บทที่ 1913 เสาเพลิง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1913 เสาเพลิง

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบรรพชนผมยาวกําลังทํางานอย่างหนัก เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นและปลดปล่อยมวลอากาศร้อนออกไปรอบๆ

 

วิญญาณอมตะระดับหกลอยอยู่ท่ามกลางกองไฟขณะที่พื้นผิวของมันค่อยๆละลายเหมือนขี้ผึ้ง

 

“อดทนไว้!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะและตะโกน “เปิดคลังสมบัติ นำทรัพยากรอมตะออกมา!”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่ควบคุมค่ายกลย่อยเปิดประตูคลังสมบัติอย่างรวดเร็ว

 

อสุนัขจํานวนมากลอยออกมาอย่างช้าๆ

 

พวกมันเป็นอของสุนัขอสูรเดียวดายและสุนัขอสูรบรรพกาลที่แตกต่างกัน

 

ภายใต้ความร่วมมือของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสามคน ค่ายกลย่อยค่อยๆปรับแต่งอสุนัขเหล่านั้น

 

ต่อมามันก็ถูกหลอมรวมเข้ากับวิญญาณอมตะระดับหกที่อยู่ในกองไฟ

 

แต่ก่อนที่พวกเขาจะประสบความสําเร็จ มันกลับเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด เปลวเพลิงเปลี่ยนสี วิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่ไม่สมบูรณ์แตกออก

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึง เขารีบกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

ด้วยพลังอานาจของวิญญาณความเสียใจ สีของเปลวเพลิงกลับคืนสู่สภาพปกติ นอกจากนั้นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่ไม่สมบูรณ์ยังกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกด้วย

 

พวกเขาสูญเสียเพียงทรัพยากรอมตะส่วนสุดท้ายเท่านั้น

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนถอนหายใจก่อนจะดําเนินการต่อ

 

หลังจากไม่กี่ชั่วโมง เปลวเพลิงก็ค่อยๆสลายไป วิญญาณอมตะระดับหกกลายเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด

 

วิญญาณอมตะโชคอสุนัขระดับเจ็ด!

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตื่นเต้นมากขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกเช่นกัน

 

ด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณความเสียใจ พวกเขากลายเป็นพยัคฆ์ติดปีกและสามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

ในเวลาเดียวกันที่ถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า

 

ฟางหยวนนั่งอยู่บนก้อนเมฆกับเฟิงเจียงและคนอื่นๆขณะที่เมียวหมิงเฉินบินไปรอบๆ

 

ระบบนิเวศของพื้นที่ทะเลทั้งสองได้รับการแก้ไขเกือบสมบูรณ์แล้ว ปัญหาสุดท้ายของพวกเขาคือช่องว่างระหว่างทะเลทั้งสอง

 

เสี่ยวหมิงเฉินพยายามหลอมรวมทะเลทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียว

 

เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เขาเชี่ยวชาญในการจัดการพื้นที่

 

ฟางหยวนและคนอื่นๆ กําลังเฝ้ามองเขาทํางาน

 

โอ้ วิญญาณอมตะโชคอสุนัขยกระดับขึ้นแล้ว การหลอมรวมดําเนินไปได้อย่างราบรื่น” ฟางหยวนสัมผัสได้ถึงความโกลาหลในมิติช่องว่างของเขา

 

ขณะที่ร่างหลักของฟางหยวนกําลังทําภารกิจของหอคอยเกียรติยศ วิญญาณอมตะสามดวงของเขาก็ถูกยกระดับขึ้นในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

นี่เป็นความเร็วที่ตกใจมาก

 

โดยทั่วไปผู้อมตะต้องใช้เวลาหลายปีในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ

 

แต่สถานการณ์ของฟางหยวนแตกต่างออกไป

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบรรพชนผมยาว ตลอดถึงทรัพยากรอมตะมากมายทําให้เขาสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะได้อย่างง่ายดาย

 

วิญญาณอมตะทั้งสามดวงที่ยกระดับขึ้นล้วนเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชค เขาน่าพวกมันออกมาจากหม้อปรุงโชค

