ตอนที่ 776 แย่งอาหาร + ตอนที่ 777 ความหยิ่งทะนงตัวของเหยียนหมิงซุ่น โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 776 แย่งอาหาร
พวกจ้าวเสวียหลินแต่ละคนคีบขาหมูชิ้นใหญ่ที่มันเยิ้ม แล้วมองไปที่เหยียนหมิงซุ่นอย่างลำพองใจ ราวกับคางคกขึ้นวอ
พ่อหนุ่มน้อย กล้ามาทำให้พวกเขาไม่เป็นสุขตอนอยู่เกสต์เฮาส์ ตอนเย็นก็จะไม่ให้นายกินเนื้อแม้แต่คำเดียว!
ทั้งสี่คนล้วนเป็นขุนพลตัวน้อยที่เคยฝึกฝนกังฟูของตระกูลจ้าวมาก่อน แต่จ้าวเสวียเอ๋อร์แสดงออกว่าจะไม่เข้าร่วมเกมที่ไร้สาระแบบนี้ อันที่จริงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาก็คือไม่อยากล่วงเกินเหยียนหมิงซุ่น สำหรับคนที่มีเงินและอาจจะกลายเป็นหุ้นส่วนของเขาในอนาคต จ้าวเสวียเอ๋อร์จะไม่ทำตัวโง่ ๆหรอก
ส่วนเด็กอ้วนน้อยยิ่งไม่ต้องพูดถึง ด้วยฐานะและความกล้าหาญของเขาแล้วจึงตัดสินใจถอนตัวอย่างไม่ต้องคิด กินไปด้วยดูละครไปด้วยแบบนี้สิถึงจะเหมาะสมกับเขาเสียยิ่งกว่า!
เหยียนหมิงซุ่นไม่โมโหเลยสักนิด ริมฝีปากยังมีรอยยิ้มและมารยาท เขาไม่ได้คีบขาหมูอีก แต่คีบผักขึ้นมาเคี้ยวอย่างช้าๆ
พวกจ้าวเสวียหลินยิ่งได้เห็นท่าทีเช่นนี้ก็ยิ่งลำพองใจ เคี้ยวขาหมูเหมือนว่ากำลังยั่วยวนความอร่อย ฝีมือของพ่อครัวหยวนดีมากจริงๆ เนื้อขาหมูมันเยิ้มแต่ไม่เลี่ยน ละลายในปาก เนื้อนั้นเยอะเพียงพอสำหรับพวกเขา ในเวลาไม่นานก็ถูกพวกเขาเคี้ยวละเอียดจนเกลี้ยง
เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองพวกเขาอยู่แวบหนึ่ง เขาหันตะเกียบยืนมือไปทางผัดหมูสามชั้นเสฉวน และเป็นไปตามคาด ตะเกียบทั้งสี่คู่ก็ยื่นเข้ามาในเวลาเดียว หลังจากนั้นผัดหมูสามชั้นเสฉวนที่มีอยู่ครึ่งจานก็หายหมดไปในพริบตา
แน่นอนว่าคุณปู่ก็มองออกถึงความไม่ปกติ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร แม้กระทั่งคุณย่าที่คิดอยากจะอ้าปากห้ามก็ยังยั้งไว้ ยิ้มตาหยีมองดูการแสดงฉากใหญ่อย่างสนุกสนาน
อยากจะดูเสียหน่อยว่าเหยียนหมิงซุ่นคนนี้จะแย่งอาหารท่ามกลางตะเกียบแปดอันยังไง!
เจ้าหนุ่มที่ไร้ความสามารถก็ไร้คุณสมบัติที่จะอยู่ข้างกายหลานสาวของเขาเช่นกัน
เหยียนหมิงซุ่นคีบผักกินอีกครั้งเอาใส่ปากกินเข้าไปอย่างช้า ๆ แล้วก็ไม่รีบร้อนที่จะคีบอาหารอีก แน่นอนว่าเหมยเหมยก็สังเกตเห็นแล้ว เธอจ้องเขม็งไปทางพี่ชาย พวกจ้าวเสวียหลินก็เริ่มผวา แต่ก็ยังเสแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
ความแค้นที่เกสต์เฮาส์ พวกเขาไม่แก้แค้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะเป็นการขายขี้หน้าจนเกินไป!
