หลังจากสถานการณ์ในอาณาเขตวิญญาณโลหิตถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว หมิงยู่ก็แจ้งข่าวให้หลิงตู้ฉิงรู้ในทันที
“นายท่าน ผู้อาวุโสมู่ได้ทำการสังหารอสูรและนำร่างของมันมามอบให้กับข้าเรียบร้อยแล้ว” หมิงยู่ยิ้มให้กับหลิงตู้ฉิง “หลังจากที่ข้าดูดซับเลือดของอสูรขอบเขตราชันตนนี้ได้หมดเมื่อไหร่ ข้าแน่ใจว่าระดับการบ่มเพาะของข้าจะต้องเพิ่มขึ้นและสามารถสร้างร่างโลหิตอมตะเพิ่มได้อีกร่างแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “สมแล้วที่เป็นลูกของจางหมิง ไอ้เจ้าหนูหยุนชานผู้นี้ช่างคิดแผนการที่สร้างสรรค์ได้ไม่ต่างจากพ่อของเขาเลยจริง ๆ เอาล่ะ ในอนาคตเจ้าก็จงร่วมมือกับเขาล่อพวกอสูรมาสังหารให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะไม่ว่าจะยังไงพวกอสูรจะต้องมาที่สำนักของเจ้าเรื่อย ๆ แน่นอน”
“ส่วนร่างโลหิตอมตะของเจ้า ต่อให้ระดับการบ่มเพาะของเจ้าจะทะลวงไปถึงขอบเขตราชัน แต่ร่างโลหิตอมตะของเจ้าก็ไม่อาจจะมีความแข็งแกร่งเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันได้หรอก เพราะว่าร่างโลหิตอมตะของเจ้าไม่อาจปลดปล่อยอำนาจของเจตจำนงตนเองได้เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันที่แท้จริงหรือเหมือนกับร่างหลักของเจ้า ดังนั้นมันก็มีผลแค่ทำให้ร่างโลหิตอมตะของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาหน่อยเพราะดับการบ่มเพาะก็เท่านั้น”
หมิงยู่หัวเราะ “ไม่เป็นอะไรเลยนายท่าน ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์ต่อข้า แต่มันจะมีประโยชน์ต่อท่านอย่างแน่นอน!”
ระดับการบ่มเพาะร่างโลหิตอมตะของนางตอนนี้อยู่ในระดับสวรรค์สมบูรณ์ ซึ่งด้วยระดับการบ่มเพาะเพียงเท่านี้ที่นางนำไปเกื้อหนุนให้หลิงตู้ฉิง มันก็ทำให้เขามีพลังในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมากมายแล้ว
แต่ถ้าหากร่างโลหิตอมตะของนางอยู่ในขอบเขตราชันล่ะ? หลิงตู้ฉิงจะไม่กลายเป็นเทพในหมู่มนุษย์เลยหรือยังไง?
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ต่อให้เจ้าจะใช้ระดับการบ่มเพาะขอบเขตราชันในการเกื้อหนุนข้า ผลลัพธ์ของอำนาจที่ข้าจะปลดปล่อยออกมาได้มันก็ไม่แตกต่างอะไรจากตอนนี้นักหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมิงยู่ก็ได้แต่ยิ้มและไม่ได้ถามอะไรกลับ
เนื่องจากนางเพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้หลิงตู้ฉิงมีง้าวเทวะพินาศอยู่ในมือแล้ว หากเขาไม่ใช้เขตแดนประกาศิต เขาก็แทบไม่มีความจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณใด ๆ เลยในการฆ่าศัตรู
ในระหว่างที่หลิงตู้ฉิงและหมิงยู่กำลังคุยกัน อุลบาก็มาขอเข้าพบ
“นี่มันก็ครึ่งปีแล้ว ตอนนี้เจ้าหาหนทางให้ข้าได้รึยัง?” อุลบาถามขึ้น “หากเจ้าไม่รีบหาวิธีการแก้ไขสถานการณ์สายเลือดในร่างกายของข้าได้ทันก่อนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะเปิด ข้าก็คงไม่มีหวังที่จะสามารถเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ และเมื่อข้าเข้าไปไม่ได้ ข้าก็ไม่สามารถทำภารกิจส่งข้อความให้เจ้าได้เหมือนกัน!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและถามว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ผู้อาวุโสของเจ้าสอนให้เจ้าพูดใช่ไหม?”
