หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1196 ทุกวิธีการเผชิญหน้าภัยพิบัติหลิง
ตู้ม**! ตู้ม!**
เมฆหลิงหนาแน่นรวมตัวกันบนท้องฟ้า เผยให้เห็นสายฟ้าในบางครั้งคราวพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าดังก้อง ทำให้ผู้คนใจสั่นได้เลยทีเดียว
คลื่นผันผวนในทะเลสาบสวรรค์ก็สงบลง ราวกับถูกกดขี่จากฟ้าดิน
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเมฆหนา สายฟ้าสว่างวาบก่อตัวขึ้นจากคลื่นหลิงที่ถูกบีบอัด ทุกเกลียวสายฟ้าบรรจุด้วยพลังที่ไม่สามารถจินตนาการได้ แม้แต่ระดับตี้จื้อจุนแท้จริงยังไม่กล้าดูถูกเลย
เผชิญหน้ากับสายฟ้าเช่นนี้ แม้แต่มู่เฉินที่มีพลังกายแข็งแกร่งขึ้นมากยังรู้สึกสั่นสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง หากเขาประมาทแม้แต่น้อยกระทั่งพลังกายของตนก็ไม่สามารถทนต่อสายฟ้าทรงพลังนี้ได้
ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ยืนอยู่ด้านหลังมู่เฉิน แสงพราวพราวสีม่วงทองและรัศมีอมตะแผ่ซ่านออกมาทำให้มู่เฉินรู้สึกสบายใจมากขึ้น
นี่ถือเป็นการต่อสู้ครั้งแรกของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ มู่เฉินก็อยากรู้ว่าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่เขาโหยหามานานหลายปีจะทรงพลังแค่ไหน
ครืนๆๆๆ
ทั่วบริเวณเงียบสงบ มีเพียงเสียงฟ้าผ่าดังก้อง ไม่กี่นาทีต่อมาเมฆก็เริ่มกลิ้งตัวแล้วแตกออกก่อนที่ลำสายฟ้าจะฟาดลงมา
ตู้ม!
สายฟ้าเส้นนี้มีขนาดประมาณหนึ่งร้อยจั้งราวกับมังกรสีรุ้งขณะที่คำราม กระทั่งมิติก็ไม่สามารถทนรับได้เริ่มบิดเบือนไป
สายฟ้าพุ่งลงมาทันที ก่อนจะปรากฏตัวเหนือร่างมู่เฉิน จากนั้นก็กระหน่ำลงบนร่างสีม่วงทองอย่างไม่เกรงใจ
มู่เฉินไม่กล้าชักช้า ร่างสีม่วงทองคำรามลั่นพร้อมกับแสงสีม่วงทองเปล่งประกายวูบวาบไปทั่วร่างกาย
เสาแสงสีม่วงทองขนาดมหึมายิงออกจากปากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ซึ่งบรรจุด้วยคลื่นหลิงไร้ขอบเขต
ตู้ม!
พลังสองสายปะทะกันราวกับอุกกาบาตพุ่งชน มิติบริเวณนั้นก็ทรุดตัวลง คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้กวาดออกเป็นเกลียวคลื่น
พื้นผิวของทะเลสาบสวรรค์ถูกระงับจากแรงกดดัน คลื่นใหญ่หมื่นจั้งดันตัวขึ้น ดูอลังการอย่างยิ่ง
พลังอันยิ่งใหญ่กินเวลานานหลายนาที ก่อนที่เสาสีม่วงทองจะอ่อนกำลังจากนั้นก็แตกออกภายใต้พลังสายฟ้า
ทว่าสายฟ้าก็ถูกทำให้อ่อนลงอย่างมีนัย พลังที่เหลืออยู่จึงทำให้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์เพียงสั่นสะเทือนโดยไม่เกิดความเสียหายใดๆ
ทว่ามู่เฉินก็ยังไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย สายฟ้าสายแรกอ่อนแอที่สุด แต่เขาก็ไม่สามารถต้านได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นหลังจากนี้อันตรายก็จะเพิ่มมากขึ้น
“เขาสกัดได้!” ใบหน้าจิ่วโยวเผยความสุข
“มีกระแสสายฟ้าเก้าคลื่นในภัยพิบัติหลิง คลื่นต่อไปจะยิ่งแรงกว่านี้ นี่เป็นคลื่นแรกและต่อจากนี้สิจะรุนแรงขึ้นไปอีก” มั่นถัวหลัวส่ายหัว ในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสายตาของนางดีกว่าจิ่วโยวมาก นางสามารถบอกได้ว่าถึงมู่เฉินจะยืนหยัดกับสายฟ้าคลื่นแรกได้แต่ก็เรียกว่าฉิวเฉียด หากสถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปคงไม่เป็นการดีสำหรับเขา
ครืน!
