ราชันเร้นลับ 924 : ปัจจัยสำคัญก่อนลงมือเสี่ยง

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

เข้าไม่ได้… เจ็ดแสงพิสุทธิ์เองก็ไม่สามารถเข้าไปได้เนื่องจากติดสาเหตุบางประการ… เป็นข้อจำกัดของเมืองกัลเดรอนเกี่ยวกับสิ่งชีวิตระดับสูงของโลกวิญญาณ? แต่มิสผู้ส่งสารรู้ได้ยังไงว่ามีข้อจำกัดดังกล่าว? เธอเคยทดสอบมาแล้ว? ถ้าเป็นแบบนั้น เราไม่จำเป็นต้องถาม ‘แสงแดง’ กับ ‘กระจกวิเศษ’ ก็ได้… หรือเป็นสิ่งที่สัมผัสวิญญาณบอกมา? หลังจากความคิดมากมายแล่นผ่านสมอง ไคลน์ถอนหายใจออกอย่างเงียบงัน

ทันใดนั้น มันหยิบเหรียญทองส่งให้ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูล”

หลังจากไรเน็ตต์งับเหรียญทองด้วยหนึ่งในสี่หัวและหายตัวไป ไคลน์กลับมาครุ่นคิดอีกครั้ง พิจารณาว่าตนยังเหลือตัวช่วยใดที่เหมาะสมอีกบ้าง

“มิสเตอร์อะซิกหลับยาว… ไม่รู้ว่าจะตื่นตอนไหน คงรอนานขนาดนั้นไม่ได้… วิล·อัสตินกำลังจะคลอด แต่เขาก็ยังเด็กมากอยู่ดี สภาพร่างกายไม่พร้อมแน่นอน ต่อให้ใช้วิธีฟื้นฟูความแข็งแกร่งชั่วคราวที่มาดามเฮอร์มิทเคยเสนอก็ตาม… นอกจากนั้น วิธีดังกล่าวคงสิ้นเปลืองเกินกว่าจะใช้กับเรื่องเล็กน้อยของเรา… อีกทั้ง ทันทีที่เขาออกจากเบ็คลันด์หรือกลับไปอยู่ในระดับตัวตนเดิม มีโอกาสสูงที่จะถูก ‘เทวทูตโชคชะตา’ โอโรเลอุสล็อกตำแหน่ง…

อาศัยเส้นสายผ่านอสรพิษปรอท ขอความช่วยเหลือจากเหล่าครึ่งเทพแห่งโรงเรียนชีวิต เช่น สมาชิกสภาริคคาร์ด? ฟังดูเป็นไปได้ยาก โรงเรียนชีวิตกำลังเกิดการแบ่งแยกจากภายในอย่างรุนแรง สภาแห่งชะตามีงานยุ่งมากเกินกว่าช่วยเรา แถมยังต้องคอยตระเวนไปทั่วโลกพร้อมกับแผ่กลิ่นอายของ ‘ลูกเต๋าความน่าจะเป็น’ เพื่อล่อลวง ‘เทวทูตโชคชะตา’ …

‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดต… เรายังไม่รู้จักเธอดีพอ แถมเธอยังเข้าใจว่ามีเทวทูตและครึ่งเทพมากมายอยู่ภายใต้อาณัติของเดอะฟูล… เกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่เป็นข้ารับใช้ย่อมหยิบยืมความช่วยเหลือได้ง่ายๆ … แม้เราจะอ้างว่าเป็นความร่วมมือที่ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน แต่ก็มิสิทธิ์ที่ความลับจะถูกเปิดเผย… เฮ่อ… จากภายนอก อาจดูเหมือนมีเทวทูตและครึ่งเทพมากมายอยู่ภายใต้อาณัติของเดอะฟูล แต่ความเป็นจริงคือ เดอะฟูลแอบไปถ่ายรูปข้างๆ เทวทูตและครึ่งเทพเหล่านั้น…