“อืม…” อุลบายอมรับทันทีด้วยสีหน้าใสซื่อ จากนั้นเขาพูดต่อว่า “พวกเขาบอกให้ข้าพูดว่าข้าคิดคำพูดนี้ด้วยตัวเอง”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ “เฮ้อ สวรรค์นี่ก็ช่างเข้าใจคิดจริง ๆ ที่มอบร่างกายที่แข็งแกร่งเหนือใครให้กับเจ้า แต่กลับลดทอนสมองเจ้าลงเพื่อทำให้ทุกอย่างมันสมดุล เอาล่ะ อันที่จริงตอนนี้ข้าเองก็คิดได้อยู่สองวิธี แต่เจ้าต้องเลือกพวกมันเองว่าจะเอาวิธีไหนเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งทั้งสองทางเลือกนี้สามารถแก้ไขปัญหาได้แน่นอน แต่ว่าผลลัพธ์ของทั้งสองวิธีนี้ที่จะออกมาก็จะแตกต่างกันออกไปอีก”
“วิธีอะไรบ้าง?” อุลบาถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “สายเลือดทั้งสามสายของเจ้าในตอนนี้นั้นขัดแย้งกันอยู่ และต่อให้ข้าจะทำให้พวกมันอยู่ร่วมกันได้ มันก็มีแต่จะทำให้ร่างกายของเจ้าอ่อนแอลงและมีแต่ผลลบ ดังนั้นคำตอบเดียวที่จะแก้ไขปัญหาของเจ้าได้ก็คือการทำให้สายเลือดของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นไปอีกมันถึงจะแก้ไขปัญหาของเจ้าได้อย่างแท้จริง”
“วิธีการแรกของข้าก็คือข้าต้องใช้สายเลือดทรราชสวรรค์ของคนจากสันเขาทรราชมาดูดพลังสายเลือดทั้งสองประเภทของเจ้าให้รวมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะทำให้สายเลือดในร่างกายของเจ้าเหลือเพียงหนึ่งเท่านั้นคือสายเลือดทรราชสวรรค์ หรืออีกวิธีการก็คือการฝืนเพิ่มสายเลือดของเจ้าให้กลายเป็น 5 ประเภท และบ่มเพาะด้วยวิธีการเดียวกับร่างกายเบญจธาตุที่ข้าเองก็บ่มเพาะอยู่เหมือนกัน”
“แต่สำหรับวิธีการที่สองนี้ข้าขอพูดกับเจ้าตามตรงว่า สำหรับร่างกายเบญจธาตุที่ประกอบด้วยธาตุทั้งห้านั้น ข้าแน่ใจว่าพวกมันสามารถอยู่ร่วมกันและเกื้อหนุนกันได้เพราะข้าเองก็ฝึกมันอยู่ แต่สำหรับสายเลือดนั้นยังไม่มีใครเคยลองมาก่อน และข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผลลัพธ์ของมันจะเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าเป็นในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดร่างกายของเจ้าอาจจะระเบิดออกเพราะสายเลือดทั้งห้าที่อยู่รวมกันก็เป็นไปได้ ดังนั้นข้าคงยืนยันได้แค่ว่าวิธีการที่ข้าแน่ใจที่สุดก็คือการใช้สายเลือดทรราชสวรรค์ในการแก้ปัญหาให้กับเจ้า”
หลิงตู้ฉิงมั่นใจแน่นอนสำหรับการนำห้าธาตุมาอยู่รวมกันในร่าง
