ตอนที่ 2097

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,097  : กระบี่พันอาคมเซียน!

 

 

ในเมื่อคิดจะอ้างตัวเป็นปู้หงแล้ว เขาจำต้องคำนึงถึงเรื่องราวหลายๆอย่างๆ

 

ด้วยเหตุนี้พอสังเกตเห็นว่าผู้ฝึกตนพเนจรด้านหลังไม่อาจเห็นความเคลื่อนไหวเขาได้ชัดเจนเพราะทิ้งห่างมามากแล้ว ต้วนหลิงเทียนจึงเริ่มใช้เวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินทันที

 

แน่นอนว่าไม่ได้ใช้ออกเต็มกำลัง

 

ถึงกระนั้นวังวนพลังเบาบางวังวนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นห้อมล้อมร่างต้วนหลิงเทียน

 

แต่แม้วังวนพลังนั้นนั้นจะเบาบาง ทว่ายังสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินรอบกายได้อย่างดี

 

เพียงชั่วพริบตาพลังเซียนสุริยันของต้วนหลิงเทียนก็เพิ่มพูนขึ้น จนมีพลังอำนาจเทียบได้กับพลังเซียนต้นกำเนิดของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาขั้นสูงสุด!

 

แน่นอนว่าพลังที่เพิ่มพูนขึ้นยังไม่หยุดแค่เท่านี้ ยังคงเพิ่มต่อไปอีกเรื่อยๆ

 

ขณะเดียวกัน ระยะห่างระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเจียวถูก็หดสั้นลงทันที

 

“ไม่! เจ้ามิใช่ปู้หง!!”

 

เจียวถูพลันร้องออกมาดังลั่น

 

เพราะเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนใช้ปฐมเวทย์กลืนกินแม้ผู้ฝึกตนพเนจรด้านหลังจะไม่เห็นเพราะอยู่ไกล แต่เจียวถูที่อยู่ใกล้ๆย่อมตระหนักได้ชัดเจนจากการเพิ่มขึ้นของพลังเซียนสุริยันในร่างเขา!

 

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจียวถูร้องออกมาด้วยความตกใจ พลังเซียนสุริยันในร่างต้วนหลิงเทียนก็เพิ่มพูนสูงขึ้นจนเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนแล้ว!

 

หลังพลังเซียนสุริยันเพิ่มพูนถึงจุดนี้มันก็ไม่เพิ่มขึ้นอีกต่อไป

 

“มารู้เอาตอนนี้ก็สายไปแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวคำออกมาอย่างไร้แยแส

 

และก่อนที่เจียวถูอันมีใบหน้าสิ้นหวังจะทันได้ทำอะไร พลังมหาศาลอันเกรี้ยวกราดขุมหนึ่ง ก็โถมถันเข้ามาหามันราวสัตว์ร้ายกระโจนกัด

 

ปงงง!!

 

เสียงระเบิดดังขึ้นลั่นฟ้า เจียวถูที่ถูกพลังฝ่ามือต้วนหลิงเทียนซัดเข้าอย่างจัง ประหนึ่งถูกสัตว์ร้ายตัวเขื่องอ้าปากกระหายเลือดเขมือบกลืนลงไปในหนึ่งคำก็ไม่ปาน!

 

เพราะเมื่อพลังอันเกรี้ยวกราดสลายหายไป…ร่างเจียวถูก็ไม่หลงเหลือสิ่งใดให้เห็น

 

คงมีแต่แหวนพื้นที่ๆกำลังกระเด็นไปตามแรงเฉื่อย

 

ในช่วงพริบตานี้ต้วนหลิงเทียนก็ขอให้ผู้เฒ่าหั่วช่วยจับสัมผัสพลังของพรสวรรค์รากวิญญาณเจียวถูที่ยังตกค้างในอากาศไม่ทันได้สลายหายคืนสู่สวรรค์และโลก เพื่อกลืนกินมันทันที

 

“พรสวรรค์รากวิญญาณของมันก็แค่รากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น…”

 

และวาจาต่อมาของผู้เฒ่าหั่วก็ดังขึ้น สร้างความผิดหวังให้ต้วนหลิงเทียนไม่น้อย

 

ด้วยความที่พรสวรรค์รากวิญญาณของเจียวถูเป็นแค่สีเหลือง จากก่อนหน้าผู้เฒ่าหั่วได้กล่าวไว้แล้วว่าขอเพียงเขาได้กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวอีกสักครั้ง…รากวิญญาณสีน้ำเงินเข้มของเขาถึงจะเปลี่ยนเป็นสีคราม เมื่อได้แค่สีเหลืองทำให้ตอนนี้มันยังไม่เปลี่ยนเป็นสีคราม…

 

เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนทำให้ต้วนหลิงเทียนผิดหวังนัก

 

“ยามนี้พรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินเข้มของเจ้ามาถึงจุดอิ่มตัวถึงขีดสุดแล้วจริงๆ…หลังจากนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นรากวิญญาณสีเขียวขอแค่เป็นรากวิญญาณสีเหลือง หากเจ้ากลืนกินได้…ก็มากพอจะทำให้พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้ากลายเป็นสีครามอย่างเป็นทางการ!”