เจ้าเมืองเมืองเงินพิสุทธิ์? เราสามารถใช้เงื่อนไขนี้เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือในอนาคต แต่ปัญหาคือ อีกฝ่ายไม่สามารถออกจากดินแดนเทพทอดทิ้ง เราควรเก็บโอกาสไว้ใช้กับมารพิสดารมากกว่า…

เบื้องบนของผีดูดเลือด? เหตุผลไม่เพียงพอที่จะขอร้องพวกมัน… แถมยังมีโอกาสที่เราเผยความลับต่อหน้าลิลิธ ไม่มีใครทราบว่าเทพธิดาบรรพกาลที่ยังไม่ร่วงหล่นตนนี้มีเนื้อแท้เป็นอย่างไร หากหล่อนเป็นดวงจันทร์บรรพกาลที่ปลอมตัวมา เราก็เลิกคิดเรื่องการคืนชีพไปได้เลย”

ไคลน์นึกทบทวนความเหมาะสมไปทีละคน จนในที่สุด มันอดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจ

ในยามที่เดือดร้อน เพื่อนมักมีน้อยเกินไปเสมอ!

มันอดไม่ได้ที่จะคิดถึงการประกอบพิธีกรรมและสวดวิงวอนถึงรัตติกาล ร้องขอความโปรดปรานและความเห็นใจจากเทพธิดา แจ้งความจำนงว่าตนต้องการร่างวิญญาณที่แท้จริงและผงละอองจากหัวขโมยโลกวิญญาณ หรือไม่ก็ส่งอาร์ชบิชอป อาวุโสใหญ่ หรือผู้บำเพ็ญเร้นลับมาช่วยสักคน

น่าเสียดาย เรื่องดังกล่าวทำได้เพียงคิดในใจ ไม่สามารถนำไปปฏิบัติจริงได้ แม้ไคลน์จะค่อนข้างยอมรับในตัวเทพธิดารัตติกาล และไม่รังเกียจที่จะเป็นข้ารับใช้ของอีกฝ่าย แต่มันก็ยังไม่ลดความหวาดระแวง ไม่อยากเอาแต่พึ่งพาของขวัญจากเทพในทุกเรื่อง โดยเหนือสิ่งอื่นใด ไคลน์ยังคลางแคลงว่าพิธีกรรมในทำนองนี้อาจไม่มีการตอบสนอง เพราะลำดับและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของมัน ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเรียกร้องสิ่งใดจากลำดับ 0 หากเทพตนดังกล่าวปรารถนาจะให้ ท่านก็คงมอบให้เองตามธรรมชาติ แต่ถ้าท่านไม่ให้ สวดวิงวอนให้ตายก็เปล่าประโยชน์

ถ้าเราหน้าบางเหมือนลุงนีลล์ บางทีอาจลองเสี่ยงดู เพราะเทพธิดาเคยตอบสนองพิธีกรรมขอเงินชำระหนี้ที่แทบไม่มีสาระสำคัญ รวมถึงยังช่วยรักษาอาการท้องผูก… เธอเป็นเทพที่ค่อนข้างเอาใจใส่สาวก แต่แน่นอน การทำแบบนี้ย่อมมาพร้อมกับ ‘ผลข้างเคียง’ บางอย่าง… ไคลน์หวนนึกถึงอดีต ใบหน้าแฝงความขื่นขมเล็กน้อย

มันตัดสินใจเปลี่ยนแนวคิด ในเมื่อหาพวกพ้องช่วยเหลือไม่ได้ ก็คงต้องลองพิจารณาจากศัตรู

อา… บางที เราควรนำไพ่จักรพรรดิมืด ไพ่ทรราช และเครื่องรับโทรเลขติดตัวไปด้วย จากนั้นก็รออยู่หน้าทางเข้ารอบนอกของเมืองกัลเดรอน ถ้าหาก ‘ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร’ นาสต์ หรือบุคคลระดับสูงของโบสถ์วายุสลาตัน หรือเซียอา ผู้นำแห่งโรงเรียนกุหลาบ หรือเทวทูตครึ่งเทพตนใดตนหนึ่งมาถึง เราก็จะรีบหนีเข้าสู่ ‘เมืองแห่งความตาย’ ทันที…

