ตอนที่ 1002 โอกาสทางการค้า

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 1002 โอกาสทางการค้า

เวลาได้ล่วงเลยมาถึงรัชสมัยต้าเซี่ยปีที่หนึ่ง วันที่หนึ่ง เดือนสอง

ณ สำนักงานการค้าของหยุนซีเหยียนมีความคึกคักเป็นอย่างมาก

ขุนนางระดับสูงจากทุกมณฑลในต้าเซี่ยได้เดินทางมายังเมืองกวนหยุนเพื่อร่วมการประชุมเชิงเศรษฐกิจแห่งประเทศต้าเซี่ยครั้งที่หนึ่ง หลังจากได้กราบทูลผลการทำงานของตนเองให้แก่ฝ่าบาทแล้ว พวกเขาก็ได้เดินทางมาที่นี่เกินครึ่ง

ทุกวันนี้เต้าถายของทั้งสิบแปดมณฑลแห่งต้าเซี่ย เกินกว่าครึ่งเคยเป็นขุนนางของราชวงศ์หยูมาก่อน พวกเขาจึงสนิทสนมกับฟู่เสี่ยวกวนเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเข้าใจนโยบายด้านการบริหารบ้านเมืองของฟู่เสี่ยวกวนอย่างลึกซึ้ง

เมื่อตอนที่เพิ่งสถาปนาประเทศต้าเซี่ยขึ้นมา ฟู่เสี่ยวกวนได้ใช้วิธีเด็ดขาดโดยการแบ่งผืนปฐพีเป็น 17 มณฑลซึ่งได้เลือกขุนนางที่สามารถทำให้ต้าเซี่ยคืนสู่สภาวะสงบสุขได้โดยเร็วที่สุดขึ้นมาบริหารจัดการ

และความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาคิดถูก เนื่องจากภายใต้ความมุ่งมั่นตั้งใจของเหล่าขุนนาง ส่งผลให้ประเทศต้าเซี่ยใช้เวลาเพียงครึ่งปีในการผงาดขึ้นมาอีกครา ทั้งยังส่องแสงประกายแห่งความรุ่งเรืองให้เห็น

“ใต้เท้าหยุน พวกข้าเดินทางมานับพันลี้เพื่อมาเยือนที่นี่ ท่านเป็นเจ้าบ้าน ดังนั้นงานเลี้ยงในคืนนี้คงหนีมิพ้นท่านเป็นเจ้ามือใช่หรือไม่ ? ” เยี่ยนซีเหวินถือถ้วยชาพร้อมกับเอ่ยถามอย่างหยอกล้อ ฝ่ายหยุนซีเยียนหัวเราะอย่างขมขื่นพลางตอบว่า “เรื่องเล็กน้อย…ทว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่สองเดือนสอง ดังนั้นวันนี้พวกเรามาร่วมรับประทานอาหารกันเถิด ด้านสุราคงต้องดื่มให้น้อยลงหน่อย”

“รอให้การประชุมเสร็จสิ้นก่อนเถิด แล้วข้าจะเชิญทุกท่านมาร่วมดื่มด้วยกันอีกครา ไปดื่มฉลองที่หลิวหยุนถายพร้อมฟังเสียงบรรเลงดีหรือไม่ ? ”

กงซุนเซ่อตบมือเห็นด้วยฉาดใหญ่ “ดีสิ ! เอาตามนี้ก็แล้วกัน”

“ข้าคิดว่า…หากพวกเราไปฟังเพลงที่หลิวหยุนถาย พวกเรามิต้องเชิญท่านจ่งตูจัวและท่านจ่งตูเยี่ยนดีหรือไม่ ? ใต้เท้าจัวมีท่าทีน่าเกรงขาม การไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นคงมิเหมาะสมเท่าใดนัก ส่วนใต้เท้าเยี่ยนนั้น…เขาเป็นบิดาของเจ้า หากเขาอยู่ด้วยแล้วเจ้าจะดื่มสุราอย่างสบายใจได้เยี่ยงไร ? ”

ทุกคนพากันหัวเราะลั่น… เยี่ยนซีเหวินถลึงตาใส่หยุนซีเหยียนหนึ่งครา “ความคิดดีนี่ ! ถึงเยี่ยงไรเจ้าก็เป็นเจ้าภาพ ข้ามิสนใจว่าเจ้าจะเชิญใครมิเชิญใครหรอก จริงสิ ! เจ้าคิดว่าฝ่าบาทจะมาร่วมงานด้วยหรือไม่ ? ”

“มาสิ ! ” หยุนซีเหยียนตอบอย่างมั่นใจแล้วเอ่ยต่อว่า “พวกเจ้าคงมิรู้ว่าพระองค์ทรงเหนื่อยหน่ายที่ต้องประทับอยู่แต่ในพระราชวังมากเพียงใด นี่เพิ่งเดือนสองของปีเท่านั้น ทว่าพระองค์แอบหนีไปทานหม้อไฟกับข้าตั้งสองหนแล้ว”