แต่ถ้าเป็นสำหรับการนำสายเลือด 5 ประเภทมาอยู่รวมกันแล้วเขาไม่แน่ใจเลย เพราะถ้าหากสายเลือดทั้งห้ากลับอยู่รวมกันไม่ได้และตีกันจนวุ่นวาย ในตอนนี้เขาก็ไม่มีวิธีจะแก้ไขปัญหาแบบนั้นเหมือนกัน และนี่ยังไม่รวมไปถึงการหาสายเลือดทั้ง 5 ประเภทมาให้กับอุลบาอีก แต่ถ้าหากอุลบาตกลงที่จะเลือกวิธีการที่สอง เขาก็ไม่ขัดข้องหากจะลองดู ถึงแม้วิธีการที่สองมันจะยุ่งยากและมีความเสี่ยงสูง แต่ถ้าการทดลองนี้มันเสร็จสมบูรณ์ขึ้นมาจริง ๆ เขาก็จะได้รับความรู้ใหม่ที่มีมูลค่ามหาศาล
เมื่อได้ยินทางเลือกทั้งสองนี้ อุลบาก็มองที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้างุนงงไม่รู้ว่าจะตอบอะไร
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เฮ้! เจ้าที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างของอุลบาน่ะ ตอบข้ามาเร็ว ๆ สักที! คำถามแบบนี้ข้าไม่คาดหวังให้ไอ้เจ้าทึ่มนี่ตอบได้หรอก เจ้าเท่านั้นที่เป็นคนตอบได้ มาออกมา ตอบข้าเร็วเข้า!”
ร่างของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันสำนักเงามายาพุ่งออกมาจากร่างของอุลบาในทันทีพร้อมกับหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าคุณชายหลิงจะมองเห็นจิตสำนึกของข้าได้ง่าย ๆ แบบนี้ ต้องขออภัยท่านด้วยจริง ๆ เนื่องจากเพราะความเป็นห่วง ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะแอบตามเข้ามาด้วย”.
“แต่ถ้าหากคุณชายหลิงจะให้ข้าต้องเลือกแล้ว ข้าขอเลือกวิธีการแรกซึ่งเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดให้กับอุลบา แต่น่าเสียดายที่ข้าเองก็ไม่เคยติดต่ออะไรกับสันเขาทรราชเลย ดังนั้นข้าแน่ใจว่าพวกเขาคงไม่ส่งเลือดของพวกเขามาให้กับอุลบาแน่นอน ข้อจำกัดตรงนี้ไม่ทราบว่าคุณชายหลิงพอจะมีทางแก้ให้กับพวกเรารึเปล่า?”
ให้พวกเขาเลือกงั้นเหรอ? แน่นอนว่าถ้าให้พวกเขาเลือก พวกเขาก็ต้องเลือกอันที่มันปลอดภัยกว่าอยู่แล้ว ใครจะโง่ไปเลือกอันที่มันอันตรายกว่ากันล่ะ?
แต่ถ้าพวกเขาเลือกวิธีการแรก พวกเขาก็มีปัญหาเรื่องของเลือดทรราชสวรรค์อีก ซึ่งปัญหานี้พวกเขาก็คงได้แต่หวังพึ่งหลิงตู้ฉิงเพียงอย่างเดียว
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบว่า “ข้าสามารถช่วยพวกเจ้าได้เรื่องเลือดทรราชสวรรค์ แต่ถ้าหากเขาบ่มเพาะสำเร็จได้จริง ๆ เจ้าจะต้องให้เขามารับใช้และสู้เพื่อข้าเป็นเวลา 1,000 ปี หากเจ้าตกลง ข้าก็จะช่วยพวกเจ้า เจ้าจะว่ายังไง?”
“เอ่อ…” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันแสดงสีหน้าลังเลและคิดในใจ
หลังจากรับใช้ 1,000 ปีเสร็จ อุลบาจะมีชีวิตรอดอยู่หรือเปล่า?
