ตอนที่ 986 ล้างผลาญไปทั้งสี่ทิศ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เจ้าเมืองหู่ที่อยู่ภายใต้ปราณกระบี่ของกู้ไป๋อีนั้นดูน่าสมเพชอย่างเห็นได้ชัด นั่นจึงทำให้เขาอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก

“ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถฆ่าเจ้าได้”

ส่วนสถานการณ์ทางด้านมู่เฉียนซียิ่งแย่เข้าไปใหญ่ นางถูกมหาจักรพรรดิแห่งภูตผู้หนึ่งไล่เสียจนจนมุม

“สาวน้อย อายุยังน้อยแต่สามารถต้านทานข้าเอาไว้ได้นานเช่นนี้ก็นับว่าไม่เลวเป็นอย่างมากแล้ว ข้าจะให้เจ้าตายไปอย่างสบาย มิให้เจ้าได้รับความทรมาน”

กำปั้นของเจ้าหมอนี่ได้ระเบิดเข้าไปทางมู่เฉียนซี พลังวิญญาณที่ระเบิดออกไปนั้นได้กลายเป็นอินทรีย์ยักษ์ตัวหนึ่ง

อินทรียักษ์พุ่งเข้าไปหามู่เฉียนซีราวกับสายฟ้าฟาด

เสียงดังแหวกอากาศลอยมา ความรวดเร็วของมันนั้นเร็วเสียจนไม่อาจจะมองได้ชัด

“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!” มู่เฉียนซีได้รีบใช้กำแพงน้ำแข็งมาเป็นโล่ป้องกัน

พลังวิญญาณธาตุน้ำได้ห่อหุ้มตัวของนางเอาไว้ทั้งตัวและนางก็ได้โคจรเคล็ดวิชาย่างก้าวเงาเทวาขึ้นมาเพื่อที่จะหลบหลีก

แกร๊ก! ชั้นน้ำแข็งนี้เมื่อถูกอินทรีย์ยักษ์จิกเข้าไปเบา ๆ มันก็พลันกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยไปในทันที

ปัง! แม้ว่ามู่เฉียนซีจะหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกคลื่นพลังของมันเข้าอย่างจัง ทำให้ตัวของนางกระเด็นลอยออกไป

นางไปตกกระแทกลงใกล้ ๆ ขอบเวทีประลอง ซึ่งอีกเพียงเล็กน้อยนางก็เกือบที่จะตกรอบเสียแล้ว

“พรวด!” มู่เฉียนซีได้กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง

กระดูกบนร่างหักไปก็มิน้อย อวัยวะภายในทั้งห้าหกส่วนก็เกิดการเคลื่อนตำแหน่ง จึงสามารถเห็นได้ว่าการโจมตีนี้น่าหวาดกลัวเพียงใด

“เจ้าเป็นเพียงบุคคลระดับจักรพรรดิเพียงผู้เดียวที่สามารถรอดชีวิตจากการโจมตีนี้ของข้าได้ ช่างเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่เก่งกาจผู้หนึ่งจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เจ้าจะต้องตาย!”

เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ขึ้นทีละก้าว ในตอนที่มู่เฉียนซีเตรียมที่จะกินยาโชคลาภตี้หลินนี่เอง ก็พลันเกิดเปลวเพลิงสีแดงขึ้น และมันได้ลุกลามไปทั่วทั้งเวทีประลอง

“เจ้าเฒ่าบัดซบ เจ้ากล้าที่จะทำร้ายเจ้านายของข้า คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วกระมัง!”

เสียงอันโอหังเสียงนี้ดังออกมาจากตัวของเสี่ยวหง ขณะเดียวกันนั้นสัตว์พันธสัญญาที่อยู่ด้านหน้าของมันก็ได้ถูกเปลวเพลิงนั้นเผาเสียจนไหม้เกรียม

มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่าในที่สุดเจ้าเสี่ยวหงจอมขี้เกียจนี้ก็บรรลุขั้นแล้ว มันบรรลุขึ้นไปเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่แล้ว

การบรรลุขั้นของมันนั้นไม่เหมือนกับของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ทันทีที่มันบรรลุขั้นก็ได้ระเบิดเปลวเพลิงออกมาแล้วลุกลามเผาผลาญไปทั่วทั้งสี่ทิศ!

“อ๊าก!”

นอกจากมู่เฉียนซี กู้ไป๋อีและก็อู๋ตี้แล้ว คนอื่น ๆ นั้นล้วนแต่ถูกเปลวเพลิงนั้นคลอกเอาไว้

“อ๊าก!”