ไม่น่าจะได้ผล… แบบนี้มันโจ่งแจ้งเกินไป ‘ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร’ นาสต์และเบื้องบนของโบสถ์วายุสลาตันไม่น่าจะหลงกลตามเราเข้ามาในกัลเดรอน แต่น่าจะคอยดักเฝ้าประตูอยู่ด้านนอกและรอให้เราออกไปแทน

จริงอยู่ ‘เทพหายนะ’ เซียอาอาจไล่ตามเราเข้ามาโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่อีกฝ่ายเป็นถึงเทวทูต ลำพังเขตรอบนอกของเมืองกัลเดรอนไม่น่าจะสร้างอันตรายได้ กลายเป็นเราเสียเองที่รนหาความตาย…

ไคลน์ครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดก็ล้มเลิกแผนการกอบโกยท่ามกลางความโกลาหล เนื่องจากประเมินว่าตนคงไม่สามารถจำลองเหตุการณ์ความวุ่นวายบนภูเขาด้านนอกบายัมขึ้นมาได้ใหม่ ยิ่งห่างไกลจากความเป็นผู้วิเศษลำดับสูงมากเท่าไร เรื่องดังกล่าวก็ยิ่งประสบความสำเร็จได้ยากเท่านั้น

คนที่มักเดินบนขอบเหวเสมอ ในไม่ช้าก็ร่วงหล่นลงไป!

ยังเหลือใครที่พอจะช่วยเราได้อีก? ไคลน์เหลือบไปทางหุ่นเชิดสองตัวด้านข้าง รายชื่อพวกพ้องคนแล้วคนเล่าแล่นเข้ามาในสมอง รวมไปถึงชาวชุมนุมทาโรต์

ทันใดนั้น มันฉุกคิดถึงบางสิ่ง

มิสชารอนเคยบอกว่า มัมมี่ตูตันส์ที่สองเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมเลื่อนลำดับของเธอ เป็นสิ่งที่มีความหมายต่อเธอมาก กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอกำลังจะกลายเป็นครึ่งเทพ ลำดับ 4 ‘หุ่นกระบอก’ แห่งเส้นทาง ‘มนุษย์กลายพันธุ์’

ถ้าเธอเลื่อนลำดับสำเร็จ ทางนี้สามารถขอความช่วยเหลือจากเธอได้ พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน…

ต้องขอบคุณตัวเองที่เลือกจะช่วยเธอวันนั้น ไม่อย่างนั้นวันนี้คงหมดหวังไปแล้ว…

ไคลน์ถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน นำเศษกระดาษและปากกาหมึกซึมออกมาถือ ใช้แผ่นหลังของหุ่นเชิดเอ็นโซเป็นที่วางกระดาษ

“ไม่ได้เจอกันนาน พักนี้เป็นยังไงบ้าง…”

ไคลน์ลงมือขีดเขียน ก่อนที่จู่ๆ จะชะงักกลางคัน เนื่องจากรู้สึกอึดอัดกับความอ้อมค้อมและไม่จริงใจในเนื้อหา

มิสชารอนเป็นคนสงวนท่าที เก็บงำอารมณ์ ทุกครั้งที่เธอเขียนจดหมาย หัวเรื่องจะถูกระบุอย่างชัดเจน ไม่มีคำเวิ่นเว้อ เราต้องคำนึงถึงอุปนิสัยของเธอและจริงใจกว่านี้… ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก ก่อนจะหยิบเศษกระดาษแผ่นเดิมขึ้นมาสะบัดและเผาทิ้งด้วยเปลวไฟสีแดงเข้ม

ครุ่นคิดสองสามวินาที ไคลน์เขียนลงบนกระดาษแผ่นใหม่

“ตอนนี้ผมทราบพิกัดทางวิญญาณของเมืองกัลเดรอนแล้ว หากปัจจุบันคุณคือครึ่งเทพ ผมต้องการความช่วยเหลือ แต่ถ้ายัง ให้ถือเสียว่าผมไม่ได้พูด ยังมีสหายคนอื่นให้ผมหยิบยืมความช่วยเหลือได้”