ขณะที่พวกนางคุยกัน ลำสายฟ้าขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นคล้ายกับมังกรมหึมาซ่อนอยู่หลังเมฆ
ตู้ม!
กลุ่มเมฆฉีกขาดอีกครั้ง สายฟ้าลำหนาขึ้นก็ฟาดใส่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์
สีหน้ามู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วน การเผชิญหน้าครั้งแรกเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ชัดว่าผ่านไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ตอนนี้จึงไม่กล้าที่จะประมาท แค่คิดแสงสีม่วงทองก็พรั่งพรูออกมา ถักทอเป็นปราการขนาดใหญ่
ครั้งนี้เขาเลือกที่จะป้องกัน
ปัง!
สายฟ้าฟาดรอยแตกพล่านบนปราการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด
แกร๊ก แกร๊ก!
ปราการคงอยู่ได้ไม่นานก่อนจะแตกสลาย จากนั้นสายฟ้าก็พุ่งเข้าชนร่างเทพสุริยะนิรันดร์จังใหญ่
ครั้งนี้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทำให้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์สลัวลงเล็กน้อย เนื่องจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์เชื่อมต่อกับมู่เฉิน เขาจึงได้รับผลกระทบอย่างมากกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ดวงตาของเขาวูบไหวด้วยความหวาดผวา เนื่องจากเขาไม่คิดว่าภัยพิบัติหลิงจะน่ากลัวปานนี้
“ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานภัยพิบัติหลิงโดยอาศัยร่างเทห์สวรรค์เพียงอย่างเดียว”
มู่เฉินเช็ดรอยเลือด สีหน้าเคร่งขรึมลง เขาทะยานขึ้นไปที่ไหล่ของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ พัดขนนกสีเขียวปรากฏขึ้นในมือ
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะนำไพ่ตายใบแรกมาใช้แล้ว
ตู้ม!
ขณะที่มู่เฉินจับพัดเทพสายลม กระแสสายฟ้าคลื่นที่สามก็ฟาดลงมา ซึ่งหนากว่าสองเส้นก่อนหน้าหลายเท่า
“ทอร์นาโดเทพสายลม!”
มู่เฉินสะบัดพัดเทพสายลมโดยไม่ลังเล ทันใดนั้นพายุไซโคลนขนาดมหึมาก็ก่อตัวขึ้นปะทะกับสายฟ้า
ตู้ม ตู้ม!
เสียงลมพายุดังกระหึ่ม แต่คราวนี้ที่ทำให้เขาโล่งใจก็คือด้วยพัดเทพสายลมและร่างเทพสุริยะนิรันดร์ในที่สุดเขาก็สามารถต้านทานกระแสสายฟ้าคลื่นที่สามได้
คลื่นกระแทกที่เหลืออยู่กวาดหายนะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่พายุไซโคลนและฟ้าผ่าจะจางลง
ฮา
มู่เฉินมองสายฟ้าที่สลายไปก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นหัวใจเขาก็กระตุก เนื่องจากเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานแปลกประหลาดซึ่งมาจากพลังงานที่หลงเหลือ หลอมรวมเข้ากับร่างเทพสุริยะนิรันดร์
พลังงานนี้ไม่สามารถเสริมสร้างร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ แต่วินาทีนั้นมู่เฉินรู้สึกได้ว่าการเชื่อมโยงระหว่างร่างเทพสุริยะนิรันดร์กับฟ้าดินใกล้ชิดยิ่งขึ้น
“แบบนี้นี่เอง ภัยพิบัติหลิงสามารถทำให้ร่างเทห์สวรรค์มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับฟ้าดิน ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นถึงใช้วาจาฟ้าดินเป็นประกาศิตได้” มู่เฉินเข้าใจขึ้นมา ที่แท้พลังนั้นก็มาจากภัยพิบัติหลิงนี่เอง
ภัยพิบัตินี้เป็นการทดสอบและโอกาสในเวลาเดียวกัน
“หากเป็นเช่นนั้นให้ก็ขอแบบแข็งๆ เลย!”
