บทที่ 964 บรรลุขั้นถึงระดับเจ็ดล้มเหลว

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 964 บรรลุขั้นถึงระดับเจ็ดล้มเหลว
“ขออภัย มืดเกินไป ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย เหยียบไม่โดน จับไม่โดนด้วย”

นางไม่พูดยังดี

เมื่อพูดออกมา แทนที่อยากปกปิดซ่อนเร้น กลับกลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้?

กู้ชูหน่วนอยากแอบชิ่งหนีไป แต่ก็กลัวว่าต่อไปจะกลับมาคิดบัญชีนางเหมือนอย่างชายสวมหน้ากาก

ยังไงเขาก็สวมหน้ากากผีเสื้อ ยุคนี้ผู้ชายที่สวมหน้ากากล้วนไม่ใช่คนดีอะไร

จึงฉีกชายเสื้อออกเพื่อปกปิดใบหน้าของตน เผยให้เห็นเพียงดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย

นางหันกลับมา อยากที่จะถอดหน้ากากผู้ชายที่นอนอยู่บนพื้นอย่างขยับไม่ได้

เมื่อนางลองแล้วหลายครั้ง ก็ไม่สามารถที่จะถอดออกมาได้

ไม่รู้ว่าหน้ากากของเขาทำมาจากวัสดุอะไร

ภายใต้แสงจันทร์

นางมองเห็นผู้ชายตรงหน้าสวมชุดสีขาว ภูมิฐานสง่างาม ล่ำสันคงกระพัน ลักษณะแตกต่างจากคนอื่น รูปร่างดีอย่างไม่ต้องพูดถึง

เพียงแต่แววตาของเขาเย็นชามาก ไม่เข้ากับลักษณะบนตัวของเขาเลย

กู้ชูหน่วนพูดขึ้นว่า “คือ….คืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าเพียงแค่ฝันไป ข้าไปก่อนล่ะ เจ้าชมจันทร์ต่อไป”

นางก้าวเท้าคิดอยากที่จะชิ่งหนีไป

กลับถูกคว้าจับเท้าไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว กู้ชูหน่วนสะบัดยังไงก็ไม่หลุด

มือคู่นั้นคว้าจับไว้แน่นมาก ราวกับผนังทองแดง

“ลูบก็ลูบแล้ว เหยียบก็เหยียบแล้ว ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจ เจ้าจับข้าไว้ก็ไม่มีประโยชน์”

“พัฟ…..”

ในขณะที่กู้ชูหน่วนคิดอยากที่จะใช้กำลังทั้งหมดที่มีแตะสลัดเขา จู่ๆชายสวมชุดดำคนนั้นก็กระอักออกมาเป็นเลือด พร้อมกับสลบไป

แต่มือข้างนั้นยังคงคว้าจับนางไว้แน่น ไม่มีวี่แววที่จะปล่อยนางเลย

ถึงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ยังไงก็ได้ล่วงเกินคนอื่น ที่นี่ยังเป็นป่ารกร้าง กู้ชูหน่วนใจอ่อน ประคองเขาขึ้นมา ตรวจดูชีพจรของเขา

ชีพจรของเขาเดี๋ยวอ่อนเดี๋ยวแกร่ง ตอนที่แข็งแกร่งพลังมหาศาลเกือบที่จะกลืนกินเขา

ตอนที่อ่อนหัวใจแทบหยุดเต้นไปแล้ว

กระทั่งในร่างกายของเขายังมีบาดแผลเก่า

บาดแผลเก่าสาหัสมาก ต่อให้เขาได้รับการรักษาแล้ว ก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ยังคงกำเริบเป็นครั้งคราว

“เจ้าถือว่าโชคดี ที่มาเจอข้า ไม่อย่างนั้นคืนนี้เจ้าไม่มีชีวิตรอดแน่”

“ล่วงเกินแล้วนะ อยากรักษาชีวิตของเจ้าไว้ ก็ต้องปลดเสื้อผ้าของเจ้าทั้งหมดออก แล้วก็ใช้เข็มเงินช่วยเจ้าเอาพลังลมปราณที่แข็งแกร่งออกมา”

กลางดึกเที่ยงคืน

ในป่าเขารกร้างเปล่าเปลี่ยว

กู้ชูหน่วนถอดเสื้อผ้าของเขาทีละชิ้น อาศัยความทรงจำในหัวสมองใช้เข็มเงินปล่อยลมปราณที่พุ่งกระจัดกระจายออกมา

เมื่อลงมือช่วย ก็ใช้เวลาทั้งคืน

กู้ชูหน่วนเหนื่อยอย่างมาก ฟุบนอนบนร่างกายของเขา

วันรุ่งขึ้น รุ่งอรุณค่อยๆ ขึ้นมา

กู้ชูหน่วนพลิกตัว หาท่านอนที่สบายหน่อย มือกลับไปจับถูกอะไรนุ่มๆ

สิ่งที่นุ่มสิ่งนั้นยังอุ่นร้อนด้วย

นางขมวดคิ้ว

ไม่เข้าใจว่าผ้าห่มกลายเป็นรูปทรงกระบอกได้อย่างไร

นางลูบแล้วก็ลูบอีก พร้อมลืมตาอย่างงัวเงีย

สิ่งที่ตราตรึงตรงหน้า คือสายตาเยือกเย็นของชายหน้ากากผีเสื้อที่ก็เพิ่งลืมตา ถลึงจ้องมองดูนาง

กู้ชูหน่วนสะดุ้ง ความง่วงหายไปแล้วกว่าครึ่ง

“เจ้าตื่นแล้วหรือ”

ความเยือกเย็นบนตัวเวินเส้าหยี สะบัดพุ่งออกไป

หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ กู้ชูหน่วนคงถูกฆ่าตายไปหลายครั้งแล้ว

“ข้าช่วยชีวิตเจ้า เจ้าอย่าเนรคุณ”

“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย เอามือชั่วของเจ้าออกไป”

กู้ชูหน่วนนิ่งอึ้ง

หันไปมอง

นางแทบอยากเป็นลมตาย

ทำไมถึงได้จับตรงนั้นอีกแล้ว?

เหี้ย

ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ทั้งตัวชายหน้ากากผีเสื้อ เปลือยไปหมด นางนอนกอดคนอื่นไว้ ยังเอาฝ่ามือวางบนตัวเขา

ท่านอนนี้ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่จริงๆ

เวินเส้าหยียิ่งโกรธโมโหขึ้นมา

หากไม่ใช่เพราะเขาบรรลุขั้นไปถึงระดับเจ็ดล้มเหลว ทั้งร่างกายขยับไม่ได้ จะยอมให้นางมีชีวิตถึงตอนนี้หรือ