บทที่ 1054 หากมีชาติหน้า!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หญิงสาวจากไปแล้ว

จนกระทั่งนางจากไป ฮุยซานถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ชื่ออีกฝ่าย แต่นั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือฮุยซานรู้สึกว่าเขากำลังจะหาคำตอบได้แล้ว

คำตอบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดแรกสุดว่าเหตุใดท้องฟ้าถึงไม่ใช่สีขาว แต่เป็นคำถามที่หญิงสาวเคยถามตนเอง

“หากท้องฟ้าไม่มีวันเป็นสีขาว เจ้าจะทำอย่างไร นั่งมองต่อไป รอคอยต่อไปจนเน่าเปื่อยหรือ”

ฮุยซานครุ่นคิดถึงคำถามนี้มาเป็นเวลานาน เดิมทีเขากำลังจะได้คำตอบแล้ว เขาคิดว่าคงใช้เวลาไม่นานเกินไป บางทีเขาอาจจะได้คำตอบจริงๆ

ทว่าในปีต่อๆ มา เมื่อเวลาผันผ่าน หนึ่งร้อยปี สองร้อยปี สามร้อยปี… เขาพบว่าในใจตนนั้นไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไรที่เงาของหญิงสาวผู้นั้นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความคิดคะนึงแปลกประหลาด ทั้งหนักหนาและจมดิ่ง ทำให้เขารู้สึกหดหู่

ฮุยซานไม่เคยมีอารมณ์เช่นนี้มาก่อน เขาไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด รู้เพียงว่าหลังจากที่ตนมีอารมณ์เช่นนี้ เวลาก็กลับกลายเป็นเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนที่ฮุยเอ้อร์มาหา

ฮุยเอ้อร์ที่มีขนสีดำทั้งกายมาคนเดียวและทรุดนั่งลงข้างฮุยซาน เขาอ่อนแอและไอมรณะก็เจือจางมากเช่นกัน หลังจากนั่งลงตรงนั้นแล้ว ฮุยเอ้อร์พยายามจะไม่หลับตาและมองฮุยซานด้วยสายตาประหลาด ก่อนจะเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้เขาฟัง

เรื่องนี้เรียบง่ายและธรรมดามาก มันเป็นเพียงเรื่องราวของชีวิตที่กลายเป็นผีดิบ โจมตีไปจนสุดทาง ไปถึงจุดสูงสุด และกลายเป็นมหาอำนาจสูงสุด

เพียงแต่ตัวเอกของเรื่องเป็นสตรี

ฮุยเอ้อร์เล่าอย่างจริงจัง ฮุยซานก็ฟังอย่างตั้งใจ จนกระทั่งไม่นานเมื่อฮุยเอ้อร์เล่าจบ ฮุยซานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับอารมณ์ประหลาดของตนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บนยอดเขาแห่งนี้นอกจากหญิงสาวผู้นั้น คนตรงหน้าคือสหายคนแรกของเขา

หรือในระดับหนึ่ง ฮุยเอ้อร์ก็คือพี่ชายของเขาเช่นกัน พวกเขาสองคนเป็นกลุ่มเดียวกันที่ตื่นขึ้นมาห่างกันเพียงไม่กี่ลมหายใจ

เมื่อได้ยินคำพูดของฮุยซาน ฮุยเอ้อร์ก็เงียบไป นานทีเดียวกว่าเสียงแก่ชราระคนความอ่อนระโหยโรยแรงของเขาจะดังขึ้นเบาๆ

“ฮุยซาน เจ้าคิดถึงนาง”

ฮุยซานตกตะลึง ก่อนจะเงียบไป

ฮุยเอ้อร์ก็เงียบเช่นกัน เขาเพียงแค่มองเข้าไปในดวงตาฮุยซาน ความรู้สึกประหลาดค่อยๆ กลายเป็นความเวทนาและทอดถอนใจ เพราะภูเขาลูกนี้เมื่อหลายปีก่อนได้ถูกหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งถูกฆ่าตายอย่างสะเทือนฟ้าดินทำให้กลายเป็นเขตต้องห้าม ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นมารบกวน และต่อให้นางจากโลกนี้ไปแล้วทุกอย่างก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