 

เส้นทางแห่งโชคคือสิ่งที่เขาให้ความสําคัญมากที่สุดในเวลานี้

 

วิญญาณอมตะโชคอสุนัขเคยเป็นวิญญาณหลักของเทพอมตะตะวันเดือด มันช่วยเพิ่มโชคให้กับเจ้าของได้ อย่างไม่น่าเชื่อ

 

ก่อนหน้านี้ปัญหาเดียวของมันคือมันเป็นวิญญาณอมตะระดับหกและไม่สามารถแสดงพลังอํานาจได้มากนัก ตอนนี้มันกลายเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด พลังอํานาจของมันจึงพุ่งขึ้นสู่ระดับใหม่

 

ฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดไปแล้ว ความต้องการของเขาสําหรับวิญญาณอมตะเพิ่มขึ้นเช่นกัน เขาต้องการวิญญาณอมตะระดับสูงขึ้น วิญญาณอมตะระดับหกแทบไม่มีประสิทธิภาพกับเขา วิญญาณอมตะระดับเจ็ดยังไม่ดีพอ มีเพียงวิญญาณอมตะระดับแปดที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด

 

แต่ฟางหยวนไม่ต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด เขาไม่สามารถจ่ายเพื่อมัน

 

ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อโลกภายนอก สถานการณ์ของเขาไม่เอื้ออํานวย หากเขาไม่หยุดวังสวร รค์จากการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม สถานการณ์ของเขาจะยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ

 

เขาต้องใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งโชคเหล่านี้เพื่อสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อปรุง โชคระดับเจ็ดที่สามารถปลดปล่อยพลังอานาจระดับแปด

 

“ฮา!” เสี่ยวหมิงเฉินตะโกนขัดจังหวะความคิดของฟางหยวน

 

แสงสีน้ําเงินแผ่พุ่งออกจากร่างกายของเขาและทําให้พื้นที่ที่เกิดรอยแตกร้าวฟื้นตัวขึ้น

 

“วิธีการของนายท่านช่างน่าทึ่งนัก!” เฟิงเจียงและคนอื่นๆยกย่อง

 

เมื่อมาถึงจุดนี้ภารกิจครั้งนี้ก็เสร็จสิ้นในที่สุด

 

“วิธีการของเจ้าเหนือกว่าข้า” ฟางหยวนสรรเสริญ เขามีวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เขาสามารถใช้วิธีบนเส้นทางสายอื่นเพื่อส่งผลกระทบบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ

 

แต่เปรียบเทียบกับวิธีการของเสี่ยวหมิงเฉิน แม้ฟางหยวนจะสามารถทําสิ่งเดียวกัน แต่เขาจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

 

หลังจากทั้งหมดเมียวหมิงเฉินก็เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติโดยตรงขณะที่ฟางหยวนมีความสําเร็จบนเส้นทางสายนี้เพียงเล็กน้อย

 

เสี่ยวหมิงเฉินป้องหมัดขึ้น “ข้าไม่คู่ควรกับค่าชมนี้”

 

ฟางหยวนตอบกลับด้วยการสรรเสริญอีกครั้งก่อนที่ทุกคนจะกลับไปยังหอคอยเกียรติยศ

 

ในภารกิจนี้ฟางหยวนได้รับแต้มบุญมากที่สุด ตามมาด้วยเสี่ยวหมิงเฉิน

 

อันดับของฟางหยวนพุ่งขึ้นสู่กลุ่มผู้นําอีกครั้ง

 

เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆไม่แปลกใจอีกต่อไป พวกเขาเห็นอันดับของฟางหยวนกระโดดขึ้นลงมาหลายครั้งแล้ว

 

เมื่อมาถึงจุดนี้ผู้อมตะคนอื่นๆก็เริ่มสะสมแต้มบุญได้มากขึ้นแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ฟางหยวนจะก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งอีกครั้ง

 

พวกเขายังรับภารกิจต่อไปเรื่อยๆ

 