พวกเขากรีดร้องและต้องการที่จะหนีออกไป แต่ก็ไม่สามารถที่จะหนีไปได้

เมื่อเหล่าผู้คนที่มุงดูอยู่รอบเวทีประลองเห็นเปลวเพลิงที่แปลกประหลาดนี้ พวกเขาเองก็รีบถอยหลังออกไปอยู่หลายก้าว

เจ้าเมืองซีเจว๋เบิกตากว้างโพลงมองดูหมูตัวน้อยที่อยู่กลางเปลวเพลิงนั้น “นั่นมันเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อะไรกันแน่? หลังจากที่มันบรรลุขั้นแล้วถึงได้ระเบิดเปลวเพลิงที่น่ากลัวเช่นนั้นออกมา!”

เขารู้สึกว่าหากตัวเขาอยู่บนลานประลองนั้นจะต้องรู้สึกเจ็บปวดอย่างแน่นอนและมีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะสลายกลายเป็นเถ้าธุลีไป

รองเจ้าเมืองตงกัวกล่าว “ท่านเจ้าเมือง ข้าเองก็ไม่รู้ว่านั่นคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน แต่ทว่ามันมิใช่อะไรที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาทั่วไปจะสามารถเทียบได้อย่างแน่นอน”

ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมา!

เสี่ยวหงพุ่งผ่านไปในเปลวเพลิงและมาหยุดอยู่ตรงหน้าของมู่เฉียนซี

เมื่อเห็นมู่เฉียนซีมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เสี่ยวหงก็กล่าวขึ้นอย่างหงุดหงิด “นายท่าน ต้องโทษที่ข้านั้นขี้เกียจไม่ยอมฝึกฝนให้ดีจึงบรรลุขั้นช้าเกินไปนัก จนทำให้ท่านต้องถูกไอ้เฒ่าผู้นี้รังแก”

เพราะเปลวเพลิงของเสี่ยวหงสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้ อู๋ตี้และกู้ไป๋อีจึงว่างขึ้นมาไม่น้อย

อู๋ตี้กล่าว “เจ้าหมอนี่ พอบรรลุขั้นก็ทำเสียเอิกเกริกเช่นนี้ แต่ทว่าก็มิได้มีอะไรที่เก่งกาจนัก อีกไม่นานข้าก็จะบรรลุขั้นที่ห้าแล้ว เจ้าตัวขี้เกียจไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไล่ตามข้าไม่ทัน!”

การบรรลุขึ้นไปขั้นที่ห้านั้น อาหารที่ต้องใช้ในการบรรลุขั้นยังไม่เพียงพอ มันจะต้องหาอาหารอันโอชะอีกจำนวนมากถึงจะได้

เจ้าเมืองหู่ที่ตกอยู่ภายใต้เปลวเพลิงได้ร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ข้ายอมแพ้…ข้ายอมแพ้ รีบให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเก็บเอาเปลวเพลิงกลับไปเร็วเข้า”

รองเจ้าเมืองตงกัวกล่าว “ฝ่ายตรงข้ามได้ยอมแพ้แล้ว อย่างไรเสียจงรีบเก็บเปลวเพลิงนั้นก่อนเถอะ”

เสี่ยวหงมองมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าใสซื่อแล้วกล่าวว่า “นายท่าน เปลวเพลิงนี้เกิดจากการบรรลุขั้นของข้า ในตอนนี้ข้าไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้ มันมิใช่ว่าอยากจะเก็บมันกลับไปก็สามารถเก็บกลับไปได้ จะทำเช่นไรดี?”

จริง ๆ แล้วมันเป็นใคร? ระเบิดเปลวพลิงออกมาแล้ว จะไม่สามารถเก็บมันกลับไปได้อย่างไร!

แต่คนเหล่านี้ทำร้ายผู้เป็นนายของมันจนบาดเจ็บสาหัส หากมิให้พวกมันได้ลิ้มรสความทรมานจนหนังลอกไปสักชั้นหนึ่งดูก่อน แล้วจะปล่อยพวกมันรอดไปได้อย่างไร?

แม้ว่าในใจของเสี่ยวหงจะคิดเช่นนี้ แต่ท่าทีที่มันแสดงออกมานั้นช่างดูใสซื่อบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก

มู่เฉียนซีเองก็จนปัญญา นางกล่าว “รองเจ้าเมืองตงกัว ท่านเองก็เห็นแล้วว่าเสี่ยวหงของข้านั้นไม่อาจที่จะควบคุมเพลิงได้เลย ดังนั้นแล้ว…”

“เช่นนั้นก็ทำได้เพียงแต่ปล่อยให้มันเป็นไปแล้ว!”

ปล่อยให้มันเป็นไป! เมื่อคนเหล่านั้นของเมืองหู่เสี้ยวได้ยินแล้วล้วนแต่อยากจะกระอักเลือดออกมา!

ภายใต้เพลิงอันร้อนระอุที่เผาไหม้ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไม่สามารถทนได้ไหวอีกต่อไป

ส่วนเหตุที่พวกเจ้าเมืองหู่สามารถที่จะทนรับได้ไหว ก็ต้องขอบคุณที่พวกเขามีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งพอ

แต่ทว่าพลังวิญญาณเองก็มีตอนที่ไม่สามารถต้านทานได้อยู่เช่นกัน และขณะนี้พวกเขาได้มาถึงขีดสุดแล้ว

ตูม! ในตอนนี้เอง พลังที่แข็งแกร่งอีกพลังหนึ่งกำลังตัดทอนเปลวเพลิงของเสี่ยวหง

ซึบ!