จนกระทั่งเมื่อร้อยปีก่อน โลงศพขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นบนจักรวาลนอกโลกใบนี้ โลงศพเหล่านี้สามารถทำให้โลกสั่นสะเทือนได้ แต่พวกมัน…เพียงแค่ล้อมไว้ราวกับกำลังปกป้องอะไรบางอย่าง

ทั้งหมดนี้เขาไม่ได้บอกฮุยซานเพราะเขาไร้เรี่ยวแรง แม้จะเป็นผีดิบก็ยากที่จะหนีจากความตาย ชีวิตหลังความตายของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่เขาไม่แปลกใจว่าเหตุใดฮุยซานยังคงเหมือนในตอนนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

ขณะที่ฮุยซานกำลังครุ่นคิด ฮุยเอ้อร์ก็ค่อยๆ หลับตาลงและผล็อยหลับไปตลอดกาล

เวลาหมุนผ่านอีกครา อาจเป็นพันปีหรือสามพันปี…หรือเรียกง่ายๆ ว่าเวลาผ่านไปนานแสนนาน สิ่งรอบกายเปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือ ลมและเมฆพัดผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลง ทว่ามีเพียงภูเขาลูกนี้ที่ยังคงเดิม

เพียงแต่ฮุยซานบนภูเขานั้นแก่ชราแล้ว หากแต่ขนของเขายังคงเป็นสีเขียวอ่อน ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย หลายครั้งที่ดวงตาของเขาลืมขึ้นอย่างยากลำบาก ทว่าเขาก็ยังพยายามอย่างหนักเพราะต้องการมองท้องฟ้าต่อไป

นอกจากนี้ยังมี…ในที่สุดเขาก็ได้คำตอบสำหรับคำถามของหญิงสาวในตอนนั้นแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าตนยังมีเวลารออีกฝ่ายและบอกกับอีกฝ่ายหรือไม่

“แบบนี้…ก็ดี” ฮุยซานก้มศีรษะลง พยายามลืมตา แต่กลับมีเพียงรอยแยกเล็กๆ เท่านั้นที่เปิดออกมา เขามองไปที่มือของตนด้วยความเลือนราง แต่ในความเลือนรางนี้ เขากลับเห็นฝ่ามือแห้งเหี่ยวของตนคล้ายจะมีเลือดเนื้ออีกครั้ง

แม้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง แต่เขาก็ยังมีความสุขมาก

เปลือกตาของเขาเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ความรู้สึกเลือนรางจะลามไปทั่วกาย เมื่อร่างกำลังจะจมดิ่ง ทันใดนั้นเองความรู้สึกแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นในหัวใจ ทำให้ในร่างกายของฮุยซานคล้ายมีแสงระยิบระยับและร่องรอยของเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายก็พุ่งขึ้น เขาค่อยๆ เปิดเปลือกตาหนักอึ้งของตน จากที่ไกลๆ ดวงตาชรานั้นเห็น…ร่างสง่างามและน่าหลงใหลค่อยๆ ย่างก้าวเข้ามาทีละก้าว

ผมยาวสีแดง สวมหน้ากากสีดำสนิท เครื่องแต่งกายในวังผุดขึ้นในความทรงจำ และข้างหลังนาง…ในทะเลโลหิตลวงตามีร่างนับไม่ถ้วนกำลังคุกเข่าลง

“เจ้ามาแล้ว” ฮุยซานยิ้ม

“ข้ามาแล้ว” หญิงสาวนั่งลงข้างฮุยซาน ทุกครั้งที่นางกลับมา นางจะนั่งประจำที่และเอ่ยอย่างใจเย็น

