าห้องที่คนโดนห้ามนี้ช้าลงเรื่อยๆ แล้วก็หยุดลง พอยื่นหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ดาวเคราะห์ดวงใหญ่ที่สวยงามก็อยู่ตรงหน้าแล้ว เห็นนักพรตเหาะไปมาบ้างเป็นครั้งคราว

ด้านนอกประตูมีเสียงของโกวเยว่ดังขึ้นอีก “ฮูหยิน กำลังจะถึงแล้วขอรับ ถ้ายกเกี้ยวห้องนี้เข้าตลาดสวรรค์ก็จะสะดุดตาเกินไป” คำเรียกเปลี่ยนไปแล้ว

“เข้าใจแล้ว” เม่ยเหนียงตอบ แล้วยื่นมือมาหยิบหมวกมุ้งไว้บนศีรษะลูกสาว แล้วตัวเองก็ใส่ไว้ด้วยเช่นกัน

จากนั้นสองแม่ลูกที่ปิดบังใบหน้าก็เดินออกประตูมา ถึงได้พบว่าโกวเยว่ใส่หน้ากากปลอมใบหน้าแล้ว กลายเป็นชายชราที่ใบหน้าเหมือนแม่พิมพ์คนหนึ่ง สองแม่ลูกจูงมือกันเหาะไปบนท้องฟ้าแล้ว

คนยกห้องเกี้ยวถูกเก็บกลางอากาศ คนหามเกี้ยวกลายเป็นองครักษ์อยู่ทางซ้ายและขวา มีหนึ่งคนคอยติดตาม โกวเยว่นำทางอยู่ข้างหน้า เหาะฝ่าชั้นบรรยากาศเข้าไปในดาวจิ่วหวนอย่างรวดเร็ว

พวกเขาเหาะจากฟ้าลงมาใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงจุดไกลๆ นอกประตูเมืองฝั่งตะวันออกของดาวจิ่วหวนตลาดสวรรค์ และมีแค่ประตูเมืองฝั่งตะวันออกที่ยังมีคนเข้าออก ประตูเมืองที่เหลือถูกปิดหมดแล้ว และที่ประตูเมืองก็ยังมีทหารสวรรค์จำนวนมากสอบสวนคนที่เข้าเมือง แต่คนที่ออกนอกเมืองไม่ถูกควบคุมอะไร แต่ดูจากการที่ทหารลาดตระเวนบนหัวกำแพงเมืองอย่างถี่ๆ ก็ยังมองออกว่าบรรยากาสค่อนข้างตึงเครียด

เซี่ยหลิงหลิง ผู้จัดการหอฉางเจิน เป็นสตรีวัยกลางคนที่ยังมีเสน่ห์หลงเหลืออยู่ หอฉางเจินเป็นกิจการของตระกูลก่วง นางก็เป็นคนของตระกูลก่วงเช่นกัน ตอนนี้นางที่กำลังเหลียวซ้ายและขวารีบเหาะลงมาจากไหล่เขา ทำความเคารพชายร่างผอมที่อยู่ข้างกายโกวเยว่ “เซี่ยหลิงหลิงยินดีตอนรับผู้จัดการใหญ่”

ผู้จัดการใหญ่หานตง เป็นผู้รับผิดชอบร้านค้าทั้งหมดในตลาดสวรรค์ของตระกูลก่วง ข้างล่างยังมีผู้ช่วยรับผิดชอบร้านค้าที่มีสาขาอยู่ในเขตต่างๆ ยามปกติเซี่ยหลิงหลิงติดต่อกับผู้ช่วยที่อยู่ข้างบนเท่านั้น ในสถานการณ์ทั่วไปนอกจากเวลาตรวจสอบบัญชีครั้งใหญ่ นางก็จะไม่เห็นผู้จัดการใหญ่ท่านนี้ อย่างไรเสียร้านค้าทั้งเล็กทั้งใหญ่ของตระกูลก่วงที่อยู่ตามตลาดสวรรค์ที่ต่างๆ ก็มีเป็นหมื่นร้าน หมายความว่าผู้จัดการร้านก็มีหลายหมื่นคนเช่นกัน ที่ตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนก็มีสองร้าน ผู้จัดการใหญ่จะมีเวลาว่างมาติดต่อกับผู้จัดการร้านทุกคนได้อย่างไร

