ตอนที่ 998 ถูกเจ้าถิ่นรังแก

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

กู้ไป๋อี เย่เฉินและเซียวโม่ล้วนแต่รู้สึกงุนงง พวกเขาคิดไม่ออกจริง ๆ!

มู่เฉียนซีเอาศิลาแร่ก้อนใหญ่ออกมาและโยนให้กับเซียวโม่ “เจ้าเป็นนักหลอมอาวุธไม่ใช่เหรอ รีบเอาศิลาแร่นี้หลอมออกมาเป็นป้ายเหล็กป้ายหนึ่ง ข้าต้องใช้มัน”

เซียวโม่ได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งประหลาดใจขึ้น นางให้หลอมป้ายเหล็กออกมา นี่นางคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?

“เจ้าไม่อยากทำเหรอ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า ก็แค่ป้ายเหล็กป้ายเดียว ง่ายมาก”

เซียวโม่เป็นนักหลอมอาวุธผู้หนึ่ง และเป็นผู้บำเพ็ญธาตุอัคคีด้วยเช่นกัน เมื่อพลังธาตุอัคคีปะทุขึ้น ก็ได้เริ่มละลายศิลาแร่ก้อนนั้น ไม่นานนักป้ายเหล็กหนาป้ายหนึ่งก็ถูกหลอมออกมาสำเร็จ

มู่เฉียนซีชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา ปลายกระบี่มังกรเพลิงก็ปรากฏเปลวไฟสีแดงฉานขึ้น

ต่อมา ปลายกระบี่เคลื่อนไหวราวกับมังกรที่โผนทะยาน สลักอักษรลงบนป้ายเหล็กแผ่นนี้

เซียวโม่เมื่อเห็นอักษรบนป้ายนั้นก็อ่านออกเสียงขึ้นว่า “ใช้เส้นทางนี้ หยุดจ่ายค่าผ่านทางก่อน!”

“นี่มัน นี่มันดักปล้นอย่างนั้นเหรอ?” เซียวโม่กล่าวด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด

มุมปากของเย่เฉินและกู้ไป๋อีก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย นางทำป้ายออกมาอย่างไร้เหตุผล ดักปล้น นางก็คิดออกมาได้

เซียวโม่กล่าว “แม่นางมู่ คะ คือว่า ส่วนมากผู้ที่เดินทางมาที่นี่ล้วนแต่เป็นกองกำลังใหญ่ ๆ ทั้งนั้นเลยนะ อีกอย่างพวกเขาก็นำกำลังคนมาไม่น้อย หากคิดจะปล้น พวกเราคงต้องถูกรุมตายแน่!”

มู่เฉียนซีชี้ไปที่เย่เฉินและกล่าวว่า “หากถูกโจมตี ก็ส่งเย่เฉินออกไปสิ!”

เซียวโม่กล่าว “หากเป็นอันตรายถึงชีวิตจะทำเช่นไร ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ คงไม่อยากจะก่อเรื่องวุ่นวายเป็นแน่ จากนั้น…”

หลังจากที่พวกเขาได้ฟังแผนการของมู่เฉียนซีแล้ว ดวงตาของเซียวโม่ก็เปล่งประกายขึ้น เขากล่าว “ดูท่าน่าสนุก ข้าสนใจ ๆ!”

เย่เฉินกล่าว “หากนี่เป็นการตัดสินใจของนายท่าน ข้าก็จะทำ”

คนเหล่านี้มาถึงอาณาเขตตระกูลเย่โดยไม่ได้รับเชิญ อีกทั้งยังทำลายแผนการของนายท่านอีก ต้องทำให้พวกมันเห็นดีสักหน่อยแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “คนของตำหนักตงจี๋ ไม่ต้องลงมือ คนของกองกำลังระดับสองครึ่งก็ด้วย ส่วนคนอื่น หากโผล่มาก็ลงมือได้เลย”

“ได้!” ทุกคนตอบรับ

ไม่นานนัก มู่เฉียนซีก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่ใกล้เข้ามา

มู่เฉียนซีกล่าว “มีคนใกล้เข้ามาแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม!”

