บทที่ 614 คู่หมั้น

คุณแม่เวิงเองก็เข้าใจสาเหตุที่หลินชิงเหอพูดเรื่องขึ้นมาเช่นกัน ว่าเธอกังวลในเรื่องที่พอลูกชายของหล่อน เวิงกั๋วต้งกลับมาแล้วเขาจะคิดว่าบ้านของฝ่ายหญิงไม่ดี

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน แยกบ้านกันไปตั้งนานแล้ว บ้านรองเกิดเรื่องอะไรก็ไม่เกี่ยวกับบ้านใหญ่เลย

หลินชิงเหอยิ้มแล้วพูด “ฉันก็พูดกับพี่สะใภ้ใหญ่แบบนี้เหมือนกันค่ะ”

“แต่งานแต่งงานที่จะจัดในปีหน้า บ้านญาติฝ่ายพ่อฝ่ายแม่ก็ต้องพาลูกหลานพวกเขามาด้วยกันอยู่ดี” คุณแม่เวิงพูด

“พวกเขาต้องมาอยู่แล้วค่ะ” หลินชิงเหอพูด “กั๋วเหลียงปีนี้ก็ไม่กลับมานะคะ”

“เขาไปบ้านแฟนน่ะ ฐานะบ้านนั้นดีทีเดียว นี่เขาก็ไปฉลองปีใหม่กับบ้านโน้นแล้ว” คุณแม่เวิงพูดอย่างไม่สนใจ

ขอเพียงมีครอบครัวเป็นของตัวเองก็ปล่อยพวกเขาตามทางของตัวเองได้เลย แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่เคยต้องเป็นห่วงลูกชายคนรอง ห่วงก็แต่ลูกชายคนโตเท่านั้น

แต่ตอนนี้ถือว่าเขาหาแฟนได้แล้วเหมือนกัน ก็นับว่าหล่อนสมปรารถนาแล้วเรื่องหนึ่ง

หลินชิงเหออยู่คุยกับหล่อนสักพักถึงค่อยกลับบ้าน

ตอนเที่ยงโจวข่ายก็พาเวิงเหม่ยเจี่ยมากินข้าวกับท่านพ่อท่านแม่โจว รวมทั้งผู้เฒ่าหวังด้วย

พวกเขากินมื้อกลางวันด้วยกันอย่างครึกครื้น

กินอาหารเสร็จโจวข่ายถึงพาเวิงเหม่ยเจี่ยกลับไปส่งบ้านตระกูลเวิง ด้านท่านพ่อท่านแม่โจวก็เริ่มปรึกษาหารือกัน

“แฟนของเจ้าใหญ่คนนี้ดีมากนะคะ เป็นคนสวยแค่มองก็รู้สึกอบอุ่น พูดจาก็ชัดถ้อยชัดคำ ไม่แปลกใจเลยที่หล่อนได้เป็นพยาบาล” ท่านแม่โจวพูดชม

“สายตาของเจ้าใหญ่มองไม่ผิดแน่” ท่านพ่อโจวพอใจในตัวสะใภ้หลานคนโตคนนี้มากพูดขึ้น

แม้ว่าผู้เฒ่าหวังจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็คิดเหมือนกันว่าเวิงเหม่ยเจี่ยนั้นไร้ที่ติ ถ้าสะใภ้แบบนี้ยังไม่พอใจอีก เขายังต้องการสะใภ้แบบไหนได้?

ท่านแม่โจวได้ยินก็ยิ่งดีใจยิ้มพูด “นี่ถ้าไม่ใช่ปีหน้าเป็นงานแต่งของกั๋วต้งกับซื่อนีนะ ฉันจะให้พวกเขาสองคนแต่งงานกันปีหน้าเลย”

ยิ่งแต่งงานเร็วนางก็จะได้อุ้มเหลนเร็ว ๆ ด้วย

“ตอนนี้พวกเขาเพิ่งอายุเท่าไหร่เอง ปีใหม่นี้ก็เพิ่งจะ 22 เท่านั้นเองนะคะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด

“อายุ 22 ก็แต่งงานได้แล้ว ไม่ใช่ว่าเซี่ยเซี่ยปีนี้ก็เพิ่งแต่งงานไปรึไง” ท่านแม่โจวพูด

โจวเสี่ยวเหมยคิดถึงภรรยาของเซี่ยเซี่ยอยู่ในใจ เห็นชัดว่าหล่อนมาจากตระกูลดี มิน่าเล่าทำไมถึงทะเลาะกันได้

โจวเสี่ยวเหมยก็ได้ยินเรื่องนี้มาจากพี่สะใภ้สี่เช่นกัน แต่หล่อนต้องเก็บเรื่องพวกนี้เอาไว้ เพราะไม่ใช่เรื่องน่าเอามาพูดเท่าไร ดังนั้นหล่อนจึงต้องปิดพ่อกับแม่ไม่ให้พวกเขารู้