หานตงจ้องมองนางครู่หนึ่ง แล้วหยิบแผ่นหยกแผ่นหนึ่งออกมายื่นให้นาง

เซี่ยหลิงหลิงรับแผ่นหยกมาดู ข้างในเป็นบัญชีที่นางเคยรายงาน บนนั้นมีตราอิทธิฤทธิ์ของนาง เนื้อหาส่วนล่างถูกลบไปแล้ว เหลือไว้เพียงตราอิทธิฤทธิ์ของนาง นางเข้าใจในทันที ว่าผู้จัดการใหญ่คงจะไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับนาง มีแต่ต้องตรวจสอบตราอิทธิฤทธิ์ที่นางลงไว้เท่านั้น

นางจึงร่ายลงตราอิทธิฤทธิ์ของตัวเองไว้บนนั้นทันที แล้วใช้สงมือมอบแผ่นหยกให้

หลังจากหานตงรับมาเปรียบเทียบในมือแล้ว ก็เก็บแผ่นหยกเอาไว้ แล้วถามว่า “เตรียมไว้พร้อมหรือยัง?”

“เตรียมการตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วค่ะ” เซี่ยหลิงหลิงตอบอย่างเคารพ

หานตงหันตัวมาย่อเข่าให้โกวเยว่เล็กน้อย โกวเยว่พยักหน้า เสร็จแล้วหานตงถึงได้โบกมือให้เซี่ยหลิงหลิง “นำทางไป”

“รับทราบ!” เซี่ยหลิงหลิงเอ่ยรับ แต่ในใจกลับแอบตกใจ แอบมองประเมินโกวเยว่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่

สำหรับเซี่ยหลิงหลิง ผู้จัดการใหญ่คือคนใหญ่คนโตที่ยอดเยี่ยมมาก คนที่ควบคุมช่องทางรายได้ส่วนใหญ่ แค่คิดก็รู้แล้วว่ามีฐานะที่จวนอ๋องสวรรค์เป็นอย่างไร นั่นเป็นบุคคลที่ค่อนข้างเหนือผู้อื่นแล้ว แต่กลับเคารพนอบน้อมต่อชายชราที่ปลอมตัวขนาดนี้ คนคนนี้เป็นใครกันแน่นะ?

ทว่าเมื่อเห็นรูปร่างแบบนั้น ก็ทำให้หัวใจนางตื่นตระหนกทันที เพราะตรงกับคนคนหนึ่งที่นางเคยเห็นไกลๆ ครั้งหนึ่ง โกวเยว่พ่อบ้านใหญ่ของจวนอ๋องสวรรค์!

น่าจะไม่ผิดพลาด คนที่ทำให้พ่อใหญ่เคารพนอบน้อมได้ขนาดนี้ นอกจากพวกเจ้านายที่จวนอ๋องสวรรค์แล้ว ก็มีโกวเยว่ที่เป็นพ่อบ้านใหญ่ของจวนอ๋องสวรรค์นี่แหละ ผู้จัดการใหญ่เป็นลูกน้องสายตรงของท่านนั้น เป็นหนึ่งในแขนซ้ายแขนขวาของท่านนั้นด้วย

หลังจากเดาออกแล้วว่าเป็นใคร นางก็ตกใจจนแทบตัวสั่น พ่อบ้านใหญ่ของจวนอ๋องสวรรค์เป็นใครกัน? ในบางระดับสามารถเป็นตัวแทนของอ๋องสวรรค์ก่วงได้โดยตรงเลย