มู่เฉินโบกพัดในมือขณะจ้องมองกลุ่มเมฆด้วยสายตาร้อนแรง
ตู้ม! ตู้ม!
กลุ่มเมฆราวกับสัมผัสได้ถึงสายตามู่เฉิน พวกมันเริ่มกลิ้งตัวรุนแรง จากนั้นเกลียวสายฟ้าสองสายก็พุ่งลงมาในเวลาเดียวกัน
มู่เฉินมองดูสายฟ้าแฝด สีหน้าก็ตึงเครียดไม่กล้าชักช้า พัดเทพสายลมเริ่มขยายตัว คลื่นหลิงมหาศาลเทเข้าไป
ฮวบ!
พัดเทพสายลมสั่นสะเทือน ก่อนที่พายุไซโคลนขนาดใหญ่หลายลูกจะหมุนออกไป ยามนี้เขาเร้าพลังสูงสุดแล้ว พายุทุกลูกสามารถทำให้เขาใจสั่นเลยทีเดียว
ตู้ม ตู้ม!
พายุไซโคลนปะทะกับสายฟ้า เมื่อพายุถูกทำลายไปทีละลูกสายฟ้าสองสายก็ค่อยๆ ลดขนาดลงเช่นกัน
ฮา
มู่เฉินโล่งใจเมื่อเห็นเกลียวสายฟ้าสองสายที่กำลังจะสลายหายไป
ตู้ม!
ทว่าทันทีที่มู่เฉินรู้สึกโล่งใจ จู่ๆ สายฟ้าสองสายก็ระเบิดออก กระแสสายฟ้าอีกสายก่อตัวขึ้นซัดลงมาอย่างรวดเร็ว!
นี่มันลงมาทีเดียวสามสาย!
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทำให้จิ่วโยวตกใจจนอุทานลั่น
ในพริบตาเดียวเกลียวสายฟ้าที่สามก็มาอยู่เหนือร่างเขา แต่เมื่อกำลังจะจู่โจม มู่เฉินก็โยนป้ายขวางสมุทรออกไป มหาสมุทรสีดำทะลักออกมาปะทะกับเกลียวสายฟ้าที่สาม เพื่อสลายพลังลง
“เจ้าเล่ห์เหลือเกิน”
มู่เฉินมองการกระทำนี้ด้วยเหงื่อเย็นท่วมตัว โชคดีที่เขาระมัดระวังและเตรียมป้ายขวางสมุทรเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเขาต้องทนทุกข์จากกระแสสายฟ้าคลื่นที่สามอย่างแน่นอน
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็เหลืออีกเพียงสี่คลื่น”
ป้ายขวางมหาสมุทรส่งเสียงหวือลอยอยู่เบื้องหน้า ในมือเขาถือพัดเทพสายลมไว้ ริ้วแสงสีทองแห่งความเป็นอมตะกำจายจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่อยู่ข้างใต้ห่อหุ้มเขาไว้ ยามนี้เขางัดไพ่ตายทั้งหมดออกมาแล้ว ด้วยการป้องกันนี้เขาน่าจะทนคลื่นที่เหลือได้ล่ะมั้ง?