“นี่ก็ผ่านมานานเกินไปแล้ว ฉันอยากจะกลับไปเยี่ยมพวกเขาดูสักหน่อยเหมือนกัน” ท่านแม่โจวถอนหายใจอย่างมีความสุขอีกครั้ง

ตอนนี้ชีวิตนางมีแต่เรื่องราบรื่นขนาดนี้ บ้านสี่มีรถยนต์แล้ว เจ้าใหญ่ก็กำลังจะแต่งงานมีภรรยา เรื่องดี ๆ แบบนี้หล่อนยังไม่มีโอกาสกลับไปโม้กับเพื่อน ๆ ที่ชนบทเลยรู้สึกเสียดายมาก

“แม่อย่าหาเรื่องเลยค่ะ จากที่นี่กลับไปมันไกลมากนะคะ เมื่อก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีตอนที่มาถึงที่นี่ก็แทบจะหามกันมาอยู่แล้ว ถ้ากลับไปตอนนี้แม่จะไหวเหรอคะ?” โจวเสี่ยวเหมยพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก

“ฉันก็บ่นไปงั้นแหละ” ท่านแม่โจวพูด

“ได้ยินตอนนี้กำลังสร้างทางด่วนแล้วนะครับ หลังจากนี้ระบบขนส่งก็ยิ่งดีขึ้น ต้องมีโอกาสได้กลับไปแน่นอน” หวังหยวนพูด

“อะไรคือทางด่วนเหรอ?” ท่านแม่โจวพูดอย่างไม่เข้าใจ

“เป็นถนนที่ไม่ต่างกับถนนในเมืองเลยครับ เดินทางสะดวกมากด้วย” หวังหยวนพูด

“งั้นก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถรอจนถึงตอนนั้นได้ไหม” ท่านแม่โจวได้ยินก็พูด

“วันปีใหม่คุณอย่าพูดเรื่องไม่เป็นมงคลสิ!” ท่านพ่อโจวพูดอย่างไม่พอใจ

ท่านแม่โจวยิ้มพูด “ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ฉันรู้สึกเลยว่าตัวเองยังมีอายุได้อีก 30 ปี”

ตอนนี้ชีวิตของนางดีมากแล้ว ความลำบากที่เคยพบเจอก็ได้ผ่านไปหมดแล้ว เมื่อก่อนพวกนางอดอยากมาก จะกล้าคิดถึงชีวิตดี ๆ อย่างในตอนนี้ได้ที่ไหนกัน?

ความปรารถนาสูงสุดในตอนนั้นก็คือกินอิ่มนอนหลับได้ นั่นถือว่าเป็นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ แล้ว เพราะปกติพวกนางต้องอยู่กันแบบรัดเข็มขัด

มาตอนนี้มีข้าวให้กินทุกมื้อ อีกยังไม่ต้องทำไร่ทำนา เนื้อก็มีให้กินทุกวัน ชีวิตแบบนี้ใครจะกล้าคิดกัน?

ท่านแม่โจวไม่กล้าคิดถึงชีวิตในอดีตเลย ชีวิตของเทพเซียนบนสวรรค์ก็คงไม่ต่างกับที่เป็นอยู่ตอนนี้แล้วกระมัง

ไม่อย่างนั้นหญิงชราจะพูดว่าอยากกลับไปชนบทหรือ ชีวิตดี ๆ แบบนี้ไม่ใช่ว่าควรเอาไปอวดกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในชนบทบ้างหรืออย่างไร?

พวกหล่อนไม่เคยมีชีวิตแบบนี้ นางจึงอยากบอกพวกหล่อนให้มีชีวิตที่ดีเหมือนนางเช่นกัน

อย่างตอนนี้ที่หลานชายหลานสาวกลับมา ท่านแม่โจวก็จะเตรียมเป็ดย่างเอาไว้ให้ และยังมีรูปหลายใบที่ได้ไปกำแพงเมืองจีน ได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ นางจึงอยากจะเอาไปให้พวกเพื่อน ๆ พี่ ๆ พวกนั้นได้ดู

แต่ท่านแม่โจวที่บอกว่าตัวเองจะมีอายุไปอีก 30 ปีนั้น นางเพียงล้อพวกเขาเล่น

ตอนนี้ชีวิตของพวกเขาย่อมไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว แค่เพียงเคยประสบเรื่องเมื่อสมัยก่อน นางก็รู้สึกว่าชีวิตในตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก

แน่นอนว่าเด็กรุ่นใหม่ในยุค 80 นั้นเรียกได้ว่าพวกเขาชนะตั้งแต่เริ่มต้นแล้วก็ไม่ผิดนัก