แล้วผู้หญิงสองคนที่สวมหมวกมุ้งนั่นเป็นใครล่ะ? เซี่ยหลิงหลิงสงสัยไม่หยุด นางรู้เพียงว่ามีสมาชิกครอบครัวผู้หญิงสองคน เบื้องบนสั่งไว้ว่าให้นางต้อยรับขับสู้อย่างดีที่สุด ไม่ต้องกลัวเรื่องจ่ายเงิน บัญชีทุกอย่างที่ลงไว้เบื้องบนจะรับผิดชอบเอง

ตอนที่มาถึงประตูเมือง เซี่ยหลิงหลิงก็เงยหน้ามองรองผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ฟางลี่เหิงที่ยืนอยู่บนกำแพง อีกฝ่ายเอียงศีรษะบอกใบ้ทหารยามเบื้องล่างเล็กน้อย

ดังนั้นทหารยามที่เฝ้าอยู่ข้างล่างจึงไล่ให้คนอื่นที่เข้าเมืองไปหลบอยู่ด้านข้าง แล้วก็ปล่อยคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปก่อน ไม่ได้ทำการตรวจค้นอะไร

หลังจากคนกลุ่มนี้มาถึงหอฉางเจิน เรือนเดี่ยวที่ดีที่สุดก็ได้ถูกเตรียมไว้ให้เม่ยเหนียงกับลูกสาวแล้ว สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติก็มีกิริยาท่าทางเหมาะสมเช่นกัน นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมร้านค้าในตลาดสวรรค์ที่มีผู้มีอำนาจหนุนหลังถึงได้ครอบครองสถานที่ขนาดใหญ่และสร้างสวนที่ดีขนาดนี้เอาไว้ ไม่ใช่เพื่ออวดความร่ำรวย สาเหตุหลักก็เพื่อให้รับแขกได้สะดวกยามแขกผู้มีเกียรติมาเยือน

หลังจากได้เห็นสถานที่ที่จัดไว้ให้สองแม่ลูกกับตาตัวเองแล้ว โกวเยว่ถึงได้ออกจากเรือนเดี่ยว เซี่ยหลิงหลิงก็กันออกไปแล้วเช่นกัน หานตงเข้ามารายงานว่า “นายท่าน พวกเรานับว่ามาช้าไปแล้ว คนจากอีกสามตระกูลมาก่อนแล้วหนึ่งก้าว” หลังจากมาที่นี่แล้วก็ไม่ได้เรียกว่าผู้การใหญ่หรือพ่อบ้านอะไรอีก

โกวเยว่เข้าใจสาเหตุ ฝั่งนี้มีหวังเฟยออกหน้าเอง ระหว่างทางไม่สะดวกจะต้อนรับไม่ดี จึงทำให้เสียเวลาอยู่บ้าง จึงถามว่า “มีใครมาบ้างแล้วบ้าง?”

หานตงตอบว่า “ตามที่ลูกน้องรายงานมา ฝั่งตระกูลโค่วน่าจะเป็นถังเฮ่อเหนียน โค่วเหวินลวี่กับโค่วเหวินหลาน ฝั่งตระกูลอิ๋งเป็นจั่วเอ๋อร์ อิ๋งเยว่ ส่วนตระกูลฮ่าวก็เป็นต้วนหง ฮ่าวชิงเยี่ยน”

“ทางตระกูลฮ่าวส่งต้วนหงมากำกับดูแลเหรอ? ไม่ได้ส่งซูอวิ้นมาด้วยตัวเองเหรอ?” โกวเยว่ถามอย่างแปลกใจ

“ซูอวิ้นน่าจะไม่ได้มา ข้าเองก็กังวลว่าจะผิดพลาด เลยตั้งใจไปยืนยันมาอีกรอบ ฝั่งตระกูลฮ่าวมีคนเห็นซูอวิ้นยังอยู่ในจวนขอรับ” หานตงตอบ

