ตอนที่ 2093

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,093 : ฆ่าเจ้ามันง่ายดายไม่ต่างฆ่าไก่!

 

“แล้วยังไง?”

 

ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน กระทั่งเห็นสีหน้าอึมครึมของต้วนหลิงเทียน คนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสองพลันหันไปมองหน้าสบตากันทันที ก่อนที่ต่างจะเห็นถึงความตกตะลึงเหลือเชื่อในแววตาอีกฝ่าย…

 

ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญหาญกล้าหยิ่งผยองต่อหน้าพวกมัน?

 

“ไอ้หนู เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอยู่กับผู้ใด?”

 

คนของพันธมิตรขวานปฐพีที่กล่าวถามต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ว่าเขาใช่มานครแห่งบาปครั้งแรกหรือไม่ เมื่อเห็นทีท่าหยิ่งผยองของต้วนหลิงเทียน หน้ามันก็จมลงเผยความขัดใจ กล่าวถามออกมาเสียงหนัก

 

“ข้าไม่รู้จักเจ้า แล้วข้าจะไปรู้หรือว่าข้ากำลังพูดกับใคร?”

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อยมองคนที่กล่าวถามด้วยสายตาระอา ทำราวกับจะประกาศบอกว่าเขากำลังมองตัวโง่งมอยู่

 

ได้ยินวาจาทั้งเห็นแววตาที่ต้วนหลิงเทียนมองมาทำราวกับมันเป็นตัวโง่งม คนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสองถึงกับอึ้งไปอีกครั้ง

 

ครู่ต่อมาพันธมิตรขวานปฐพีคนหนึ่งก็คืนสติ กล่าวออกด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น “ดูเหมือนว่าไอ้หนูนี่จะเป็นหน้าใหม่ที่ไม่เคยเข้านครแห่งบาปจริงๆ ถึงกับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชุดที่พวกเราใส่หมายความว่าอะไร”

 

“ข้าไม่ใช่ใครที่ไหน เพียงแค่คนที่คอยต้อนรับขับสู้หน้าใหม่ที่มาเยือนนครแห่งบาปครั้งแรกอย่างเจ้า!”

 

เมื่อคนของพันธมิตรขวานปฐพีกล่าวขึ้นมา อีกคนที่ยังอึ้งก็ดึงสติกลับมาได้สำเร็จ มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งสายตาฉายความสนุกสนาน กล่าวออกกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ มุมปากฉีกยิ้มแสยะ

 

“ไอ้หนู!”

 

หลังจากนั้นแววตาล้อเล่นของมันกก็เปลี่ยนเป็นเผยประกายเยียบเย็น ทำให้ผู้คนรู้สึกเสมือนตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง “ตอนนี้เห็นแก่สวรรค์ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง…ส่งแหวนพื้นที่ของเจ้ามาเสีย!”

 

“แถมจะว่าไปสายตาของเจ้านับว่าทำให้ข้าขัดใจยิ่ง แต่ข้าเองก็เป็นคนใจดีคนหนึ่ง ประเดี๋ยวจะช่วยควักลูกตาทั้งสองของเจ้าให้แล้วกัน…ถือว่าเป็นการช่วยเหลือเจ้ามิให้ต้องไปตายตกเพราะสายตาขวางหูขวางตาผู้อื่น!”

 

หลังพันธมิตรขวานปฐพีคนหนึ่งกล่าวขู่เอาแหวน อีกคนก็กล่าวออกมาว่าจะทำลายลูกตาต้วนหลิงเทียนสีหน้าท่าทางของมันยังทำประหนึ่งได้กอบกุมชีวิตต้วนหลิงเทียนเอาไว้ในกำมือ!

 

และที่มันคิดแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้เหตุผล

 

เพราะสุดท้ายมันก็ได้ตรวจสอบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนด้วยสำนึกเทวะของมันแล้ว มันพบว่าต้วนหลิงเทียนเป็นแค่เซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญเท่านั้น

 

ตัวตนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญ ย่อมไม่อาจนับเป็นตัวอะไรในสายตาของมันได้!

 

“เฮ่ๆๆ ไอ้หนูฟังข้าเถอะ…ข้าขอแนะนำให้เจ้าร่วมมือแต่โดยดีเสียจักดีกว่า”

 

คนของพันธมิตรขวานปฐพีคนก่อนหน้า มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าสนุกสนานอีกครั้งสายตาท่าทางหยอกล้อนั่น ทำราวกับไม่เห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ในสายตาของมันแม้แต่น้อย “ถึงพลังฝึกปรือเจ้าจะพึ่งมีแค่เซียนปฐพีชั้นเชี่ยวชาญ แต่เจ้าก็คงลำบากลำบนบ่มเพาะมาไม่น้อยใช่หรือไม่?”