จัวหลิวหวินหัวเราะในความคงเส้นคงวาของฝ่าบาทพระองค์นี้

เหล่ามิตรสหายได้นั่งดื่มชาพร้อมกับร่วมสนทนาถึงเรื่องวันวาน ทั้งยังระบายถึงปัญหาที่ได้ประสบในทุกวันนี้ ทว่าพวกเขามีสิ่งหนึ่งที่มิต่างกันก็คือพวกเขาต่างก็รู้สึกว่าหนทางสู่อนาคตเต็มไปด้วยแสงอันเจิดจ้า

……

ณ หัวสะพานต้วนสุ่ยซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของสถานทูตแคว้นหลิว

เถิงหยวนชิวเต้าถายแห่งหยวนตงเต้าเฝ้ามองเถิงหยวนจี้เซียงพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก

“นี่หมายความว่า…ฝ่าบาทมิได้อุปถัมภ์เจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“…ท่านพ่อ ฝ่าบาทมีงานราชการรัดตัว ลูก…ลูกได้เพียงราตรีเดียวก็เกินพอแล้ว เมื่อสองสามวันก่อนมีขุนนางมาหาข้า เขาก็คือขันทีหลิว ขันทีคนสนิทที่คอยรับใช้อยู่ข้างพระวรกายของฝ่าบาท เขาเอ่ยว่า…เมื่องานประชุมครั้งนี้เสร็จสิ้น เขาจะให้ลูกกลับเซียอี๋พร้อมกับท่านพ่อ”

เถิงหยวนชิวผงะตกใจ “…แล้วเจ้าคิดว่าเยี่ยงไร ? ”

“ลูกเห็นว่าควรกลับ ขันทีท่านนั้นบอกให้ลูกนำพวกช่างฝีมือด้านการผลิตอาหารกระป๋องไปด้วย จากนั้นก็ให้ลูกทำธุรกิจอาหารกระป๋องโดยใช้อาหารทะเลที่เซียอี๋มาบรรจุ”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้แววตาของเถิงหยวนจี้เซียงก็ส่องประกายแวววับออกมา “ลูกเคยลิ้มรสอาหารกระป๋องมาแล้ว รสชาติอร่อยและที่สำคัญสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานอีกด้วย ที่เซียอี๋มีอาหารทะเลจำนวนมหาศาล มิว่าจะขายภายในแคว้นก็ดีหรือบรรจุกระป๋องออกจำหน่ายไปยังต่างถิ่นก็ดี ท่านขันทีบอกว่ามันมีมูลค่าทางธุรกิจมหาศาลเลยทีเดียว”

การที่ขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาเอ่ยเยี่ยงนี้กับบุตรสาว แน่นอนว่านี่คือพระประสงค์ขององค์จักรพรรดิ

พระองค์มิได้ประทานยศใดให้แก่บุตรสาว ทว่าพระองค์ประทานหนทางมั่งคั่งให้แก่นาง เมื่อลองตริตรองดูดี ๆ แล้ว เถิงหยวนชิวก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมามิน้อย

เพราะตนเป็นชาวต่างชาติ จึงเกรงว่ายังมิเป็นที่เชื่อถือได้อย่างสนิทใจในสายตาของชาวต้าเซี่ย

เมื่อตนประสบความสำเร็จเมื่อใด ฝ่าบาทคงตระหนักได้ถึงความสำคัญของหยวนตงเต้าขึ้นมาเอง

“ลูกยังวางแผนจะนำเมล็ดพันธุ์พืชและมันเทศกลับไปด้วย ช่วงนี้ลูกได้ซื้อตำราเกี่ยวกับการเลี้ยงหมูมาอ่าน คาดว่ามิได้ยุ่งยากมากนักและพวกเราชาวหยวนตงเต้าก็สามารถเลี้ยงหมูได้เช่นกัน”

“ที่ต้าเซี่ยมีเทคโนโลยีก้าวหน้ามากมาย ลูกกำลังคิดว่า…จะจดทะเบียนบริษัทการค้าหยวนตงที่กรมการค้าภายในสองวันนี้เพื่อนำเข้าสินค้าของต้าเซี่ยไปยังหยวนตงเต้า และก็เพื่อ…นำอาหารทะเลกระป๋องที่พวกเราผลิตหรือสินค้าอื่น ๆ ส่งมาขายยังที่นี่”

“ช่วงนี้ลูกได้เปิดโลกทัศน์ว่าแท้ที่จริงทั้งเจ็ดรัฐของหยวนตงเต้ามีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป ของในท้องถิ่นล้วนนำมาขายที่ต้าเซี่ยได้ทั้งนั้น เมื่อทำเช่นนี้ย่อมกระตุ้นให้เกิดการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรม ทั้งยังทำให้เศรษฐกิจของหยวนตงเต้ารุ่งเรืองขึ้นอีกด้วย มิทราบว่าท่านพ่อคิดเห็นเยี่ยงไรเจ้าคะ ? ”