หลังจากโกวเยว่ไตร่ตรองครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ส่ายหน้าแล้วยิ้มอ่อนอีก “สงสัยฮ่าวเต๋อฟางจะยังเฝ้าคิดว่าจะแต่งงานใหม่กับซูอวิ้น ฝั่งตระกูลอิ๋งก็ปกติมาก ฝั่งตระกูลโค่วมีโค่วเหวินหลานเพิ่มมาอีกคน คงจะเป็นเพราะสนิทกับหนิวโหย่วเต๋อ อิ๋งเยว่ ฮ่าวชิงเยี่ยน หึหึ ตระกูลโค่วมีโค่วเหวินลวี่ที่นับว่าหน้าตาโดดเด่นที่สุด คงคิดว่าตัวเองมีคนรู้จักแล้วจะจัดเรื่องนี้สะดวก อีกสองบ้านล้วนนำลูกสาวที่ยังไม่แต่งงานออกมา จู่ๆ หนิวโหย่วเต๋อคนนี้ก็กลายเป็นบุคคลที่คนอื่นต้องเกรงใจแล้ว  เรื่องราวเปลี่ยนแปลงรุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอนจริงๆ ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง!”

หานตงพึมพำในใจ ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมพูดเรื่องในบ้านตัวเองทั้งนั้น ฝั่งนี้ก็นำลูกสาวสุดหวงออกมาเช่นกันไม่ใช่หรือ ทุกคนก็พอๆ กันทั้งนั้น

โกวเยว่เอียงหน้ามา “คาดว่าการมาถึงของพวกเรา อีกสามบ้านก็คงจะรู้แล้วเช่นกัน”

หานตงพยักหน้าเห็นด้วย ถอนหายใจแล้วบอกว่า “คนที่นายท่านส่งไปสืบเรื่องได้ส่งข่าวกลับมาแล้ว หนิวโหย่วเต๋อนำกำลังพลมาที่ฝั่งนี้แล้ว อีกครึ่งชั่วยามก็คงจะถึง”

“ทางตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรใช่มั้ย?” โกวเยว่พยักหน้าเบาๆ

“ตอนนี้ยังไม่เคลื่อนไหวอะไรผิดปกติขอรับ” หานตงตอบ

“ประมาทไม่ได้ จับตาดูทั้งสี่ฝ่ายนั่นให้ดี” โกวเยว่กล่าว

“รับทราบ!”

เงาคนกลุ่มหนึ่งเหาะลงมาจากฟ้า ทำให้กลุ่มคนบนตลาดสวรรค์พากันเงยหน้ามองขึ้นไป หลังจากเห็นพวกเขาเหาะเข้ามาในเมืองแล้ว ก็ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่หัวถนนใหญ่ทันที

“มีใครมาน่ะ?”

“ทำไมสภาพเหมือนปีนขึ้นมาจากบ่อเลือดเลยล่ะ”

“คงไม่ใช่กำลังพลตำหนักสวรรค์ที่ทำศึกใหญ่อยู่ข้างนอกหรอกใช่มั้ย?”

“แกร๊ง…แกร๊ง…แกร๊ง…” เสียงระฆังดังแว่วหลายครั้ง เสียงมาจากประตูเมืองตะวันออกที่กำลังพลกลุ่มนั้นเหาะไป สิ่งนี้ยิ่งทำให้หัวถนนเกิดเสียงฮือฮาตกใจ

ทหารสวรรค์ที่เฝ้าประตูเมืองตะวันออกลนลานอยู่พักหนึ่ง รีบตัดขาดผู้คนที่เข้าออกเมือง แกร๊ง!พอปิดประตูเมือง ค่ายกลใญ่ที่คุ้มกันเมืองก็ถูกปิดโดยอัตโนมัติทันที