 

“เช่นนั้นแทนที่จะไปตายอย่างโง่งม เพียงตาบอดเสียก็ไม่ดีกว่าหรือ? แถมหากเจ้าตายจะแหวนพื้นที่อันใดก็พกติดตัวไปไม่ได้ เช่นนั้นมิสู้มอบให้พวกเราเสียเล่า?”

 

วาจาประโยคหลังนี้ฟังคล้ายพันธมิตรขวานปฐพีคนดังกล่าว จะชี้แนะต้วนหลิงเทียน หากแต่ทั้งหมดล้วนเป็นการย้ำเตือนต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น

 

ว่าอาศัยพลังฝีมืออ่อนด้อยของเจ้าไม่พอจะขัดขืดพวกเรา! ส่งของมาแต่โดยดีเสีย!!

 

“ให้ข้าส่งแหวน…อีกทั้งพวกเจ้ายังจะทำลายตาข้า?”

 

ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลง กล่าวออกด้วยรอยยิ้มบางๆ “โทษทีแต่เกรงว่าข้าคงไม่อาจทำแบบนั้นได้…แถมพอดีข้าก็ไม่ชอบเจ็บตัวอีกด้วย”

 

ตั้งแต่ต้นจนจบ แม้เผชิญหน้ากับการข่มขู่ของพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสอง ทว่าสีหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงเฉยเมย ราวกับไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร

 

และสีหน้าสงบไม่อนาทรร้อนใจดังกล่าว ก็ทำให้พันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 2 ชะงักไปทันที!

 

กระทั่งโดนพวกมันทั้งคู่ข่มขู่แบบนี้ แต่ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้ายังสามารถใจเย็นอยู่ได้…

 

เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงสองประการเท่านั้น

 

ประการแรก ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้ามีความเป็นมาสูงส่ง และไม่หวาดกลัวพวกมันแม้แต่น้อย

 

ประการที่สอง ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าเพียงเสแสร้งแสดงลึกลับวางมาดไปก็เท่านั้น!

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จังหวะนี้สองตาของพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสองอดไม่ได้ที่ฉายความหวาดกลัวต่อ ‘ภูมิหลังต้วนหลิงเทียน’ ออกมาให้เห็น

 

“หากพวกเจ้าอยากได้แหวนพื้นที่ รวมถึงอยากจะควักลูกตาข้านัก ก็เข้ามาลงมือด้วยตัวเองเถอะ…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ

 

หลังจากกล่าวจบคำ เขาก็เหลือบมองพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสองที่แววตาฉายความหวาดกลัวออกมาด้วยรอยยิ้มแสยะ “หากพวกเจ้าทั้งคู่ไม่กล้า เช่นนั้นก็รีบไสหัวไปเสีย…สุนัขดีไม่ขวางทางคน!”

 

และวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกกมาประโยคท้าย ก็คล้ายจะจุดชนวนโทสะที่ระงับไว้ของพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสองเข้าอย่างจัง

 

“ไอ้หนู เจ้าคิดจริงๆหรือว่าพวกเราจะมองไม่ออกว่าเจ้าเพียงวางท่าลึกลับ!?”

 

“ไอ้หนู อาศัยพลังฝึกปรือเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญของเจ้า หาญกล้าโอหังต่อหน้าพวกเรา?!”

 

ทันใดนั้นพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 2 ก็มีโทสะนัก

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ตอนนี้พวกมันเป็นถึงสมาชิกพันธมิตรขวานปฐพีเลย แต่ก่อนตอนที่พวกมันเป็นแค่ผู้ฝึกตนพเนจรไหนเลยจะเคยโดนเด็กน้อยขอบเขตเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญหยามหน้า!

 

ตอนนี้ด้วยมีพันะมิตรขวาญปฐพีหนุนหลัง แล้วพวกมันยังต้องกัวอะไร?

 

ชายหนุ่มเบื้องหน้าถึงแม้จะมีภูมิหลังความเป็นมาไม่ธรรมดาอยู่บ้าง แต่ภูมิหลังของอีกฝ่ายจะเหนือกว่าพันธมิตรขวานปฐพีของพวกมันแน่หรือ?

 

ถึงแม้จะเหนือกว่าพันธมิตรขวานปฐพีของพวกมันจริงแล้วอย่างไร? สุดท้ายก็ไม่ใช่ขุมพลังด้านนอกนครแห่งบาปหรือไร! ต่อให้เหนือกว่าพันธมิตรขวานปฐพีของพวกมันแต่ยังจะกล้าบุกเขามาหาความถึงในนครแห่งบาปจริงๆ?!