ดังนั้นในเวลาต่อมา เมฆหลิงบนท้องฟ้าก็ผันผวน กระแสสายฟ้าซัดลงมาอีกครั้ง
แต่หลังจากผ่านประสบการณ์กระแสสายฟ้าห้าระลอกก่อนหน้า มู่เฉินก็เริ่มจับการทำงานของมันได้ แม้จะมีอันตรายรอบตัว แต่เขาก็สามารถสกัดคลื่นไว้ได้ด้วยอาวุธมหสวรรค์ทั้งสองชิ้น
เมื่อหนึ่งชั่วโมงผ่านไป มู่เฉินก็ทนกระแสสายฟ้าจนถึงคลื่นที่แปดได้แล้ว
ทว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก ประกายไฟแลบแปลบปลาบบนร่างซึ่งเกิดจากภัยพิบัติหลิงนั่นเอง
นี่เป็นรูปแบบหนึ่งของคลื่นพลังที่คล้ายกับสารพิษ เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะกัดกร่อนคลื่นหลิง ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ดังนั้นมู่เฉินจึงทำได้เพียงหมุนเวียนคลื่นหลิงเพื่อต่อต้านและชำระล้าง
ขณะเดียวกันร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็จางลงไปมาก ชัดว่าได้ใช้พลังงานจำนวนมากในการต้านทานภัยพิบัติหลิง
“คลื่นที่แปดจบแล้ว เหลือคลื่นสุดท้าย”
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเมฆที่สลายหายไปเยอะ แม้ว่าจะมีกระแสสายฟ้าคลื่นสุดท้ายเหลืออยู่เท่านั้น แต่เขาก็ไม่สามารถผ่อนคลายได้ ตรงกันข้ามเขารู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
เพราะคลื่นที่เก้าใช้เวลาในการชงตัวนานมาก ความกดดันที่ถูกปล่อยออกมาจากมันก็ไกลเกินกว่าคลื่นใดๆ
มู่เฉินพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับสภาพขณะรอคลื่นลูกสุดท้าย ตราบใดที่เขาสามารถผ่านไปได้ เขาก็จะบรรลุระดับตี้จื้อจุนแท้จริง!
จิ่วโยวรู้สึกถึงแรงกดดันที่น่ากลัว แม้ว่านางจะไม่ได้อยู่ในนั้น แต่ก็สามารถบอกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่มู่เฉินกำลังแบกไว้
แต่นางไม่ได้พูดอะไรเพราะไร้ประโยชน์ นางทำได้เพียงสวดมนต์เพื่อหวังว่ามู่เฉินจะผ่านไปได้
นอกจากนี้ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าทำไมถึงมีจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มจำนวนมากกลัวภัยพิบัติหลิง แม้แต่คนอย่างมู่เฉินก็ยังอยู่ในสภาพน่าสมเพชแล้วจอมยุทธ์ธรรมดาล่ะ?
ฮึ่ม ฮึ่ม!
ความเงียบดำเนินไปเป็นเวลานาน ก่อนที่เมฆจะเริ่มเปล่งเสียงดังก้องอีกครั้ง ลำแสงจำนวนมากส่องกระจาย ภายใต้แสงนี้ทั่วทั้งฟ้าดินยังบิดเบี้ยว
เมฆหลิงหดตัวรวมกันอย่างรวดเร็ว ก่อร่างเป็นมังกรยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยสายฟ้า
มังกรบินฉวัดเฉวียนอยู่ในท้องฟ้าจ้องมาที่มู่เฉิน แรงกดดันที่น่ากลัวครอบคลุมทั้งมิตินี้
เมื่อมั่นถัวหลัวเห็นเมฆรูปมังกร ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางพูดออกมาอย่างตกใจว่า “กระแสสายฟ้าคลื่นที่เก้าของภัยพิบัติหลิงนี้ก่อตัวเป็นรูปร่างเรอะ?”
