ชายหนุ่มก็คือหานลี่ที่เดินทางอย่างไม่หยุดพักในที่สุดก็กลับมาถึงเมืองเทวะสวรรค์

ยามนี้มีสองสตรีและหนึ่งบุรุษเดินออกมาจากห้องโดยสารบนสำเภาหยก กลับเป็นอิ๋นเย่ว์ นักพรตเซี่ยและพวก

อิ๋นเย่ว์กวาดสายตาไปยังเรือนร่างของทุกคนบนหัวเมือง แววตาฉายแววประหลาดใจเช่นกัน

“ที่แท้ก็พี่หานกลับมาแล้ว นี่เป็นเรื่องน่ายินดีของเมืองเรานัก พวกเรามีธุระนิดหน่อย กลับไม่รู้ว่าสหายหานจะกลับมาวันนี้ มิเช่นนั้นจะต้องเตรียมต้อนรับมาแต่ไกลแน่” ในที่สุดชายชราผมสีเงินก็ได้สติจากการตกตะลึง แล้วร้องอุทานในใจว่าแย่แล้วไม่หยุด แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มพลางประสานมือเอ่ยคารวะหานลี่

ชายชราเอ่ยไปพลางใช้จิตสัมผัสกวาดไปทางหานลี่ไปพลาง กลับพบว่าไม่อาจมองระดับความลึกล้ำของพลังยุทธ์ได้ รู้สึกเพียงว่ากลิ่นอายของอีกฝ่ายเหมือนจะลึกล้ำกว่าก่อนหน้า จึงอดที่จะสั่นระริกไม่ได้

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าผลการทะลวงจุดคอขวดระดับมหายานของหานลี่ แต่เห็นได้ชัดว่าพลังยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ไม่ใช่แค่อาวุโสกู่ อาวุโสระดับผสานอินทรีย์คนอื่นๆ ที่จำหานลี่ได้ก็สัมผัสได้ถึงพลังยุทธ์ที่ลึกล้ำยากจะคาดเดาทันที

แต่จากระดับความแข็งแกร่งของจิตสัมผัสของพวกเรา ยามที่หานลี่ปล่อยแรงกดระดับมหายานออกมา จะดูไม่ออกได้อย่างไร

ผลคือคนกลุ่มนั้นไม่อาจแยกแยะระดับพลังยุทธ์ของหานลี่ในตอนนี้ได้ จึงมีสีหน้าหลากหลาย บ้างก็ทำได้แค่ยิ้มแหยๆ ออกมา

หานลี่มองสีหน้าแปลกประหลาดของทุกคนด้านล่าง แล้วพลันใจเต้น แต่ใบหน้ากลับประดับไปรอยยิ้มขณะเอ่ย

“หึๆ ที่แท้เหล่าสหายก็มีธุระอื่น ผู้ที่ทำให้สหายกู่และพวกมารออยู่ที่นี่ได้ ดูแล้วคงเป็นแขกที่เมืองเทวะสวรรค์ให้ความสำคัญสินะ หรือว่าจะเป็นใต้เท้าม่อเจี่ยนหลีหรือท่านอาวุโสเอ๋าเซี่ยว?”

“ไม่ใช่ ใต้เท้าทั้งสองไร้ซึ่งข่าวคราวไประยะหนึ่งแล้ว…” ชายชราผมสีเงินหุบยิ้มบนใบหน้า แล้วเอ่ยอย่างช้าๆ ด้วยความลังเล

แม้ว่าจากประสบการณ์ที่เฟื่องฟูของเขา ในยามนี้ก็ยังลังเล ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยเรื่องที่ทูตเกาะศักดิ์สิทธิ์มาในทันทีหรือไม่

โชคดีที่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ชายชราผมสีเงินปวดหัวอีกต่อไปแล้ว!