 

เพราะสุดท้ายแล้วพันธมิตรขวานปฐพีของพวกกมัน ก็มีกองกำลังผู้ฝึกตนกลุ่มอื่นที่ทรงพลังเป็นพันธมิตรเช่นกัน!

 

ในนครแห่งบาป กองกำลังทั้งหลายล้วนพยายามหากองกำลังที่ทรงพลังเข้มแข็งเป็นผู้หนุนหลังทั้งสิ้น

 

แน่นอนว่าเพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง ก็จำต้องจ่ายค่าคุ้มครองสมราคา!

 

พอคิดถึงจุดนี้คนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสอง ก็สลัดความหวาดกลัว กลับมาเอวยืดหลังตรงอีกครั้ง ไม่หวั่นหวาดต่อขุมพลังเบื้องหลังต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป!

 

และต่อให้ภูมิหลังต้วนหลิงเทียนจะเลิศล้ำแล้วยังไง ไม่ใช่ตอนนี้อีกฝ่ายอยู่ที่นี่คนเดียวหรือ?

 

ต้องทราบด้วยว่ากระทั่งคนที่เคยมานครแห่งบาปแล้ว ยังไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียวด้วยซ้ำ!

 

มีเพียงผู้ที่มาเยือนนครแห่งบาปครั้งแรกเท่านั้นที่จะหาญกล้ามาคนเดียว และประพฤติตัวดั่ง ‘ลูกวัวไม่กลัวเสือ’ เช่นนี้!

 

“ไอ้หนูในเมื่อเจ้ามันรนหาที่ตายนัก เช่นนั้นพวกเราจักสงเคราะห์ให้เจ้า!!”

 

ทันใดนั้นเองคนของพันธมิตรขวานปฐพีที่เริ่มถามต้วนหลิงเทียนคนแรก ก็เป็นผู้ลงมือก่อน มันตะคอกคำเสียงเย็นคราหนึ่ง ควงดาบที่เริ่มเปล่งประกายเรืองรอง ถีบฟ้ากระโจนเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รีบไม่ร้อน!

 

วู้มมม!

 

ยิ่งมาแสงดาบยิ่งทอประกายเจิดจ้า มองไปปานแสงดาวตกส่องฟ้ายามราตรี!

 

วู้มมม!!

 

สมาชิกพันธมิตรขวานปฐพีอีกคนก็ไม่ได้อยู่เฉย มันยกกระบี่ที่เรืองรองส่องสวางปานแสงจันทร์ขึ้นมา ก่อนจี้จะโจนร่างเสือกกระบี่จี้แทงออกไปทางต้วนหลิงเทียน!

 

“หึ”

 

เผชิญหน้ากับการลงมือของสองพันธมิตรขวานปฐพี ต้วนหลิงเทียนแค่นเสียงเย้ยเยาะคราหนึ่ง สองตาหยีลงพลังเซียนสุริยันที่โคจรตระเตรียมไว้แต่แรกพลันปะทุออกมาทันใด

 

เมื่อพลังเซียนสุริยันปะทุออก พวกมันก็กลับกลายเป็นวังวนพลังดูดรั้งขุมหนึ่งยึดร่างต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลางดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบเข้าร่างต้วนหลิงเทียนทันที ปฐมเวทย์กลืนกิน!

 

ครู่ต่อมาในมือต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏกระบี่เล่มหนึ่งวูบโผล่จากอากกาศว่างเปล่าเข้ามือ

 

กระบี่เล่มนี้เป็นสินสงครามที่เขาเก็บมา หลังสังหาร‘หยางหวู่’ บุตรชายคนรองของอาวุโส 5 วังอุดรไพศาลหยางชง!

 

กระบี่ร้อยอาคมเซียน!

 

เหตุผลที่เขาไม่ใช้กระบี่นิลสวรรค์เพราะต้วนหลิงเทียนรู้สึกกว่า พันธมิตรขวานปฐพีทั้งสองไม่คู่ควร!

 

เมื่อครู่เขาได้ถามพลังฝึกปรือของทั้งสองคนจากผู้เฒ่าหั่วเรียบร้อยแล้ว

 

“ล้วนเป็นเซียนนภาขั้นสูงสุดทั้งคู่”

 

และนี่คือสิ่งที่ผู้เฒ่าหั่วตอบเขา ทั้งคู่มีพลังฝึกปรือแค่เซียนนภาขั้นสูงสุดเท่านั้น

 

ต้องทราบด้วยว่าอาศัยพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ เขาสามารถสังหารยอดผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนได้โดยไม่ต้องใช้กระบี่นิลสวรรค์ด้วยซ้ำ!