ท่ามกลางเปลวเพลิงนั้นพวกเขามีพลังวิญญาณห่อหุ้มกาย เปลวเพลิงนั้นมิอาจที่จะเผาเสื้อผ้าอาภรณ์ของพวกเขาจนสิ้นไปได้ แต่ในครานี้มันก็ทำให้เสื้อผ้าของพวกเขานั้นหลุดลุ่ยลอยลมออกมาได้

บนกายของเจ้าเมืองหู่นั้นมีผิวหนังและขนที่มากมายราวกับพยัคฆ์ก็มิปาน

ส่วนชายชราผู้เป็นมหาจักรพรรดิระดับที่หกนั้น บนตัวของเขามีขนเหมือนดั่งเช่นอินทรีย์

ส่วนคนอื่น ๆ นั้นมีเกล็ดอสรพิษ กระดองเต่า แล้วก็…

ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดมากมาย เป็นไปไม่ได้เลยที่สิ่งเหล่านี้จะปรากฏขึ้นบนร่างกายของมนุษย์

แม้ว่าเวทีประลองจะถูกเปลวเพลิงล้อมเอาไว้ แต่พวกเขาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน เจ้าเมืองซีเจว๋เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

“คน…คนเหล่านี้…”

“ไหนเลยพวกเขาจะยังนับได้ว่าเป็นคน นี่มันไม่ใช่คนแล้ว”

“ร่างกายของพวกเขาได้ถูกสำนักขวางโซ่วปรับเปลี่ยนไปแล้ว มิน่าละพวกเขาถึงได้กลายเป็นผู้ที่เก่งกาจเป็นอย่างมากในช่วงเวลาอันสั้นอีกทั้งยังมียอดฝีมืออีกด้วย ที่แท้ก็มีสำนักขวางโซ่วคอยให้การสนับสนุนอยู่!”

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

เมื่อเวลาผ่านไป เปลวเพลิงที่ระเบิดออกมาจากการบรรลุขั้นของเสี่ยวหงก็ได้อ่อนกำลังลง จากนั้นพวกเขาก็ได้ระเบิดปราณออกไปทำให้เปลวเพลิงเหล่านี้กระจายไป

มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเขาเป็นคนของสำนักขวางโซ่ว จัดการเสีย!”

เจ้าเมืองซีเจว๋และคนอื่น ๆ อยากจะขึ้นไปบนเวทีประลองนั้นเพื่อช่วยเหลือแต่ทว่ากลับถูกรองเจ้าเมืองตงกัวรั้งเอาไว้

เจ้าเมืองซีเจว๋กล่าวด้วยความเดือดดาล “ตงกัว นี่เจ้าทำอะไร? นั่นเป็นคนของสำนักขวางโซ่ว ยังไม่รีบลงมือจัดการให้สิ้น จะปล่อยให้พวกมันหนีไปได้หรือไร?”

รองเจ้าเมืองตงกัวกล่าว “ท่านเจ้าเมือง หากท่านขึ้นไปเช่นนี้จะทำให้เวทีประลองวุ่นวาย ถึงแม้ว่าเมืองหู่เสี้ยวจะมีปัญหาอย่างมาก แต่กฎการแข่งขันในตอนนี้ก็ไม่สามารถที่จะแก้ได้ ให้สหายเมืองเหลยเหล่านี้จัดการเถิด!”

เจ้าเมืองซีเจว๋กล่าว “พวกเขาสามารถฆ่าพวกสัตว์ประหลาดพวกนั้นได้หรือ?”

รองเจ้าเมืองตงกัวกล่าว “ท่านเจ้าเมืองควรที่จะเชื่อในพลังความสามารถของพวกเขา”

เจ้าเมืองซีเจว๋โบกมือแล้วกล่าว “ปิดล้อมรอบด้านเอาไว้ อย่าได้ปล่อยให้คนของเมืองหู่เสี้ยวออกไปได้แม้แต่ผู้เดียว”

“ขอรับ!” เหล่าทหารขานรับ

บึ้ม! ทั้งสองฝ่ายยังคงประมือกันอยู่บนเวทีประลองเช่นเก่า เดิมทีเมืองหู่เสี้ยวนั้นครองความได้เปรียบอยู่

แต่เมื่อถูกเปลวเพลิงของเสี่ยวหงเผาไป พวกเขาก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก พลังความสามารถในการต่อสู้ก็ลดลงไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าพวกเขาจะได้ทำการเปลี่ยนสภาพเป็นสัตว์แล้วก็ตาม แต่มันก็มิสามารถที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ในตอนนี้ไปได้ง่ายดายนัก