อีกอย่างน้องสาวของพวกเขาไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวอะไรที่จะมาขอแต่งงานด้วยง่าย ๆ ได้ที่ไหนกันล่ะ?
ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ต้องสำแดงอิทธิฤทธิ์ให้ฝั่งตรงข้ามเห็น ให้เขารู้ถึงความเก่งของพวกเราพี่น้อง!
เหมยเหมยคิดอยากจะคีบอาหารให้เหยียนหมิงซุ่น แต่กลับโดนสายตาปฏิเสธเหยียยหมิงซุ่นยั้งไว้ พูดอย่างไม่มีเสียงว่า “วางใจเถอะ!”
เหยียนหมิงซุ่นแน่นอนว่าไม่ใช่คนที่โอนอ่อนตาม ตรงกันข้ามเขากลับเป็นคนทะนงตัว ทะนงตัวมากกว่าใคร ๆ เสียอีก หรือจะพูดว่าความทะนงตัวแทรกซึมเข้าไปในกระดูกเลยก็ว่าได้ แต่เขากลับไม่ใช่คนที่มีความคิดคร่ำครึ รู้แก่ใจดีว่าคนที่ไม่มีภูมิหลังแบบเขา หากคิดอยากจะปีนขึ้นสูงก็ไม่มีสิทธิ์จะหยิ่งทะนงตัว
หากปรารถนาจะเป็นผู้ชายร่ำรวยที่ทรงอำนาจ ต้องเป็นหลานชายให้ได้ก่อน!
ไม่เหมือนพวกจ้าวเสวียหลินที่ถูกกำหนดฐานะที่ไม่ธรรมดามาตั้งแต่เกิด ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถหยิ่งทะนงได้ตามดั่งใจต้องการ!
เหยียนหมิงซุ่นรู้ดีถึงฐานะของตัวเขาเอง การแสดงออกที่เหมาะสมที่สุดก็คือการนอบน้อมถ่อมตนหรือการมีกิริยามารยาท ไม่ควรจะทำกิริยาท่าทางไม่เหมาะสมออกมา แต่ความหยิ่งทะนงของเขาที่ซ่อนอยู่ลึกๆนั้นไม่เห็นด้วย
เหตุผลที่สำคัญกว่าก็คือ เขาไม่สามารถให้เหมยเหมยคิดว่าเขานั้นเป็นผู้ชายอ่อนแอและรังแกได้ง่ายๆ!
ยิ่งไม่สามารถให้พวกตระกูลจ้าวดูถูกเขาได้!
เขาจะต้องกอบกู้หน้าตาคืนมาเพื่อเหมยเหมย!
ดังนั้นพวกจ้าวเสวียหลิน ——ก็ ——โชคร้ายแล้ว……
เหยียนหมิงซุ่นชำเลืองมองไปทางพวกจ้าวเสวียหลินที่กินผัดหมูสามชั้นเสฉวน รอพวกเขากินหมูชิ้นสุดท้ายเสร็จ เขาก็หันตะเกียบไปทางหมั่นโถวทอด อีกทั้งยังพูดกับเหมยเหมยอีกว่า “หมั่นโถวจานนี้ทอดได้เหลืองกรอบมาก รสชาติจะต้องอร่อยมากแน่ ๆ”
พวกจ้าวเสวียหลินทั้งสี่คนหูกระดิก กำตะเกียบแน่น เตรียมพร้อมจะโจมตีตลอดเวลา
หลังจากนั้นก็เป็นซี่โครงหมูผัดซอสแดง ข้าวเหนียวคลุกโป๊ยเซียน ปอเปี๊ยะทอด……เหยียนหมิงซุ่นเหมือนกับฮ่องเต้ที่สามารถเลือกถูกอย่างได้ตามใจชอบ และแน่นอนอาหารที่ทั้งมันเลี่ยนทั้งราคาถูกพวกนั้นเขาไม่ได้กินเลยสักคำ
พี่ชายซื่อบื้อทั้งสี่คนที่ร้อนรนจะปกป้องน้องสาวลูบท้องด้วยความทรมาน ส่งเสียงเรอขึ้นมาไม่หยุด
……………………………………….