พอถึงตอนบ่ายหลินชิงเหอจึงแวะมาหาที่บ้านนี้ และพูดเรื่องงานหมั้นขึ้นมาอีกเช่นเดิม

“คู่หมั้นดี ๆ ก็ควรต้องหมั้นกันเอาไว้ก่อน แม่สาวคนนี้แม่ดูหล่อนแล้วดีมากทีเดียว นี่ถ้าอยู่ชนบทนะคงถูกพวกแม่สื่อจากหมู่บ้านใกล้เคียงมาทาบทามกันเสียให้วุ่นแล้ว” ท่านแม่โจวพูด

“งั้นหลานชายคนโตของคุณแม่ถ้าอยู่ชนบท ก็คงจะถูกแม่สื่อจากหมู่บ้านใกล้เคียงเอาครอบครัวพวกเราไปทาบทามลูกสาวบ้านอื่นให้วุ่นเหมือนกันแหละค่ะ” หลินชิงเหอพูดยิ้ม ๆ

ท่านแม่โจวมีความสุขมาก “โชคดีที่เมื่อก่อนฉันกับพ่อเธอระแวงการใช้เงินเก่งของเธอ คิดว่าถ้าแต่งภรรยาไปเขาจะทำยังไง? ตอนนี้เจ้าใหญ่เป็นแบบนี้ ไม่กลัวว่าเขาจะไม่มีงานเลย กลัวว่าแม่สาวเหล่านั้นจะไม่ได้แต่งงานแล้ว”

“นั่นก็เกินไปแล้วค่ะแม่” โจวเสี่ยวเหมยพูด “ผู้หญิงแต่งงานเพื่อให้มีกินมีใช้ ถ้าไม่มีอะไรเลย ผู้หญิงคนนั้นจะมีความสุขได้ยังไง”

“มีสิ ขอแค่หน้าตาดีก็เป็นหน้าเป็นตาได้แล้ว ไม่ออกไปหว่านเสน่ห์ข้างนอก ที่จริงผู้หญิงก็เป็นเสาหลักของครอบครัวได้เหมือนกันทั้งนั้น หาคนที่สามารถกลับมาบ้านแล้วสามารถเลี้ยงลูกได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้วค่ะ” หลินชิงเหอพูด

“หรือว่าพี่สะใภ้สี่ก็เลี้ยงพี่สี่ฉันแบบนี้” โจวเสี่ยวเหมยพูดอย่างหยอกล้อ

“ใช่ แต่พี่สี่ของเธอไม่ยอมกินข้าวจานนี้ บอกจะเปิดร้านเกี๊ยวเป็นของตัวเองให้ได้” หลินชิงเหอพูดยิ้ม ๆ

“ผู้ชายต้องสามารถผลักดันครอบครัวได้ ถ้าเอาทุกอย่างมายกให้ผู้หญิงหมด นั่นก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว” ท่านแม่โจวยิ้มพูด

“แค่เพียงคุณแม่ไม่เข้าใจเจตนาฉันผิดก็พอแล้วค่ะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด

งานหมั้นจึงตกลงตามนี้ ถึงตอนนั้นก็มากินข้าวด้วยกันที่นี่ก็พอ และให้ผู้หลักผู้ใหญ่เป็นพยานเห็นด้วย

ในวันที่ 28 เดือนธันวาคม พิธีหมั้นก็ได้ถูกจัดขึ้น

ทุกคนในครอบครัวพากันมาดื่มเหล้ามงคลให้พวกเขาคนละแก้ว แม้แต่มี่มี่ก็ยังมาร่วมถ่ายรูปงานหมั้นด้วย ถือว่าเธอได้มาร่วมงานหมั้นของพี่ชายใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ของตัวเองเช่นกัน

ข่าวเรื่องที่โจวข่ายกับเวิงเหม่ยเจี่ยเป็นคู่หมั้นกันนั้นกระจายไปทั่ว

แต่หลังจากพิธีหมั้นหลินชิงเหอก็เริ่มจะงานยุ่งแล้ว เพราะร้านอาหารทะเลแห้งนั้นกำลังขายดีทีเดียว

เจ้าสามปิดร้านเกี๊ยวแล้วตอนเช้าตรู่ก็ไปช่วยร้านอาหารทะเลแห้งขายของกับพี่รอง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ในที่สุดเจ้าใหญ่กับน้องตุ๊กตาก็หมั้นกันแล้ว เหลือแค่แต่งอย่างเดียวแล้วล่ะค่ะ

คุณย่าอย่าเพิ่งกลับไปเลยค่ะ อยู่ที่นี่แหละดีแล้ว กลัวไปเจอบ้านรองแล้วคุณย่าจะอายุสั้นกว่าเดิม

ไหหม่า(海馬)