ถ้าไม่ใช่เพราะแรงกดดันจากร้านค้าใหญ่ในเมือง ประตูเมืองนี้ก็ไม่มีทางเปิดออกเลย คนของตำหนักคุ้มเมืองย่อมไม่รู้ว่าร้านค้าใญ่ๆ พวกนี้ต้องการจัดคนเข้าออก ดึงดันจะเปิดประตูเมืองหนึ่งในสี่ที่ปิดสนิทให้ได้

เห็นได้ชัดว่าคนที่เหาะลงมาจากฟ้าก็เห็นแล้วเช่นกันว่าประตูเมืองฝั่งนี้เปิดอยู่ ก็เลยเหาะมาลงที่ฝั่งนี้ ฟางลี่เหิง รองผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ที่วันนี้อยู่ตรงนี้พอดีโผล่หน้าออกไปมองแล้วต้องสูดหายใจอย่างตกตะลึงทันที

คนที่นำกำลังมาที่นี่ก็ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหน เหมียวอี้นำกำลังพลธงพยัคฆ์น้ำเงินที่เหลือเร่งมาทางนี้แล้ว

แต่ละคนยังไม่ถอดเกราะรบออก ทั้งตัวเป็นสีดำเข้ม เป็นสีที่เกิดจากเลือดสดที่อยู่บนตัวแห้งและเกาะตัวกัน บนศีรษะ บนใบหน้า บนเกราะรบ ทุกที่ล้วนเป็นสีแบบนั้น

นั่นคือเลือดสดของศัตรู และเป็นเลือดของเพื่อนร่วมรบเช่นกัน นี่คือเกียรติยศของชีวิตนี้ ไม่มีใครอยากลบออกไปง่ายๆ สาเหตุที่มาที่นี่พร้อมรอยเลือดบนตัว ก็ไม่ใช่เพราะจุดประสงค์อื่น เป็นเพราะอยากโอ้อวดให้คนอื่นเห็น ทำแบบนี้เพื่อตัวเอง และทำเพื่อเพื่อนทารที่รบตายไปด้วย จะปล่อยให้พวกเขาตายโดยไร้ชื่อเสียงไม่ได้!

ดาบและทวนตั้งเรียงราย เคร่งขรึมน่าเคารพและสงบนิ่ง หลังจากคนนับหมื่นเหยียบลงพื้นแล้วก็ไม่ได้จัดกระบวน เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างยุ่งเหยิงวุ่นวาย แต่พลังอำนาจบางอย่างกลับโผไปยังประตูเมืองที่กำลังปิดสนิท

ตรงนี้เพิ่งจะเหยียบลงพื้น ประตูเมืองก็ปิดใส่พวกเขาอีกรอบแล้ว ทำเมือนพวกเขาไม่มีสิทธิ์เข้าประตูบานนี้อย่างนั้นแหละ

พวกเขาเพิ่งหนีจากความตายมาที่นี่ นึกไม่ถึงว่าจะโดนปฏิบัติด้วยแบบนี้ ไฟโกรธกลุ่มหนึ่งเริ่มลุกโชนในหัวใจทุกคนแล้ว!

เหมียวอี้ที่ยืนอยู่หน้าทัพใหญ่ใช้สายตาเย็นเยียบจ้องฟางลี่เหิงที่อยู่บนหัวกำแพงเมือง แล้วตะโกนเสียงดังว่า “เปิดประตู!”

กองทัพทหารยามที่อยู่บนหัวกำแพงมองกลุ่มคนที่อยู่ด้านล่าง ไม่มีใครหัวเราะเยาะที่คนพวกนี้มีสภาพสะบักสะบอมจนตรอก ในใจรู้สึกเพียงว่ามีกลิ่นอายสังหารกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา ในมือกำดาบและทวนเอาไว้แน่นอีกครั้ง รู้สึกปากคอแห้ง เมื่อได้เห็นคนพวกนี้ พวกเขาถึงได้เข้าใจแล้วกำลังพลที่ต่อสู้ในสนามรบอย่างแท้จริงคืออะไร!