หลิงตู้ฉิงพูดต่อ “หากปัญหาสายเลือดของอุลบาไม่ได้รับการแก้ไข ชีวิตของเขาจะอยู่รอดได้ถึง 1,000 ปีรึเปล่าก็เป็นเรื่องไม่แน่นอนเหมือนกัน และถ้าหากเขาเข้าร่วมการคัดเลือกทั้ง ๆ ที่สายเลือดของเขายังมีปัญหาอยู่แบบนี้ เขาก็คงมีโอกาสสักราวหนึ่งในหมื่นเท่านั้นที่จะสามารถผ่านการคัดเลือกไปได้ และถึงแม้ว่าเขาจะเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ โอกาสที่ปัญหาของเขาจะถูกแก้ได้สำเร็จจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มีแค่เพียงหนึ่งในหมื่นอีกเหมือนกัน”
“ไม่ใช่ว่าท่านก็ต้องการให้อุลบาเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันถามขึ้น
“ก็ถ้าหากพวกเจ้าไม่ร่วมมือกับข้า ข้าก็แค่ต้องไปหาคนอื่นให้ช่วยข้าก็เท่านั้น มันไม่ใช่ว่าจะมีแต่พวกเจ้าเท่านั้นที่ต้องการเข้ารับการคัดเลือกนี่นาจริงไหม อ๋อจริงสิ ข้าได้ยินว่ามนุษย์ต้นไม้ที่ชื่อเจียงหวงนั่นก็เข้าร่วมการคัดเลือกเหมือนกัน หากข้าไปสอนเคล็ดวิชาให้นางสักอย่างสองอย่าง นางก็สามารถเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้เหมือนกัน” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
อันที่จริงแล้วหลิงตู้ฉิงเพียงแค่ต้องการหาคนไปส่งข้อความให้กับเขาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เท่านั้น ซึ่งเขาไม่ได้ใส่ใจเลยว่าใครจะเป็นคนไปส่งให้
แต่แน่นอนว่าถ้าหากอุลบาตกลง เขาก็ยินดีที่จะช่วยเหลือและนอกเหนือจากนั้นเขาจะได้รับขุนศึกเพิ่มขึ้นมา 1 คนอีกต่างหาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันก้ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ดูเหมือนว่าข้าคงไม่อาจปฏิเสธเงื่อนไขของคุณชายหลิงได้จริง ๆ”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “เชื่อข้าเถอะ การที่เจ้าตอบตกลงข้าในตอนนี้ พอถึงในอนาคตเมื่อเจ้าย้อนกลับมาคิดอีกครั้ง เจ้าจะรู้สึกว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดที่ในชีวิตเจ้าเคยตัดสินใจลงไปแน่นอน มา! มาลงชื่อในสัญญากฎสวรรค์กับข้าก่อน จากนั้นข้าจะได้เริ่มงานของข้าสักที ปัญหาของไอ้เจ้าทึ่มนี่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 10 กว่าปีเท่านั้นการคัดเลือกก็จะเริ่มขึ้น ยิ่งเจ้าทึ่มนี่สามารถบ่มเพาะได้ไวเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น”
หลังจากอุลบาลงชื่อในสัญญากฎสวรรค์เรียบร้อย หลิงตู้ฉิงก็หันไปพูดกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันว่า “เดี๋ยวเจ้าจะต้องพาลูกสาวของข้ากลับไปที่สำนักของเจ้า เพื่อใช้ประตูเคลื่อนย้ายของสำนักเจ้าเดินทางไปยังอาณาจักรจันทราที่อยู่ในอาณาเขตนภาเพื่อไปเอาเลือดทรราชสวรรค์จากคนของข้าที่อยู่ที่นั่น และจากนั้นก็จงรีบกลับมาที่นี่ให้เร็วที่สุด!”