“เชอร์ล็อก·โมเรียตี้”

พับกระดาษจดหมายเสร็จ หลังจากจ่าหน้าซอง ‘ถึงมาดามมาเรีย’ ที่ด้านนอก ไคลน์หยิบฮาร์โมนิก้านักผจญภัยออกมาอีกครั้ง เลื่อนขึ้นมายังริมฝีปากและเป่า

ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ในชุดมืดมนและซับซ้อนปรากฏกายคล้ายกับเธอไม่เคยจากไปไหน เพียงพริบตาก็ก้าวออกจากว่างเปล่าและโผล่ตรงหน้าชายหนุ่ม

ไคลน์ส่งกระดาษที่พับเรียบร้อยพร้อมกับเหรียญทองหนึ่งเหรียญ กล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง

“นำส่งไปที่บ้านเลขที่ 126 ถนนการ์ด เขตฮิลสตัน กรุงเบ็คลันด์… แค่วางไว้ในกล่องจดหมายก็พอ”

“ตกลง” ขณะศีรษะหนึ่งขานรับ อีกศีรษะหนึ่งงับกระดาษและเหรียญทองตามลำดับ

ได้เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์กังวลเล็กน้อย จึงถามอีกสองสามประเด็น

“แผนที่คราวก่อนยังอยู่ใช่ไหม? คงรู้นะว่าตรงไหนคือเขตฮิลสตัน ตรงไหนคือถนนการ์ด”

ศีรษะผมทองตาแดงทั้งสี่ในมือไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ ตอบเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ

“ยังอยู่…” “ข้ารู้จัก…” “สถานที่เหล่านั้น…” “หาไม่ยาก…”

ไคลน์ถอนหายใจผ่อนคลายพลางกล่าวคำอำลากับมิสผู้ส่งสารอย่างสุภาพ

มันลืมเรื่องของเมืองกัลเดรอนไปก่อนชั่วคราว กลับมาจดจ่ออยู่กับการปลอมตัวให้หุ่นเชิดลูเธอร์ไวล์

เช้าวันรุ่งขึ้น ชายหนึ่งซึ่งมีผิวสีน้ำตาล ผมสลวยหยักศกเล็กน้อย แต่งกายด้วยชุดทางการของชาวโลเอ็น สวมหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง พาคนรับใช้สองคนเดินเข้าไปในเมืองเทอร์นิคซึ่งติดกับชายขอบป่า

สินค้าหลักของเมืองนี้คือไม้ ยาง และผลผลิตจากป่า โดยระยะหลังเริ่มมีการก่อตั้งสถาบันวิจัยของเหลวเพื่อการเจริญเติบโตของเส้นผมหลายแห่ง รวมถึงโรงงานในอุตสาหกรรมเดียวกัน

ไคลน์ซึ่งปลอมตัวเป็นเศรษฐีท้องถิ่น หลังจากได้โรงแรมสำหรับเข้าพัก มันนั่งลงบนเก้าอี้เอาหลังที่ทำจากหวาย ปิดท้ายด้วยการชื่นชมฝีมือตัวเอง

‘ผู้ชนะ’ เอ็นโซมีได้มีผิวสีแทนเหมือนเดิม แต่กลายเป็นสีดำสนิท เมื่อผนวกเข้ากับผมเส้นเล็กที่อ่อนนุ่ม คิ้วหนา โครงหน้าชัดลึก รวมถึงกางเกงจีบหลวมๆ และเสื้อสีขาวสลับดำสไตล์ไบลัม มันดูไม่แตกต่างจากคนรับใช้ของชาวพื้นเมืองที่สามารถพบได้ทั่วไปในคฤหาสน์ตามชนบท