ถึงแม้พวกเขาจะยืนอยู่สูง แต่เมื่อโดนสายตาเดือดดาลแต่ละคู่นั้นจ้อง ก็กลับรู้สึกหวาดหวั่นไม่มั่นใจแทบแย่

ฟางลี่เหิงอกสั่นขวัญแขวนเล็กน้อย พยายามสงบสติอารมณ์ แล้วตะโกนเสียงดังว่า “พวกเจ้าเป็นกำลังพลจากไหน มาที่นี่ทำไม?”

เหมียวอี้ที่กำลังจ้องหัวกำแพงเมืองไม่อยากเปลืองน้ำลาย เขาเกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะสั่งโจมตีเมืองเสียเลย ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าอวิ๋นจือชิวตกอยู่ในมือตำหนักคุ้มเมือง และกังวลว่าจะทำให้เกิดเหตุไม่คาดคิดกับอวิ๋นจือชิว ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดผลอะไรตามมา

เหมียวอี้ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเบาๆ ยกผ่านหัวไหล่ขึ้นมา

ในแนวรบข้างหลังมีความเคลื่อนไหวทันที มีคนหยิบเสาโลหะออกมาต่อกัน และไม่นานก็ตั้งเสาธงผืนใหญ่ขึ้นมาหลายต้น

ธงพยัคฆ์น้ำเงิน ธงอินทรีแต่ละสี ธงหมาป่าหลายสีทยอยกันโบกสะบัด บนผืนธงรบที่ทำขึ้นเป็นพิเศษพวกนี้มีรอยเลือดย้อมทุกผืน บางผืนถึงขนาดขาดรุ่ย แต่กลับทำให้ทุกคนบนหัวกำแพงเมืองละสายตาออกไปได้ยาก

เหมียวอี้พลันร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนว่า “หนิวโหย่วเต๋อ แม่ทัพภาคกองมังกรดำของทัพเป่ยโต้ว หน่วยองครักษ์เจิ้นอี่นำกำลังพลมาที่นี่แล้ว รีบเปิดประตู!” เสียงนี้ดังก้องเข้าไปในเมือง ไม่ว่าใครก็ฟังออกว่าในน้ำเสียงนี้แฝงอารมณ์โกรธ

พอได้ยนิคำว่า ‘หนิวโหย่วเต๋อ’ ผู้คนเดินถนนที่อยู่ก็เมืองก็เงียบทันที คนงานแต่ละร้านพากันยื่นศีรษะออกมา ทำท่าเงี่ยหูฟังสถานการณ์เงียบๆ

“หนิวโหย่วเต๋อ?”

“หนิวโหย่วเต๋อมาแล้ว!”

“ฟังจากเสียงนี้ทำไมดูโมโหนักล่ะ?”

“อย่าบอกนะว่าเป็นพวกที่เพิ่งเหาะลงมาจากฟ้าเมื่อกี้นี้…”

“อย่าบอกนะว่าคนที่ฆ่าฉู่จื่อซานคือเขา?”

“ที่แท้กองทัพองครักษ์ห้าหมื่นที่โจมตีทัพใหญ่หนึ่งล้านของน่านฟ้าระกาติงแตกพ่ายก็คือเขานี่เอง! แล้วเจ้าบ้านั่นมันกระฟัดกระเฟียดพาคนถ่อมาทำอะไรที่นี่? แม่งเอ๊ย ข้าตกใจนะโว้ย! ตลาดสวรรค์ไปหาเรื่องอะไรเจ้า จะล้างแค้นหรือทวงหนี้ก็ไปหาให้ถูกคนสิ ทำไมเอาแต่กลั่นแกล้งตลาดสวรรค์อยู่เรื่อย?”

…………………………