แต้มบุญของฟางหยวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

กลุ่มของเมียวหมิงเฉินติดตามฟางหยวนไปในทุกภารกิจ ฟางหยวนค่อยๆกําวขึ้นสู่อันดับหนึ่งขณะที่พวกเขากลายเป็นกลุ่มที่สองบนหอคอยเกียรติยศและทิ้งกลุ่มตระกูลเฉินเอาไว้ข้างหลัง

 

เฉินกงเจ๋งไม่ได้ร่วมมือกับฟางหยวนอีก เขาทําภารกิจระดับกลางและสามารถกู้คืนแต้มบุญได้ทันเวลาที่กําาหนด

 

โชคของเขาไม่เลวนัก เขาได้รับสองภารกิจเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเสียง สําหรับภารกิจอื่น แม้เขาจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงแต่เขาสามารถเลียนแบบเส้นทางสายอื่น

 

ท้ายที่สุดเขาก็เป็นผู้อมตะระดับแปด

 

เมื่ออันดับของเฉินกงเจิ้งก้าวขึ้นสู่กลางตาราง หม้อปรุงโชคของฟางหยวนก็ถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง

 

หม้อปรุงโชคระดับเจ็ด!

 

นี่เป็นระดับสูงที่สุดที่เทพอมตะตะวันเดือดเคยสร้างขึ้น มันสามารถปลดปล่อยพลังอํานาจระดับแปด

 

สิ่งแรกที่ฟางหยวนท่าคือตรวจสอบโชคของตนเอง

 

“บีม!”

 

ฟางหยวนมองขึ้นไปด้านบนและเห็นเสาเพลิงขนาดใหญ่ พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับมันพยายามแยกสวรรค์พิภพออกจากกัน

 

โชคของเขาเหมือนเสายักษ์ที่มีเปลวเพลิงสีแดงเลือดปกคลุมอยู่ อย่างไรก็ตามส่วนปลายของมันมีเพลิงสีดํากระจัดกระจายอยู่รอบๆ

 

“ข้ามีพลังการต่อสู้ระดับแปด ข้าสามารถแข่งขันกับราชันมังกร ข้ายังมีวิญญาณอมตะ ท่าไม้ตายอมตะ และคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ดังนั้นโชคของข้าจึงแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่

 

เพลิงสีแดงเลือดหมายถึงการเข่นฆ่า เพลิงสีดําหมายถึงสถานการณ์อันตราย เพลิงสีดําทําให้พื้นผิวของเสาได้รับความเสียหาย ปราณสีดําพยายามแทรกซึมเข้าไป นี่หมายถึงภัยคุกคามร้ายแรงจากภายนอก มันต้องเป็นวังสวรรค์

 

“หากวังสวรรค์สามารถซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม ปราณสีดําแห่งความตายจะขยายตัวขึ้นหลายเท่า ในที่สุดมันจะทําลายเสาโชคของเข้า

 

ฟางหยวนเห็นภาพเลือนลางมากมายเคลื่อนไหวอยู่ภายในเสาไม่ว่าจะเป็นดอกบัวสีแดง นกกระเรียนสีขาว สัตว์อสูร หรือกองดิน

 

ฟางหยวนพยายามตรวจสอบพวกมันแต่เขากลับกระอักเลือดอกมา

 

เขาเร่งรักษาอาการบาดเจ็บก่อนจะมองขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง และพบรอยแตกร้าวบนพื้นผิวของหม้อปรุงโชค ขณะที่โชคที่อยู่ภายในค่อยๆรั่วไหลออกมา

 

ฟางหยวนรู้สึกขมขึ้น

 

โชคของเขาแข็งแกร่งเกินไป แม้นจะเป็นหม้อปรุงโชคระดับเจ็ด แต่เขาแทบไม่สามารถมองเห็นโชคของตนเอง

 

หากเขาใช้มันเป็นเวลานาน เขาจะได้รับผลกระทบย้อนกลับขณะที่หม้อปรุงโชคจะได้รับความเสียหายเช่นกัน

 