เพราะในยามนี้ท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งพลันมีลำแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะมีรัศมีห้าสีม้วนวนออกมา ดูเหมือนจะเชื่องช้า แต่ความจริงแล้วความเร็วกลับรวดเร็วอย่างหาที่เปรียบมิได้ แค่กะพริบวาบก็มาอยู่เหนือหัวเมือง

หลังจากที่รัศมีลำแสงหม่นแสงลง ชั่วขณะนั้นสำเภายักษ์สีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกอีกลำหนึ่งก็ปรากฏตัวด้านข้างสำเภาเหาะหยกมรกตของหานลี่ มีขนาดใหญ่กว่าสี่ห้าเท่า

หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันตกตะลึง แต่ก็สายตากวาดไปบนสำเภาสีขาวทันที

เห็นเพียงบนสำเภามีคนยืนอยู่สิบกว่าคน สามคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด จากท่าทางหรือพลังแรงกดก็เหนือกว่าผู้ที่อยู่ด้านหลัง

ในบรรดาสามคนนั้นทางซ้ายคือชายร่างใหญ่เรือนผมสีเหลือง ดวงตาสีเขียวมรกต อายุสามสิบสี่สิบปี ตรงกลางกลับเป็นชายหนุ่มใบหน้างดงามสวมชุดสีขาว คาดไม่ถึงว่าจะเป็นชายหนุ่มที่มีท่าทางสง่างามคนหนึ่ง ทางขวาคือฮูหยินหน้าตาอัปลักษณ์สองเท้าเปลือยเปล่า ผิวสีดำสนิท

ทั้งสามคนแผ่กลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมา!

และเมื่อจิตสัมผัสของหานลี่กวาดไปบนเรือนร่างของทั้งสาม ก็รู้ว่าบุรุษและสตรีล้วนมีพลังยุทธ์ระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลาง ชายหนุ่มชุดขาวที่อยู่ตรงกลางกลับมีพลังยุทธ์น่ากลัวของระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย และยิ่งไปกว่านั้นยังมีท่าทีจะทะลวงจุดคอขวดระดับมหายานได้ตลอดเวลา

ทว่าทั้งสามคนล้วนไม่ใช่สิ่งที่หานลี่สนใจ สายตาของเขากวาดผ่านทั้งสามไป ตกอยู่ที่ลวดลายคำว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์’ ขนาดใหญ่บนสำเภายักษ์สีขาว

“เกาะศักดิ์สิทธิ์”

ชั่วพริบตาหานลี่พลันจำความหมายของลวดลายได้ ดวงตาทั้งสองข้างอดที่จะหรี่ลงไม่ได้ ในเวลาเดียวกันก็เข้าใจทันที

มิน่าล่ะสมาคมอาวุโสของเมืองเทวะสวรรค์จึงเคลื่อนไหวเกือบครึ่ง คาดไม่ถึงว่าเกาะศักดิ์สิทธิ์จะส่งทูตมาด้วยตัวเอง

ทว่าเมืองเทวะสวรรค์เกิดอันใดขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะให้เกาะศักดิ์สิทธิ์ส่งทูตมาด้วยตัวเอง และยิ่งไปกว่านั้นสีหน้าของเมื่อครู่อาวุโสของเมืองเทวะสวรรค์ที่เผชิญหน้ากับตนก็น่าสงสัยนัก

หรือว่าที่คนของเกาะศักดิ์สิทธิ์มานั้นเกี่ยวข้องกับตน?

หลังจากที่หานลี่ยืนยันฐานะผู้มาเยือนทั้งสามของเกาะศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว คาดไม่ถึงว่าจะเดาสถานการณ์ออกได้เจ็ดแปดส่วนในพริบตา

แต่แม้ว่าเขาจะขบคิดเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับไร้ซึ่งความประหลาดใจ แค่มองกลุ่มคนตรงหน้าเงียบๆ

และในยามนั้นชายชราผมสีเงินและภิกษุจินเย่ว์เห็นทูตเกาะศักดิ์สิทธิ์มาปรากฏตัวที่นี่ ก็มองสบตากันแวบหนึ่ง แล้วมองรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้าของอีกฝ่ายออก

นั่นมันก็ดี ไม่ต้องให้พวกเขาใช้คำพูดปิดบังอันใด คาดไม่ถึงว่าทั้งสองฝ่ายที่ทำให้สมาคมอาวุโสปวดหัวเป็นอย่างมากแล้วในช่วงนี้จะได้พบกันต่อหน้าพวกเขา

ทว่าสิ่งที่ทำให้ชายชราผมสีเงินตกตะลึงก็คือ นอกจากคุณชายชุดขาวที่อยู่ตรงกลางแล้ว พลังยุทธ์ของทูตที่เหลืออีกสองคน แม้ว่าอยู่ในบรรดาทูตของเกาะศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันก็ยังมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

แม้ว่าจะได้พบกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้นี้เป็นครั้งแรก แต่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งไม่อาจสู้ได้กับเขา

แต่นี่ยิ่งกลับทำให้ชายชรารู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นไปอีก!