“หมายความว่าอย่างไร?” จิ่วโยวสอบถามอย่างรวดเร็ว
“ภัยพิบัติหลิงมักอยู่ในรูปแบบสายฟ้า แต่จะมีบางภัยพิบัติพิเศษที่ก่อตัวขึ้นเป็นรูปทรงได้ แต่โดยทั่วไปแล้วเจอได้ยากมาก…ใช่แล้ว ความแข็งแกร่งของภัยพิบัติยังเชื่อมโยงกับความแข็งแกร่งของร่างเทห์สวรรค์ของผู้ฝึก ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของมู่เฉินเป็นวิวัฒนาการระยะต่อมา ในแง่ของการจัดอันดับน่าจะสามารถเป็นหนึ่งในสิบห้าอันดับแรกได้ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคลื่นที่เก้าจึงก่อตัวเป็นรูปทรงขึ้นได้… ” พูดถึงตอนท้าย มั่นถัวหลัวก็เข้าใจขึ้นมา
จิ่วโยวพูดไม่ออก นางไม่คิดเลยว่าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่มู่เฉินไล่ล่ามาตลอดจะทำให้ต้องเจอกับภัยพิบัติครั้งใหญ่
มั่นถัวหลัวถอนหายใจยิ้มอย่างขมขื่น “แม้ว่าภัยพิบัตินี้จะทรงพลัง แต่เขาก็จะได้รับประโยชน์มากขึ้นถ้าสามารถต้านทานได้ ไม่รู้ว่าจะนับเป็นโชคลาภหรือหายนะดี”
จิ่วโยวถอนหายใจเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะเจอภัยพิบัติชนิดก่อตัวขึ้นได้ เพราะจะทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะตายได้
แต่ในเมื่อมันก่อตัวขึ้นแล้วก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ พวกนางได้แต่หวังว่ามู่เฉินจะสามารถต้านทานได้
ขณะที่พวกนางกำลังพูดกัน มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองภัยพิบัติที่ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างมังกร สีหน้าเขาน่าเกลียดและยิ้มอย่างขมขื่น “นี่เป็นปัญหาแล้ว”
แม้ว่ามันยังไม่ซัดลงมา เขาก็รู้สึกถึงความผันผวนที่น่ากลัว
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่พัดเทพสายลมและป้ายขวางสมุทรจะสามารถต้านทานได้แล้ว”
มู่เฉินเหลือบอาวุธทั้งสอง คิ้วก็ขมวดเป็นปม เผชิญกับภัยพิบัตินี้เขาคงต้องหันไปใช้วิธีอื่นจะดีกว่า
แต่ตัวเขางัดไพ่ตายออกมาแล้ว จะทำอะไรได้อีก?
ทันใดนั้นความคิดมู่เฉินก็แล่นพล่านก่อนที่จะหันไปมองร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ย้อนกลับไปที่ร่างนี้ครอบครองทักษะเทห์สวรรค์คลื่นเก้าตะวัน ดังนั้นแน่นอนว่าเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงก็น่าจะพัฒนาไปพร้อมกันด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าเขายังไม่ได้นำศักยภาพของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมา
แต่เขาก็ไม่ตำหนิตัวเอง เพราะนับตั้งแต่เขาชำระร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ เขาก็ไม่ได้มีเวลามากมายที่จะรู้สึกถึงอะไรได้
แต่ไม่ว่ายังไงเขาจะต้องลองแล้ว
คิดถึงจุดนี้มู่เฉินก็หลับตา คลื่นหลิงปล่อยออกมาจากร่างค่อยๆ เชื่อมโยงเขาเข้ากับร่างเทพสุริยะนิรันดร์
เมื่อจักรพรรดิฟ้าเห็นสิ่งนี้คิ้วก็ค่อยๆ ยกขึ้นพลางยิ้ม “ในที่สุดก็คิดถึงร่างเทพสุริยะนิรันดร์แล้วเหรอ”
โฮก!
ขณะนี้ในที่สุดภัยพิบัติหลิงรูปมังกรก็ได้เพิ่มพลังจนถึงขีดสุด มันคำรามลั่น
อึดใจก็กวาดหางพุ่งลงมาในทิศทางของมู่เฉิน
เมื่อภัยพิบัติคลื่นสุดท้ายซัดลงมา ฟ้าดินก็เหมือนจะพังทลายอย่างสิ้นเชิง ทะเลสาบสวรรค์ถูกผลักออกจากคลื่นหลิงที่น่ากลัว ราวกับว่าจะถูกแยกออกเป็นสองฝั่ง
ตู้ม!
ขณะที่กระแสสายฟ้าซัดลงมา มู่เฉินก็ขยับนิ้ว พัดเทพสายลมเคลื่อนไหวทำให้เกิดพายุไซโคลนขนาดมหึมามากมาย
ป้ายขวางก็สร้างมหาสมุทรสีดำที่บรรจุพลังที่สามารถทำลายภูเขาได้
ปัง! ปัง!