เซียวโม่สะดุ้งขึ้น มีคนใกล้เข้ามาแล้วจริง ๆ เหรอ เหตุใดเขาไม่รับรู้ถึงสิ่งใดเลย

เห็นได้ชัดว่าพลังจิตของนางนั้นเหนือกว่าเขามาก นางจึงรับรู้ได้เร็วกว่าเขา

ร่างของกู้ไป๋อีเคลื่อนไหวไป และได้อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาแล้ว

มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้มพลางกล่าว “เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ รอพวกมันมา!”

หลายวันที่ผ่านมานี้มีคนขึ้นไปสำรวจดูบนหุบเขาตระกูลเย่อย่างไม่ขาดสาย มีทั้งคนกลุ่มใหญ่และกลุ่มเล็ก ๆ

ในตอนนี้ พวกเขาได้เจอกับคนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง

คนเหล่านี้นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนสามคนมาขวางทางพวกเขาไว้

เซียวโม่เห็นมีคนเดินมา เขาก็กล่าวขึ้นว่า “ทางนี้ผ่านไม่ได้ หากอยากจะผ่านก็จ่ายค่าผ่านทางมา มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

คนกลุ่มนี้ได้ยินเช่นนี้เข้าต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ นี่มัน…

สามคนนี้ไม่กลัวตายหรืออย่างไร นึกไม่ถึงว่าจะกล้าดักปล้นในที่แห่งนี้ในตอนที่กองกำลังใหญ่ ๆ กำลังสนใจในตระกูลเย่เช่นนี้

ชายวัยกลางคนผู้ที่เป็นหัวหน้ากล่าวว่า “พ่อหนุ่ม อย่าได้หาเรื่องวุ่นวายเลยนะ ให้พวกข้าผ่านทางไปเถอะ แล้วพวกข้าจะไม่เอาความเจ้า”

เซียวโม่กล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร แล้วรู้หรือไม่ว่าท่านพ่อข้าเป็นใคร การที่ข้าปล้นเจ้านับว่าข้าเห็นแก่หน้าเจ้ามากแล้ว แต่ถ้าหากเจ้าไม่ยอม ก็อย่าหวังว่าจะผ่านตรงนี้ไปได้เลย”

ต้องบอกเลยว่าการรังแกอันธพาลเหล่านี้ คุณชายเซียวก็ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของตนเองอยู่ไม่น้อย

“นี่เจ้า…” เขาถูกคุณชายเซียวกำเริบสืบสานใส่จนโกรธเกรี้ยวขึ้นมาแล้วจริง ๆ

“ท่านอาจารย์ ข้าจะสั่งสอนเจ้าเด็กเลวทรามผู้นี้เอง”

“ใช่! คิดว่าที่แห่งนี้เป็นสวนบุปผาหลังเรือนตัวเองหรือไง ช่างไม่เจียมตัวเอาซะเลย”

“……”

ชายหนุ่มข้างกายชายวัยกลางคนผู้นี้พรวดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด และชายวัยกลางคนผู้นั้นก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้พวกเขาลงมือแต่อย่างใด

มู่เฉียนซีกล่าว “เย่เฉิน จัดการ ไม่ยอมจ่ายค่าผ่านทางก็จัดการให้ถึงที่สุดจนกว่าพวกมันจะยอม”

ร่างของเย่เฉินเคลื่นไหวไปลงมือกับสองคนนั้นที่พรวดเข้ามา เมื่อพวกเขารับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณของเย่เฉินก็ตกตะลึงเสียจนดวงตาเบิกกว้าง

พลังของผู้บำเพ็ญภูตธาตุอัคคีทั้งทรงพลังทั้งโหดร้าย สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไป “มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง!”

นี่มันบ้าอะไรกัน! อายุของชายผู้นี้ดูไปแล้วก็ไม่ได้มากไปกว่าเขา นึกไม่ถึงว่าจะมีพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง

ปัง ปัง ปัง!

พลังการโจมตีนั้นตกลงไปบนร่างของเย่เฉิน เซียวโม่เห็นแล้วก็อดรู้สึกเจ็บปวดแทนไม่ได้

เซียวโม่เดินไปข้างกายมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “พวกเรา เอ่อ พวกเราจะไม่ช่วยเขาจริง ๆ เหรอ?”

มู่เฉียนซีหันมาพร้อมกับถามว่า “หรือว่าคุณชายเซียวจะสู้ท่านลุงเฒ่านั้นได้อย่างนั้นเหรอ?”