“พี่กู่ เช่นนั้นก็ดี ให้สหายหานพูดคุยเรื่องศิษย์ของเขากับทูตเกาะศักดิ์สิทธิ์เอง ต่อให้มีเรื่องใดที่ไม่สบอารมณ์เกิดขึ้น ก็ไม่อาจโทษพวกเราได้” ชายชราผมสีเงินกำลังขบคิดไม่แน่ใจ ในหูพลันมีเสียงถ่ายทอดเสียงของบุรุษดังขึ้น

กลับเป็นผู้สวมชุดคลุมสีดำที่อยู่ด้านหลัง ที่ถ่ายทอดเสียงมา

ชายชราผมสีเงินได้ยินพลันหน้าเปลี่ยนสี สายตากวาดมองหานลี่แวบหนึ่งตามความรู้สึก ผลคือเห็นอีกฝ่ายใช้สีหน้าอมยิ้มมองมาทางเขา ก็ใจเต้นไม่ได้ถ่ายทอดเสียงอันใดกลับ แค่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ

ยามนี้หลังจากที่ภิกษุจินเย่ว์สวดมนต์ออกมา คารวะไปทางผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ทั้งสามคนบนสำเภายักษ์ แล้วเอ่ยทักทายเสียงเคร่งขรึม

“ผู้มาเยือนคือทูตทั้งสามของเกาะศักดิ์สิทธิ์ ภิกษุจินเย่ว์ขอคารวะ”

“ที่แท้ก็เป็นปรมาจารย์จินเย่ว์ที่มีชื่อเสียง ข้าน้อยตู้อวี่คารวะท่านปรมาจารย์” ชายหนุ่มชุดขาวกวาดสายตาไปที่ใบหน้าของภิกษุชรา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

ทูตอีกสองคนด้านข้างกลับเงียบสีหน้าไร้ความรู้สึก เห็นได้ชัดว่าให้ชายหนุ่มชุดขาวเป็นผู้นำ

“ตู้อวี่! เจ้าก็คือสหายตู้ที่เพิ่งออกจากการกักตนของเกาะศักดิ์สิทธิ์และกำลังจะทะลวงระดับมหายานผู้นั้น?” เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มชุดขาว ชายชราผมสีเงินก็หน้าเปลี่ยนสี จนเกือบจะร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

ภิกษุจินเย่ว์และพวกที่อยู่ด้านข้างพลันหน้าเปลี่ยนสี

“ศิษย์พี่คงเป็นสหายกู่สินะ ศิษย์น้องเพิ่งออกจากการกักตัวของเกาะศักดิ์สิทธิ์ กำลังวางแผนจะทะลวงจุดคอขวดระดับมหายานในอีกไม่นาน ทว่าหากผู้แซ่ตู้สมประสงค์ เกรงว่าคงให้เมืองของท่านช่วยเหลือ” ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยด้วยสีหน้าถ่อมตน

ชายชราแซ่กู่ได้ยินคำนี้มุมปากอดที่จะกระตุกไม่ได้ สายตากวาดไปที่หานลี่แวบหนึ่งตามจิตสำนึก หลังจากที่ขบคิดในใจสองสามรอบ ถึงได้ตัดสินใจตอบ

“ในเมื่อเกาะศักดิ์สิทธิ์มีรับสั่ง ขอแค่ทำได้ เมืองของข้าย่อมจะช่วยเต็มกำลัง ทว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่จะพูดคุย พี่ตู้ สหายฉยง สหายหลี่ และพี่หาน พวกเราไปคุยกันในเมืองเถิด”

“พี่หาน? หรือว่าสหายผู้นี้คือ…” ชายหนุ่มชุดขาวได้ยินคำพูดของชายชรา ก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นพลันมองมาทางหานลี่ด้วยความสงสัย แววตาเปล่งประกายวาววับ

ความจริงแล้วเมื่อครู่ ‘ตู้อวี่’ สังเกตเห็นหานลี่แล้ว และสัมผัสได้ถึงพลังแรงกดที่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวที่แผ่ออกมาจากเรือนร่าง ประกอบกับจิตสัมผัสไม่อาจมองทะลุผ่านระดับพลังยุทธ์ของหานลี่ได้ ย่อมตกตะลึงอยู่ในใจ และรู้สึกหวาดกลัวอยู่รางๆ