รอยแตกร้าวบนหม้อปรุงโชคค่อนข้างร้ายแรง หากปล่อยทิ้งไว้ มันจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เขาต้องซ่อมแซมมัน

 

หลังจากตรวจสอบโชคของตนเอง ฟางหยวนรู้สึกทั้งมีความสุขและกังวล

 

เขามีความสุขที่เขาโชคดี แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเขามีรากฐานที่แข็งแกร่งตลอดจนวิธีการบนเส้นทางแห่งโชค

 

ความกังวลของเขาคือภัยคุกคามซ่อนเร้นเริ่มปรากฏขึ้น หากเขาไม่หยุดวังสวรรค์จากการซ่อมแซมวิญญาณ ชะตากรรม สถานการณ์ของเขาจะเลวร้ายมาก

 

โชคเปลวเพลิงประเภทนี้หมายความว่าในช่วงเวลาสั้นๆไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขันกับเขาแต่มันอยู่ได้ไม่นาน หลังจากเสาถูกเผาทําลายโชคของเขาจะเข้าสู่ช่วงเวลาที่อ่อนแอ

 

แต่นั่นเป็นอนาคตข้างหน้า

 

ฟางหยวนอนุมานและมั่นใจว่าโชคของเขาจะอยู่ในระดับนี้อย่างน้อยก็จนกว่าวิญญาณชะตากรรมจะฟื้นตัวขึ้น

 

ฟางหยวนรับภารกิจต่อไปขณะที่นิกายหลางหยา พยายามยกระดับวิญญาณอมตะให้เขาอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ์

 

ภารกิจก่าจัดเพลิงสีดําเริ่มปรากฏขึ้นบนหอคอยเกียรติยศ

 

หลังจากเฉินซานหลบหนีไป เขายังอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง เขาสร้างความเสียหายไปทั่วโดยไม่รู้ตัว

 

ฟางหยวนให้ความสนใจเพลิงสีดําและเริ่มตรวจสอบมัน

 

แต่เขาไม่มีความคืบหน้า

 

เพลิงสีดําดื้อรั้นมาก มันสามารถเปลี่ยนแปลงเมื่อถูกโจมตีและคงอยู่ได้เป็นเวลานาน

เมื่อภารกิจกําจัดเพลิงสีดําปรากฏขึ้น ฟางหยวน เฉินกงเจิ้ง และคนอื่นๆก็เริ่มร่วมงานกันอีกครั้ง

 

“เจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ว่าภารกิจประเภทนี้เริ่มหายากขึ้น?” เฉินกงเจ๋งเปิดปากถามฟางหยวนขณะกําจัดเพลิง สีดํา

 

“บางทีบรรพชนเฉินซานของเจ้าอาจเริ่มได้สติแล้ว ด้วยภารกิจเหล่านี้ เราจะสามารถอนุมานที่อยู่ของเขา” ฟางหยวนวิเคราะห์

 

“ข้าก็หวังเช่นนั้น” เฉินกงเจิ้งแสดงออกด้วยความคาดหวัง

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะระดับแปดผู้หนึ่งบินข้ามท้องฟ้าเข้ามาหาพวกเขา

 

คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากเฉินซาน

 

“บรรพชน! เยี่ยมมาก ในที่สุดท่านก็ฟื้นคืนสติ ข้าเจรจากับฟางหยวนแล้ว ตอนนี้เราทํางานร่วมกัน” เฉินกงเจิ้งดีใจมากและรีบบินเข้าไปหาเฉินซาน

 

เฉินซานบินเข้ามาและพยักหน้าให้ฟางหยวนด้วยใบหน้าซีดขาว จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วกล่าวสิ่งที่น่าตกใจบางอย่าง “สถานการณ์ค่อนข้างล่าบาก ข้ากําลังมีปัญหาใหญ่ ก่อนที่ข้าจะสามารถแก้ไขมัน ข้าต้องผนึกตนเองอีกครั้ง ฟางหยวน เจ้ามีความเชี่ยวชาญด้านค่ายกล ข้าต้องการให้เจ้าสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อผนึกข้า หากจําเป็น”