เซียวโม่ส่ายหน้า เขาก็เป็นเพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลุงเฒ่าพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองผู้นั้นเลย

พรวด!

เย่เฉินถูกโจมตีจนกระอักเลือด แต่กลับดูเหมือนช่องประตูหนึ่งถูกเปิดออกก็มิปาน พลังวิญญาณที่ถูกยานั้นผนึกเอาไว้ได้ไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างของเขา จากนั้น…

เย่เฉินก็ทะลวงพลังวิญญาณแล้ว!

มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง!

ดวงตาของเซียวโม่เบิกกว้างด้วยความตกใจ “ขะ เขา เขาทะลวงพลังวิญญาณแล้ว นึกไม่ถึงว่าการถูกซ้อมก็จะทะลวงพลังวิญญาณได้”

หลังจากที่ทะลวงพลังวิญญาณ แสงเย็นก็ได้วาบผ่านดวงตาของเย่เฉิน “พวกเจ้าจะไสหัวไปจากที่นี่ หรือจะจ่ายค่าผ่านทางก็เลือกเอา มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

“เจ้าหนู ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเลื่อนขั้นพลังวิญญาณมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองได้เช่นไร แต่เจ้าที่เพิ่งจะทะลวงพลังวิญญาณเช่นนี้ ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี”

ภายใต้สถานการณ์ที่พลังวิญญาณอยู่ในระดับเดียวกันเช่นนี้ หากมีทักษะวิญญาณก็จะได้เปรียบและสามารถต่อสู้จนได้รับชัยชนะได้

ทักษะวิญญาณที่หนึ่งในสามตระกูลยาโบราณอย่างตระกูลเย่ใช้นั้น แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่งกว่าปกติ “ปัง ปัง ปัง!”

ภายใต้การต่อสู้อย่างสุดกำลังของเย่เฉิน ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ถอยหลังไปหลายก้าว

พรวด! เขากระอักเลือดคำโตออกมาคำหนึ่งและมองเย่เฉินด้วยความตกตะลึง

มู่เฉียนซียิ้มมองไปที่เขาพลางกล่าวว่า “ยังจะสู้อีกหรือไม่?”

เขากำหมัดแน่น หากฝืนสู้ต่อไปก็มีแต่จะทำให้เขาเสียเปรียบ

เขากล่าว “ต้องจ่ายเท่าไหร่ถึงจะผ่านทางนี้ได้?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ก็ไม่ได้มากมายอะไร หนึ่งล้านหยกวิญญาณเป็นเช่นไร?”

หนึ่งล้าน! เมื่อได้ยินราคาที่นางกล่าวออกมา มุมปากของเซียวโม่ก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย

“หนึ่งล้าน เจ้าปล้นกันชัด ๆ!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ก็พวกข้าดักปล้น”

พวกเขาถึงกับพูดไม่ออก หนึ่งล้านหยกวิญญาณยังอยู่ในขอบเขตที่พวกเขายอมรับได้ วันนี้พวกเขาจำเป็นต้องเข้าไป จึงทำได้เพียงแค่จ่ายค่าผ่านทางไปเท่านั้นแล้ว

คนเหล่านี้เป็นหนุ่มสาว แต่กลับมีพลังความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังทำตัวกำเริบเสิบสานไม่เกรงกลัวต่อความตาย เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเบื้องหลังของคนหนุ่มสาวเหล่านี้ไม่มีกองกำลังที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลังอยู่

ไม่ล่วงเกินพวกเขาจะเป็นการดีกว่า ชายวัยกลางคนผู้นั้นจึงกล่าวว่า “ก็ได้ พวกข้าจ่ายก็ได้”

หลังจากที่จ่ายหยกวิญญาณไปแล้ว พวกเขาก็กล่าวถามว่า “ตอนนี้ พวกข้าคงจะเข้าไปได้แล้วกระมัง!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ช้าก่อน!”

นางเดินไปข้างกายเย่เฉินที่ได้รับบาดเจ็บ และกล่าวว่า “เจ้าทำให้คนของข้าได้รับบาดเจ็บ ไม่คิดจะจ่ายค่ารักษาหน่อยเหรอ?”

คนตรงหน้าได้ยินเช่นนี้ก็แทบจะกระอักเลือดออกมา พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน แต่ก็ไม่เห็นจะเรียกร้องค่ารักษาแต่อย่างใดเลย!