พลังของอาวุธมหสวรรค์ทั้งสองถูกผลักไปถึงขีดสุดแล้ว ทว่าเมื่อมหาสมุทรและพายุไซโคลนพุ่งเข้าไปปะทะกับภัยพิบัติหลิง พวกมันก็ถูกทำลายทันที!
ไม่มีการหยุดยั้ง ภัยพิบัติหลิงซัดผ่านแนวป้องกันของอาวุธทั้งสองทันที!
ใบหน้าของจิ่วโยวเปลี่ยนไปกับภาพนี้ ก่อนหน้ามู่เฉินพึ่งพาอาวุธมหสวรรค์ทั้งสองเพื่อต้านทานกระแสสายฟ้าส่วนใหญ่ของภัยพิบัติหลิง แต่เมื่อมาถึงคลื่นที่เก้ากลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง!
ตู้ม!
อาวุธทั้งสองชิ้นกระเด็นออกไปด้วยคลื่นที่เก้า เผยให้เห็นร่างเงาของมู่เฉิน
ตู้ม! ตู้ม!
เสียงคำรามของมังกรแผดลั่นโสตประสาท ทว่ามู่เฉินยังคงนิ่งเป็นก้อนหิน ขณะนี้จิตของเขาได้หลอมรวมกับร่างเทพสุริยะนิรันดร์สมบูรณ์แล้ว
เขาต้องหลอมรวมสมบูรณ์ถึงจะค้นหาทักษะที่มีอยู่ในนั้นได้
มังกรเคลื่อนเข้ามาจากด้านบน ทำให้เลือดปรากฏบนผิวหนังมู่เฉินปกคลุมทั่วร่างทันที
ทว่าเขาก็ยังคงไม่ขยับราวกับว่าละทิ้งการต่อต้านทั้งหมด
เมื่อเห็นฉากนี้ จิ่วโยวก็กัดริมฝีปาก เล็บจิกเนื้อในฝ่ามือ
หนึ่งร้อยจั้ง… ห้าสิบจั้ง… สิบจั้ง…
เมื่อมังกรอยู่ห่างจากมู่เฉินเพียงสิบจั้ง จู่ๆ เขาก็ลืมตาโพลง ตอนนี้ม่านตาของเขาถูกย้อมด้วยสีม่วงทอง
เขาวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ใต้ฝ่าเท้าก็ทำเช่นเดียวกัน
ฟิ้ว!
แสงสีม่วงทองเปล่งประกายระยิบระยับจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ก่อตัวขึ้นเป็นลวดลายขนาดใหญ่สองลวดลายอย่างรวดเร็ว
ลวดลายทั้งสองเต็มไปด้วยความเก่าแก่ที่ไม่อาจบรรยายได้และลึกซึ้งนัก
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองมังกรก่อนที่เสียงจะดังกึกก้องออกมา “ต่อให้สวรรค์และโลกล่มสลาย ข้าก็เป็นอมตะ”
“รหัสเทพอมตะ!” มู่เฉินยกมือขึ้นกำแน่น ขณะนั้นลวดลายทั้งสองก็พุ่งออกมารวมกันเป็นโล่บาง
ตู้ม!
ทันทีที่โล่ก่อตัวขึ้น มังกรก็พุ่งชนในท่าทางทำลายล้าง
ราวกับดวงอาทิตย์โชติช่วงติดตามมาด้วยคลื่นกระแทกที่ไม่อาจพรรณนาก่อเกิดหายนะรุนแรง
มิติแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หลุมเหวมหึมาปรากฏขึ้นในทะเลสาบสวรรค์เบื้องล่าง
มั่นถัวหลัวโบกมือสร้างปราการที่เบื้องหน้านางกับจิ่วโยวปิดกั้นคลื่นกระแทกรุนแรง
จักรพรรดิฟ้ายืนสองมือไพล่หลัง คลื่นกระแทกใดๆ ที่เข้ามาก็กระจายไปกับสายลม
การทำลายล้างกินเวลาสิบกว่านาทีก่อนที่จะสงบลง
จิ่วโยวจ้องไปในทิศทางของมู่เฉินเขม็ง มือของนางกำแน่น นางอยากรู้ว่ามู่เฉินประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวกับภัยพิบัติหลิงล้างโลกนี้?