ตอนที่ 777 ความหยิ่งทะนงตัวของเหยียนหมิงซุ่น
จ้าวเสวียหลินเฝ้าดูเหยียนหมิงซุ่นเล่นหยอกล้อกับน้องชายที่โง่เขลาทั้งสี่ของเขาอย่างสนใจ เขามองออกนานแล้วว่าหมอนี่คิดอะไรอยู่ แต่ว่าเขาก็จะไม่ไปเตือนน้องๆที่โง่เขลาหรอกนะ นั่งดูสนุกกว่าตั้งเยอะ!
คุณปู่ที่นั่งดูการหยอกล้อบนโต๊ะอาหารกลับเกิดอาการโมโหขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าหลานชายไม่กี่คนของเขาโง่เง่าเสียยิ่งกว่าหมูอีก การหยอกล้อที่ชัดเจนขนาดนี้กลับมองไม่ออก สมองโดนหมากินไปหมดแล้วมั้ง!
คุณปู่กลับลืมไปแล้วว่า คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์นั้นไม่มีทางมองออก แต่คนนอกที่มองดูอยู่จะเห็นอย่างทะลุปรุโปร่งเลยล่ะ!
เหยียนหมิงซุ่นหน้านิ่งหันไปยิ้มให้กับพวกจ้าวเสวียไห่ที่กินจนตาเหลือก แล้วจึงหันตะเกียบไปทางขาหมู แต่ครั้งนี้กลับสงบสุข เจ้าพวกจุ้นจ้านนั้นต่อให้อยากจะทำเพียงใดแต่ก็ไร้เรี่ยวแรงแล้ว
“ขาหมูถือว่ารสชาติดีเลยทีเดียว เสวียหลินอยากกินไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นยังจงใจแกว่งเนื้อไปมา ถามจ้าวเสวียหลินที่กำลังทั้งโกรธและหงุดหงิด แล้วได้คำตอบจากการกลอกตามองบนทั้งแปดลูกตากลับมาแทน
ในตอนนี้เองพวกจ้าวเสวียหลินก็ได้สติกลับคืนมา รู้ถึงเล่ห์เหลี่ยมของเหยียนหมิงซุ่นแล้ว ต้องโทษที่พวกเขาใจร้อนเกินไป ประเมินค่ากระเพาะของตัวเองสูงเกินไป แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะทำตัวเองเกือบตาย
เหยียนหมิงซุ่นคีบเนื้อชิ้นเล็กให้เหมยเหมย พูดยิ้มๆว่า “เนื้อชิ้นใหญ่ๆพวกพี่ชายเธอกินไปหมดแล้ว เหลือแต่เนื้อชิ้นเล็กๆแล้ว เหมยเหมยกินเยอะๆหน่อยนะ”
จ้าวเสวียหลินโมโหจนเรอออกมาเสียงดัง รู้สึกในปากเต็มไปด้วยน้ำมัน เขาเลี่ยนจะตายอยู่แล้ว คนที่รู้สึกเหมือนเขายังมีอีกสามคน เลี่ยนจนแทบจะอ้วกออกมาอยู่แล้ว
เหมยเหมยรับเนื้อชิ้นเล็กไป แถมยังจงใจใช้มีดแทงเข้าไปกลางหัวใจของพี่ทั้งสี่คนด้วยการยิ้มหวานๆแล้วพูดว่า “อร่อยจริงๆ พี่หมิงซุ่นพี่ก็กินเนื้อหน่อยสิถึงแม้ว่ามันจะไม่มีแล้วก็ตาม พี่ชายฉันพวกเขากินได้เกลี้ยงจริงๆ”
ในใจของเหยียนหมิงซุ่นรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ถึงแม้ว่าตระกูลจ้าวจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรีที่ติดตัวมาแต่เกิด เป็นสิ่งที่อยู่บนตัวสยงมู่มู่เมื่อก่อนที่ทำให้เขารู้สึกขัดตาหงุดหงิดเป็นที่สุด