 

ทว่าวาจาต่อมาของผู้เฒ่าหั่วทำให้ความผิดหวังของต้วนหลิงเทียนมลายหายไปทันที

 

“แบบนี้นี่เอง…ยังไงก็สามารถเปลี่ยนสีครามได้อยู่ดี แค่ช้าลงเล็กน้อยเท่านั้น”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวปลอบตัวเองในใจ

 

หลังดึงสติกลับมาเขาก็เร่งสะบัดมือใช้พลังดูดรั้งแหวนพื้นที่ๆปลิวกระเด็นไปไกลให้กลับมาทันที ก่อนที่จะเหินร่างจากไป ไม่คิดอยู่รอผู้ฝึกตนพเนจรถามอะไรทั้งสิ้น

 

พริบตาแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนก็หายไปจากสายตากลุ่มผู้ฝึกตนพเนจรที่เหินติดตามมาด้านหลัง

 

สำหรับผู้ฝึกตนพเนจรแล้วแน่นอนว่าต่อให้ต้วนหลิงเทียนหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่พวกมันก็ยังจดจำเรื่องราวครั้งนี้ไว้อย่างดี

 

เป็นธรรมดาที่พวกมันจะไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน

 

ต่างรับรู้กันแค่ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟ ปู้หง อันดับที่ 2 ในบรรดาอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ทั้ง 8!

 

“เจียวถู…พึ่งตกตายไปง่ายดายเช่นนี้?”

 

สีหน้าผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายแยความหวาดกลัวทั้งเลื่อนลอยกันอยู่บ้าง

 

ถึงแม้พวกมันจะอยู่ห่างและมองไม่ชัดว่าเมื่อครู่ปู้หงศิษย์ลัทธิบูชาไฟลงมืออย่างไรบ้าง แต่พวกมันเห็นได้ชัดว่าเพียงชั่วพริบตาที่ไล่ทัน ก็หลงเหลือแค่ร่างปู้หงเพียงลำพัง…

 

ส่วนเจียวถูได้สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

“ปู้หง ศิษย์ลัทธิบูชาไฟคนนี้นับว่าทรงพลังสมชื่อเสียง…แต่มันไม่รู้หรือไรว่าที่นี่คือนครแห่งบาปหาใช่ลัทธิบูชาไฟไม่ ฆ่าเจียวถูทิ้งเช่นนี้หรือไม่กลัวเจียวจ้านจ้องจะล้างแค้นตลอดเวลา?”

 

ผู้ฝึกตนพเนจรหลายคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าปู้หงช่างกล้าหาญจริงๆ!

 

เพราะสุดท้ายแล้วหากไม่มั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองจริงๆ คงไม่มีทางกล้าฆ่าเจียวถูที่เป็นน้องชายเจียวจ้านแบบนี้ได้

 

“ข้าว่าที่ปู้หงกล้ากระทำแบบนี้ไม่เพียงแต่เพราะมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองเท่านั้น…ข้าเดาว่าอาจารย์หรืออาวุโสคนใดของมันสมควรมาเยือนนครแห่งบาปด้วย!”

 

“อาจเป็นได้! หากอาจารย์ของมันมาด้วยจริงๆ ต่อให้เป็นผู้นำกลุ่มอีกาทมิฬ…ก็ไม่มีปัญญาแตะต้องปู้หงได้!”

 

“หากเป็นคนอื่นถูกคนมีอำนาจเช่นนี้ฆ่าบางทีข้าอาจจะเห็นใจสงสาร…แต่เจียวถูถูกฆ่าตายแบบนี้ ไมเพียงแต่ข้าจะไม่สงสารข้ายังรู้สึกสะใจแทน!”

 

“ข้าเองก็รู้สึกแบบเดียวกับเจ้า…เจียวถูคนนี้สมควรตายนัก! มันอาศัยว่ามีพี่ชายของมันเป็นรองผู้นำกองกำลังอีกาทมิฬก่อการอุบาทว์ต่ำช้า! ไม่ทราบมีกี่คนที่ถูกมันฆ่าอย่างไร้เหตุผล นับว่ากรรมตามสนองมันแล้วจริงๆ!”