ในส่วนของพลเรือเอกขุมนรก เสื้อผ้าที่เคยหรูหราของลูเธอร์ไวล์กลายเป็นสไตล์เดียวกับเอ็นโซ มีรอยไหม้เด่นชัดบนร่างกายหลายจุด หน้ากากสีเงินสว่างถูกย้อมด้วยสีเหล็กดำถ้วนทั่ว เพื่อทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าชายคนนี้ต้องคอยสวมหน้ากากเพื่อปกปิดแผลไฟคลอก ไม่อย่างนั้นอาจทำให้คนทั่วไปหวาดผวา

หลังจากจัดการมื้อกลางวันที่ส่งตรงถึงห้อง ไคลน์ได้ยินเสียงสวดวิงวอน

ผู้ชาย… มิสเตอร์แฮงแมน? แต่ก็อาจเป็นเอ็มลินหรือเดอะซันน้อย พวกเขาใกล้จะเริ่มการซื้อขายตะกอนพลังของแวมไพร์ลำดับ 5 แล้ว… ขณะไคลน์เตรียมเข้าห้องน้ำเพื่อถอยหลังสี่ก้าวและส่งตัวเองเข้าสู่มิติเหนือหมอก สัมผัสวิญญาณของมันพลันถูกกระตุ้น

หลังจากรีบเปิดเนตรวิญญาณ ชายหนุ่มเห็นไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ผู้ปราศจากศีรษะบนลำคอ กำลังคาบจดหมายพลางเดินออกจากโลกวิญญาณที่ซ้อนทับกับความเป็นจริง

มิสชารอนตอบแล้ว? ไคลน์ขอบคุณมิสผู้ส่งสารเป็นอันดับแรก ตามด้วยหยิบจดหมายและคลี่ออกมาอ่าน

“ต้องขอโทษด้วย แต่ฉันอาจต้องใช้เวลาเตรียมตัวและปรับสภาพอีกราวหนึ่งถึงสองเดือน… ถ้าคุณยังยืนกรานที่จะพึ่งพาดิฉัน ก็เป็นอันตกลงตามนี้… ชารอน”

หนึ่งถึงสองเดือน… ก็ใช่ว่าจะรอไม่ได้… เรายังย่อยโอสถ ‘นักเชิดหุ่น’ ไม่เสร็จ… ไคลน์พยักหน้าเล็กๆ พลางควานหากระดาษและปากกา เขียนตอบกลับไปว่า

“ใช้เวลาของคุณให้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับทางนี้ งานของผมไม่เร่งด่วนและสามารถรอได้… เชอร์ล็อก·โมเรียตี้”

หลังจากมอบจดหมายและเหรียญทองให้ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์พร้อมกับกำชับให้ส่งไปยังบ้านเลขที่ 126 ถนนการ์ด เขตฮิลสตัน กรุงเบ็คลันด์ ทันใดนั้น ไคลน์ผุดคำถามกะทันหัน

ในยามสงคราม ก่อนทำศึกทุกครั้งยังมีการต้องสำรวจสนามรบล่วงหน้า ตรวจหาภัยอันตรายที่อาจซ่อนเร้น เช่นนั้นแล้ว เมืองที่เต็มไปด้วยอันตรายอย่างกัลเดรอน เราจะประมาทและทำตัวไม่เป็นมืออาชีพได้ยังไง?

อา… ระหว่างรอให้มิสชารอนเลื่อนลำดับเสร็จ เรายังมีเวลาเหลือเฟือที่จะไปสำรวจล่วงหน้า รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นโดยไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง ยกตัวอย่างเช่น บริเวณดังกล่าวมีข้อจำกัดแบบใดบ้าง จะสร้างความเปลี่ยนแปลงใดกับพลังในขอบเขตความตาย หรือการตรวจสอบทำนองว่า มีทางเข้าทั้งหมดกี่ทาง ตายตัวหรือไม่ และสามารถส่งร่างวิญญาณกลับมายังมิติสายหมอกในพริบตาได้ไหม… เมื่อยืนยันปัจจัยข้างต้น แผนการอย่างคร่าวก็จะถูกร่างขึ้น… แน่นอน ก่อนจะไปสำรวจ เราต้องทำนายยืนยันให้ชัดเจน… ไคลน์วางแผนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่

…………………………………………………….