 

อาศัยผู้ฝึกตนที่ยังไม่แม้แต่จะทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ ยังคู่ควรให้เขาใช้กระบี่นิลสวรรค์อีกหรือ?

 

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

 

 

ทันใดนั้นปรากฏเสียงกระบี่ควบแน่นดังขึ้นในอากาศระงม เป็นต้วนหลิงเทียนเร่งเร้าพลังเซียนสุริยันอีกขุมควบรวมก่อสร้างเขตแดนหมื่นกระบี่!เพื่อปกคลุมเขากับพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสองเอาไว้ เป็นการปกปิดสายตาคนอื่น!

 

จริงอยู่

 

จากที่ผู้เฒ่าหั่วบอก มีคนที่คอยดูอยู่เขาแค่ไม่กี่คนเท่านั้นและพลังฝีมือก็อ่อนด้อยไม่สูงส่งอะไร

 

ทว่าเพื่อความปลอดภัย ต้วนหลิงเทียนจึงเลือกใช้เขตแดนหมื่นกระบี่ฉาบคลุมไว้อีกชั้น

 

“เขตแดน?”

 

เห็นต้วนหลิงเทียนควบรวมพลังสร้างเขตแดนขึ้นมาแบบนี้ พันธมิตรขวานปฐพีทั้งสองคนต่างระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที!

 

ระดับพวกมัน เขตแดนยังจะส่งผลอะไรอีก?

 

เป็นเพราะความสนใจของพวกมันถูกเขตแดนดึงดูดไป พวกมันจึงไม่ทันตระหนักเลยว่า

 

พลังเซียนสุริยันในร่างต้วนหลิงเทียน มันแตกต่างจากพลังเซียนของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญคนอื่นมากมาย

 

อีกทั้งพวกมันยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ!

 

ว่าพลังเซียนสุริยันในร่างต้วนหลิงเทียนตอนนี้ยังเพิ่มพูนเปลี่ยนแปลงไปในฉับพลัน!

 

พลังฝึกปรือของเขาในปัจจุบันมันอยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีชั้นเชี่ยวชาญก็จริง แต่พลังอำนาจมันทัดเทียมกับเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญ

 

นี่คือคุณสมบัติพิเศษของพลังเซียนสุริยัน

 

และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน ยิ่งทำให้พลังเซียนสุริยันของเขาเพิ่มพูนขึ้นไปจนเทียบได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์!

 

“เซียนอมตะข้ามภพ!”

 

พร้อมกันกับที่เขตแดนหมื่นกระบี่ก่อเกิด ต้วนหลิงเทียนก็ใช้เวทย์พลังอีกชนิด สร้างร่างแยกออกมา 3ร่าง!

 

ด้วยเวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพ ตอนนี้มีร่างต้วนหลิงเทียนปรากฏขึ้นมาทั้งสิ้น 4 ร่างต่อหน้าต่อตาพันธมิตรขวานปฐพี

 

“เวทย์พลังอันประเสริฐ…อนิจจาอาศัยพลังฝึกปรืออ่อนด้อยของเจ้า พวกเราคิดฆ่าเจ้ายังง่ายดายเหมือนฆ่าไก่!”

 

เห็นร่างแยกต้วนหลิงเทียนปรากฏขึ้นมา 3 ร่าง พันธมิตรขวานปฐพีระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที ขณะเดียวกันมันก็รวมรั้งพลังเซียนไปที่ขาค่อยปะทุออกอีกครา เร่งความเร็วในการโจนทะยานขึ้นไปอีกขั้น หมายพุ่งให้บรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียนเร็วไว!

 

แน่นอนว่าแม้ต้วนหลิงเทียนจะสร้างร่างแยกขึ้นมามันก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไรเลย

 

ต่อให้เป็นเซียนปฐพีขั้นสูงสุด แม้จะเชี่ยวชาญเวทย์พลังสายจู่โจมระดับสูง แต่ก็ไม่อาจสร้างคลื่นลมใดๆต่อหน้ามันได้

 

เพราะมันคือเซียนนภาขั้นสูงสุด!

 

อีกคนก็คิดไปคล้ายๆกัน

 

หากทว่าในขณะที่พวกมันแสยะยิ้มคล้ายกำลังจะกล่าวคำใดออกนั้น

 

ทว่ามันก็จำต้องตื่นตระหนกตกใจกับฉากเรื่องราว สองตาหดเล็กลงด้วยความตื่นตระหนก ไม่นานความสิ้นหวังก็ฉายชัดออกมาบนใบหน้า

 

มันเห็นอะไรอยู่!?