 

เหล่าผู้ฝึกตนในที่นี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สงสารเห็นใจเรื่องการตายของเจียวถู กระทั่งยังมีหลายคนนักที่ลอบปรบมือให้การฆ่าอย่างหมดจดครั้งนี้ของปู้หงจากลัทธิบูชาไฟ

 

แน่นอนว่าพวกมันไม่ได้รู้เลย

 

ว่าปู้หงคนนี้ไม่ใช่ปู้หงตัวจริง แต่เป็นอัจฉริยะที่พึ่งโด่งดังขึ้นมาคนใหม่ของลัทธิบูชาไฟ ต้วนหลิงเทียน

 

เนื่องจากทักษะแปลงโฉมอันแยบยล รวมถึงต้วนหลิงเทียนไม่ได้ทิ้ง ‘พิรุธ’ ใดๆไว้ เช่นนั้นแล้วคนที่รู้ความจริงก็มีแต่ต้วนหลิงเทียนแค่คนเดียวเท่านั้น

 

หลังฆ่าเจียวถู ต้วนหลิงเทียนก็จากไปทันที ก่อนที่จะหาที่เปลี่ยวๆ เปลี่ยนกลับมาใส่ชุดสีม่วงอีกครั้ง

 

ขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็เริ่มขยับเขยื้อนแปรเปลี่ยนไปเป็นโฉมหน้าใหม่ ที่ตั้งใจใช้ในนครแห่งบาปแต่แรก

 

เป็นธรรมดาว่า…

 

ถึงใบหน้านี้จะต่างจากใบหน้าปลอมที่เขาใช้ในลัทธิบูชาไฟและต่างจากรูปลักษณ์เดิมของเขา แต่มันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย

 

ทั้งหมดล้วนมีคิ้วคมดั่งดาบจมูกโด่งสัน แลดูหล่อเหลามากอัธยาศัยไม่ธรรมดา

 

‘หวังยี่ฝัวไม่ได้กล่าวถึงกองกำลังอีกาทมิฬออกมาเลย เดาว่ามันคงไม่ใช่ขุมพลังที่ร้ายกาจอะไรในนครแห่งบาปเหมือนกัน’

 

ด้วยความที่หวังยี่ฝัวไม่ได้กล่าวถึงขุมกำลังพันธมิตรผู้ฝึกตนอย่างอีกาทมิฬออกมา ต้วนหลิงเทียนจึงคิดว่ามันคงไม่ใช่กองกำลังร้ายอาจอะไรในนครแห่งบาป

 

‘ไปหาเหลาอาหารเพื่อเก็บข้อมูลของนครแห่งบาปก่อนดีกว่า…’

 

ทันทีที่ใจคิด ร่างก็เหินออกไปทันที มุ่งหน้าไปใจกลางนครแห่งบาป เพื่อหาโรงเตี๊ยมที่พักพร้อมเหลาอาหารคึกครื้นสักที่ไว้เก็บข้อมูล

 

‘ไม่รู้จริงๆว่าทำไมผู้ฝึกตนพเนจรมากมายถึงแห่กันมานครแห่งบาปเพื่อหลงหลักปักฐาน…’

 

ต้วนหลิงเทียนยังคงสงสัยเรื่องนี้มาโดยตลอด

 

วันที่ไปถามหวังยี่ฝัวที่หอเมฆมรกต คำตอบที่อีกฝ่ายให้มาก็คลุมเครือชวนให้เขาหงุดหงิดนัก…เพียงเขามาถึงก็รู้เอง!

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังเหินร่างหาโรงเตี๊ยมที่พักและเหลาอาหารคึกคักมากผู้คนนั้นเอง

 

ในฐานกองกำลังอีกาทมิฬก็นับว่าปั่นป่วนกันไม่น้อย

 

ในฐานะกองกำลังผู้ฝึกตนพเนจรหนึ่งของนครแห่งบาป แม้ฐานที่มั่นของอีกาทมิฬจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย แต่อย่างน้อยมันก็ยังมีฐานที่มั่น! เพราะพวกมันก็ถือเป็นกองกำลังขนาดกลาง!!

 

เปรี๊ยงงง!!

 

ในพื้นที่ส่วนตัวหนึ่งของฐานที่มั่นกองกำลังอีกาทมิฬ ทันทีที่เจียวจ้านได้รับทราบเรื่องราวการตายของเจียวถู มันก็เดือดดาลจนฟาดโต๊ะเบื้องหน้าเป็นผง

 

“ผู้ใด! เป็นฝีมือผู้ใดกัน!?”