ตระกูลจ้าวมีติดตัวทุกคน มีแค่เหมยเหมยที่ไม่มี
ความรู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรีแบบนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไรนัก แน่นอนเขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของพวกจ้าวเสวียหลิน พวกเขาอาศัยอยู่ในครอบครัวสูงส่งอย่างครอบครัวจ้าวตั้งแต่เด็ก ความรู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรีนั้นได้แทรกซึมเข้าไปในกระดูกของพวกเขานานแล้ว แผ่กระจายออกมาโดยไม่รู้ตัว พวกเขาก็ไม่มีวิธีที่จะควบคุมมันได้
เพียงแต่ตัวเขาเองเป็นคนรับรู้ได้ไว เขาไม่ยินดีที่จะโดนคนอื่นใช้ท่าทีที่เหนือกว่าพูดคุยกับตัวเอง แล้วก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าคนพวกนี้
แน่นอนว่าเขามีความเขื่อมั่นในตัวเอง เขาโดดเด่นดีเลิศกว่าคนมากมาย และมีความกล้ามากกว่าใครหลายคน เขาจะอาศัยเพียงความพยายามของตัวเองเท่านั้น ปีนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดทีละก้าวทีละก้าว และเขายังจะพยายามย่นระยะเวลาให้น้อยที่สุดอีกด้วย
บรรยากาศมาคุชั่วขณะ เพื่อที่จะไกล่เกลี่ยคุณย่าจึงคีบหมั่นโถวทอดส่งให้กับเหยียยหมิงซุ่น ยิ้มอย่างเป็นกันเองพูดว่า “เสี่ยวเหยียนกินหมั่นโถว เธอชอบไม่ใช่เหรอ?”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มกล่าวขอบคุณ ขมวดคิ้วมองหมั่นโถวทอดเบาๆ ในบรรดาของกินทั้งหมดเขาไม่ชอบอาหารที่ใช้น้ำมันทอดเป็นที่สุด ไม่ดีต่อสุขภาพอีกรสชาติสัมผัสที่ก็ไม่ได้อร่อย เมื่อครู่เขาแค่จงใจพูดหลอกล่อให้พวกจ้าวเสวียหลินตกหลุมพลางแค่นั้นเอง
แต่ว่านี่เป็นของที่คุณย่าของเหมยเหมยคีบให้ ต่อให้ไม่ชอบมากแค่ไหนเขาก็ต้องกิน เหยียนหมิงซุ่นเตรียมตัวจะกิน หมั่นโถวชิ้นเล็กก็โดนเหมยเหมยคีบไป
“หนูกำลังอยากกินหมั่นโถวพอดีเลย พี่หมิงซุ่นชิ้นนี้พี่ให้ฉันกินก็แล้วกัน พี่กินอย่างอื่นไปเถอะ” เหมยเหมยกัดหมั่นโถวไปครึ่งหนึ่งแล้วก็หันไปขยิบตาให้เหยียนหมิงซุ่นอย่างซุกซน
คุณย่าพูดอย่างไม่พอใจว่า “ในจานก็ยังมี ทำไมต้องไปคีบในจานของเสี่ยวเหยียนเขา?”
“จานมันอยู่ไกลไปค่ะ หนูไม่อยากยื่นมือไปหยิบนี่นา”
คำพูดของเหมยเหมยทำให้แววตาของคุณย่าไม่ค่อยพอใจนัก ไม่มีมารยาทเลยจริงๆ อีกครู่จะต้องคุยกับหลานสาวให้รู้เรื่องกันหน่อยเสียแล้ว
………………………………………