ยามนี้ได้รู้ฐานะที่แท้จริงของหานลี่ แม้ว่าเขาจะมองว่าตนสูงส่งมาตลอด ก็ยังอดที่จะใจหายวาบไม่ได้

ข่าวลือเกี่ยวกับหานลี่หลังจากที่เขาออกจากการกักตนก็ได้ยินจนคุ้นหูแล้ว ต่อมาเขาก็รู้ว่าศิษย์ของหานลี่สามารถช่วยเขาต้านทานเคราะห์อัสนีเที่ยงแท้ได้ ก็ยิ่งสนใจหานลี่มากยิ่งขึ้น จึงทำการตรวจสอบอย่างละเอียดยิ่งขึ้น

หานลี่พัฒนาจากระดับเทพแปลงไปอยู่ในระดับผสานอินทรีย์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ จากระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นพัฒนาไปอยู่ระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายได้ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ และภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงพันปีก็เปิดสงครามเอาชนะผู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

แม้กระทั่งมีข่าวลือสุดท้ายบอกว่าคนผู้นี้คือผู้บำเพ็ญเพียรที่เพิ่งบรรลุระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายคนใหม่ ไม่เพียงจะสังหารจอมมารเผ่ามารในช่วงเคราะห์มารได้หลายตน ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่นานจะแอบเข้าไปในแดนมารและกลับมาได้อย่างปลอดภัย

หากทุกอย่างนี้เป็นความจริง ‘สหายหาน’ ผู้นี้ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว

แม้ว่าตู้อวี่จะคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติไม่ด้อยกว่าอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของเผ่ามนุษย์ แต่เทียบกับคะแนนการทำศึกที่น่ากลัวของหานลี่แล้วกลับรู้ว่าตนไม่อาจทำได้

ทว่า ‘หานลี่’ ผู้นี้ไม่ได้มีข่าวลือว่าออกจากเมืองเทวะสวรรค์ไปเตรียมกักตัวทะลวงจุดคอขวดระดับมหายานหรือ มาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร

และการมาของเขาในครั้งนี้เดิมก็เพื่อศิษย์ของอีกฝ่าย หรือว่าอีกฝ่ายได้ข่าวอันใด!

หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ยุ่งยากแล้ว เกรงว่าการกระทำนี้คงไม่อาจสำเร็จดั่งใจปรารถนาได้!

ตู้อวี่ตกตะลึงไปพลาง รู้สึกหวาดกลัวไปพลาง แต่ใบหน้ากลับเผยสีหน้ามีมารยาทแล้วประสานมือคารวะหานลี่ขณะเอ่ย

“ที่แท้ก็เป็นพี่หานจริงๆ! ชื่อเสียงของสหาย ผู้แซ่ตู้ได้ยินมาเนิ่นนานแล้ว ในเมื่อพี่หานเองก็อยู่ที่นี่ แน่นอนว่าย่อมต้องปรึกษากันสักหน่อย”

“ปรึกษา? ดูแล้วพี่กู่คงมีเรื่องอันใดไม่ทันได้เอ่ยกับข้าน้อยจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าเองก็ต้องไปหาร่วมความคึกครื้นสักหน่อย” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงปากกลับเอ่ยอย่างราบเรียบออกมา

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว พวกเราเข้าเมืองกันเถิด” ปรมาจารย์จินเย่ว์กระแอมไอ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ภายในห้องโถงที่ยิ่งใหญ่ราวกับตำหนักบนชั้นบนสุดของหอคอยศิลายักษ์ ชายชราผมสีเงินพาหานลี่และพวกของชายหนุ่มชุดขาวเข้ามาในห้องโถง พลางทยอยกันนั่งลง

ชายชราออกคำสั่ง ทันใดนั้นสาวใช้กลุ่มหนึ่งก็ถือถ้วยน้ำชาวิญญาณและผลไม้วิญญาณสุราวิญญาณเข้ามา แบ่งกันวางลงบนโต๊ะตรงหน้าทุกคน

“พี่กู่ เกิดเรื่องอันในขึ้นกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้เกาะศักดิ์สิทธิ์ส่งสหายตู้และพวกทั้งสามคนมาที่นี่ด้วยตนเอง ยามนี้คงบอกผู้แซ่หานได้แล้วกระมัง หรือว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้าน้อย?” หานลี่ชิมชาวิญญาณในมือ แล้ววางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างไม่รีบร้อน พลางเอ่ยถามชายชราแซ่กู่