เถิงหยวนชิวดีอกดีใจเสียยกใหญ่ เขายังมิรู้เลยว่าควรจะเอ่ยสิ่งใดในงานประชุมที่กำลังจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ดี แต่เมื่อได้ยินบุตรีเอ่ยเช่นนั้น ก็ทำให้ต่อมความคิดของเขาทำงานขึ้นมาทันที

“พ่อสนับสนุนเจ้า เรื่องนี้มอบหมายให้เจ้าเป็นผู้จัดการก็แล้วกัน”

“บัดนี้การก่อสร้างท่าเรือราชนาวีทั้งสามแห่งเป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าคะ ? ”

“เสร็จเรียบร้อยแล้ว อู่ต่อเรือทั้งสามท่าก็ได้เริ่มต่อเรือกันแล้วด้วย”

“ลูกเห็นว่าท่าเรือราชนาวีเซียอี๋นั้น…ฝ่าบาทมิได้ผูกขาดเป็นท่าเรือด้านการทหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พวกเราสามารถทำเป็นท่าเรือสำหรับพลเรือนได้ ควรขยายมันสักหน่อยแล้วค่อยสร้างเรือโดยสารทางไกลและเรือบรรทุกสินค้าเจ้าค่ะ”

“เมื่อเศรษฐกิจของต้าเซี่ยเจริญรุ่งเรือง ต่อจากนี้คงมีผู้คนมากมายสนใจไปเยี่ยมชมหยวนตงเต้า ลูกคิดว่าจำเป็นต้องทำเรือโดยสารทางไกลเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้คนทั้งสองฟากฝั่งไปมาหาสู่กันเจ้าค่ะ”

“ภูเขาไฟฟูเยว่ของเราสวยงามมากยิ่งนัก ดอกยิงฮวาที่เซียอี๋ก็งดงามน่าชมยิ่ง ลูกคิดว่าพวกเราสามารถยกสถานที่เหล่านี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้วเชิญผู้คนจากต้าเซี่ยไปเที่ยวชมหยวนตงเต้าได้ เช่นนี้ย่อมกระตุ้นการจับจ่ายและกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตเร็วขึ้นเจ้าค่ะ”

“อยู่ ๆ ลูกก็รู้สึกว่าการหาเงินนั้นมิยากเลยเพราะสิ่งสำคัญคือแนวคิด… เกรงว่าท่านพ่อคงมิรู้ว่าฝ่าบาทมีแนวคิดหลากหลายมากมายเสียเหลือเกิน เมื่อยามที่พระองค์ยังอยู่ในเมืองจินหลิง พระองค์สามารถหาเงินได้หลายสิบล้านตำลึงเลยล่ะ”

“ขันทีท่านนั้นยังเอ่ยกับลูกอีกหนึ่งประโยคว่า… ใต้หล้านี้มิขาดแคลนโอกาส ทว่าสิ่งที่ขาดดูเหมือนจะเป็นดวงตาที่มองเห็นโอกาสต่างหาก เมื่อบรรลุและได้ปล่อยความคิดอย่างอิสระเสรี ย่อมกล้าค้นหาและกล้าดิ้นรนไขว่คว้า นี่คือสิ่งที่พระองค์ทรงตรัส คาดว่าพระองค์คงประสงค์จะดูว่าลูกมีความสามารถหรือไม่ ? ”

เถิงหยวนชิวเชื่อมั่นว่าบุตรีมีความสามารถสูงส่ง เพราะนางสามารถคิดวิเคราะห์ได้ยอดเยี่ยมยิ่ง

นางได้ค้นพบโอกาสทางการค้าที่หยวนตงเต้าดินแดนแสนทุรกันดาร นี่คือสิ่งที่มิเคยมีผู้ใดมองเห็นมาก่อนเมื่อครายังเป็นแคว้นหลิว

เมื่ออุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา หยวนตงเต้าก็จะกลายเป็นเขตการค้าอาหารทะเลหลัก อีกทั้งยังมีอาหารกระป๋องที่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องการเก็บรักษาได้อีกด้วย เยี่ยงนั้นอนาคตของหยวนตงเต้าย่อมสวยงามอย่างแน่นอน

“งานประชุมเชิงเศรษฐกิจในวันพรุ่งนี้ พ่อจะนำแนวคิดของเจ้าไปอภิปราย”

“ท่านพ่อ…ท่านต้องฟังแนวคิดของพวกเขาไว้ให้มากเพราะสิ่งที่พวกเราต้องเรียนรู้ยังมีอีกมากโข มิอาจประมาทได้เป็นอันขาดเจ้าค่ะ ! ”

“พ่อเข้าใจ ทว่า…ต่อไปนี้เจ้าจะทำเยี่ยงไร ? ”

เถิงหยวนจี้เซียงยิ้มรับ จะทำอันใดได้อีกเล่า ?

หากให้สมรสใหม่ก็คงไร้หนทาง “ลูกจะอยู่ช่วยเหลือท่านพ่อสร้างหยวนตงเต้าให้กลายเป็นไข่มุกแห่งท้องทะเลตะวันออกเจ้าค่ะ”