 

เจียวจ้านที่กำลังเดือด มองจี้ถามไปยังผู้ที่เข้ามาแจ้งข่าวด้วยสายตาน่ากลัวดั่งอสรพิษกำลังจับจ้องเหยื่อ

 

ไม่น่าแปลกใจอะไรที่เจียวจ้าวจะออกอาการโมโหได้ขนาดนี้

 

ในอดีตนั้นมันเคยมีพี่น้องอยู่ 3 คน นอกจากเจียวถูที่เป็นน้องชายคนเล็กแล้วมันยังมีพี่ชายและน้องชายอีกคน

 

พวกมันทั้ง 4 เป็นผู้ฝึกตนพเนจรที่ออกเดินทางไปทั่ว

 

ทว่าในขณะที่กำลังท่องหล้าพวกมันได้ประสบเหตุร้าย จน ‘เจียวต้า’ พี่ใหญ่ของมันกับ ‘เจียวหง’ น้องชายคนที่ 3 จำต้องตายตกไป ทำให้มันหลงเหลือเพียงน้องชายคนที่ 4 อย่างเจียวถูเท่านั้น…ทั้งคู่ที่เหลือกัน 2 คนก็พึ่งพาอาศัยกันมาตลอด

 

ต่อมามันกับน้องชายก็มาถึงนครแห่งบาป และก่อตั้งกองกำลังอีกาทมิฬร่วมกับสหายคนอื่นๆ ตั้งแต่วันนั้นพวกมันก็ตั้งรกรากเป็นหลักแหล่ง

 

มันย่อมรักและห่วงใยน้องชายคนเล็กที่เหลืออยูแค่คนเดียวเป็นธรรมดา

 

ทว่าวันนี้มันกลับได้รับทราบข่าวร้าย…

 

น้องชายคนที่สี่…น้องเล็กของมัน ถูกผู้อื่นฆ่าตายแล้ว

 

“ปะ…เป็นปู้หง ศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟ!”

 

สัมผัสได้ถึงความเดือดดาลของเจียวจ้าน ผู้ที่มาแจ้งข่าวก็หวาดกลัวจนตัวสั่น พยายามตอบคำกลับไปอย่างยากลำบาก

 

“ปู้หง!”

 

ลูกตาเจียวจ้านหดเล็กลงทันใดเมื่อได้ยินคำของผู้แจ้งข่าว จากนั้นค่อยถามยืนยันออกมาเสียงหนัก “เจ้าแน่ใจหรือว่าคนที่ฆ่าน้องข้ามันคือปู้หงศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟจริงๆ?”

 

นาม ปู้หง นั้น มันย่อมรู้จักดี

 

ในแง่พลังฝีมือแล้ว ปู้หง นับว่าอยู่เหนือกว่ามันมากมายนัก เพราะอีกฝ่ายบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน

 

แต่แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว!

 

เพราะครึ่งเดือนที่แล้วพลังฝึกปรือของมันบังเกิดความก้าวหน้า จนสามารถทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนได้ในที่สุด! และด้วยอาศัยประสบการณ์ที่เคี่ยวกรำหล่อหลอมมันมาในฐานะผู้ฝึกตนพเนจร ยังรวมถึงสิ่งต่างๆและวาสนาที่มันได้รับมาโดยบังเอิญตลอดการเดินทาง…

 

มันย่อมไม่กลัว ปู้หง!

 

ยิ่งไปกว่านั้นมันมั่นใจมากว่าสามารถเอาชนะปู้หง กระทั่งฆ่าปู้หงให้ตายได้!

 

เพราะท้ายที่สุดแล้วปู้หงก็ถือเป็นเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนระดับทั่วไป หาใช่ชนชั้นยอดฝีมืออะไรไม่! เรื่องนี้สังเกตได้ไม่ยากจากอันดับในรายนามยอดเซียน!!

 

แต่สิ่งที่มันเกรงกลัวไม่ใช่ปู้หง หากแต่เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังปู้หง!

 

อาวุโสเพลิงทองของลัทธิบูชาไฟ!

 

จ้าวแท่นบูชามังกรคราม!

 

นอกจากฐานที่มั่นของกองกำลังอีกาทมิฬจะปั่นป่วนเพราะทราบข่าวแล้ว คนในห้องหับของสถานที่แห่งหนึ่งเองก็กำลังหัวร้อนไม่แพ้กัน เป็นฐานที่มั่นของพันธมิตรขวานปฐพี!

 

“เจ้านี่หรือ…ที่สังหารคนของข้าที่ส่งไปทั้ง 2 คนแล้วชิงแหวนพื้นที่อันมีกระบี่พันอาคมเซียนของข้าเก็บไว้ไป?”

 

หลังฉีกยันต์กระจกเงาทิ้งไป ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีก็ได้แลเห็นฉากเรื่องราวหนึ่ง…

 

ในฉากมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดสีม่วง ใช้เขตแดนหมื่นกระบี่สีทองสว่างจ้าปิดล้อม ก่อนใช้เวทย์พลังทรงอานุภาพกับวิชากระบี่บินอันร้ายกาจฆ่าคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสองของมันไป…

 

นอกจากฆ่าคนของมันไป 2 คนแล้ว อีกฝ่ายยังชิงแหวนพื้นที่วงนั้นไปอีกด้วย!