“ข้าได้คำตอบแล้ว” ฮุยซานยังคงยิ้ม รอยยิ้มนั้นมีความสุขสุดขั้วหัวใจ

“อะไร?” หญิงสาวหันมามองฮุยซาน

“ไม่ว่าท้องฟ้าจะเป็นสีใด ในใจข้ามันก็เป็นสีขาวแล้ว” รอยยิ้มของฮุยซานสดใสขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีแสงสีขาวบนร่างกายของเขาสะท้อนทุกสิ่งรอบตัว

เหมือนกับเขาที่ชีวิตนี้เกิดในความมืดมิด แต่มองแสงสว่างด้วยความหวัง

หญิงสาวเงียบและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ กระทั่งพลังงานของฮุยซานค่อยๆ หายไป เปลือกตาของเขาก็หนักขึ้นอีกครั้ง ทว่าในตอนที่มันค่อยๆ ปิดลง หญิงสาวก็เอ่ยขึ้น

“ฮุยซาน หากชาติหน้ามีจริง เจ้าคิดจะทำอะไร?”

“ข้าต้องการให้แสงสว่างส่องไปยังทุกมุมโลก เพื่อให้สิ่งมีชีวิตได้มองเห็นเหมือนข้ามากขึ้น…” ฮุยซานพึมพำ ลมหายใจสุดท้ายของชีวิตหายไประหว่างสวรรค์และโลก ร่างกายกลายเป็นฝุ่นนับไม่ถ้วนและหายไปในที่เดียวกัน สิ่งที่หายไปยังมีภูเขาลูกนี้ที่ตลอดการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมามันไม่ควรมีอยู่ตั้งนานแล้ว

หญิงสาวเงยศีรษะขึ้นมองขึ้นไปบนท้องฟ้า นางมองดูฝุ่นผงของฮุยซานที่ค่อยๆ สลายไปบนนั้น ก่อนที่คำกระซิบจะดังลอดออกมาจากปาก

“ข้าจะทำให้เจ้า!”

ณ ดาวเคราะห์ชะตา ภายในหมอกสีขาว หวังเป่าเล่อซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในพื้นที่ว่างค่อยๆ ลืมตาขึ้น ชั่ววินาทีที่เขากะพริบตา ในดวงตาของเขาเปล่งแสงจนสุดขั้ว และแสงนี้เข้ามาแทนที่รูม่านตาและแทนที่ทุกสิ่งในดวงตาของเขา

ขณะเดียวกันก่อนที่สติของเขาจะตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ ดาวเคราะห์โบราณสีขาวของกฎแห่งแสงในร่างกายเขาก็ได้ระเบิดแสงจ้าออกมาเช่นกัน แสงนี้ครอบคลุมไปทั่วจตุรทิศ และปราณกังวานของหวังเป่าเล่อก็เพิ่มขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ!

พร้อมกันนั้นยังมีพละกำลังที่อัศจรรย์ยิ่งกว่า ซึ่งมาจากความมืดมิดและผนึกกายเข้ากับร่างกายของหวังเป่าเล่อได้อย่างลงตัวโดยไม่รู้สึกถึงการต่อต้านใดๆ!

นั่นคือ… พลังที่สะสมมาตลอดชีวิตหลังความตาย 7,600 ปี นั่นคือ…การหยั่งรู้ในช่วงเวลา 7,600 ปี ได้ก่อตัวเป็นกฎแห่งแสง!

แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะรับไม่ได้ทั้งหมด ถึงแม้จะได้เพียงเล็กน้อย แต่ในแง่ของระดับปราณกังวานก็ทำให้กฎแห่งแสงของเขาเกินขีดจำกัดไปถึงระดับเก้าจุดเจ็ดแปดส่วน!

ระดับนี้ใกล้เคียงกับดาวเคราะห์เต๋าแห่งแสงที่แท้จริงแล้ว เพราะถึงแม้จะเป็นดาวเคราะห์เต๋าแห่งแสงก็มีเพียงสิบส่วนเท่านั้น

และ…ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น มีคนคำนวณไว้นานแล้วว่ายิ่งกฎธรรมดามากเท่าไร โอกาสที่ดาวเคราะห์เต๋าจะปรากฏขึ้นก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น ดังนั้นหวังเป่าเล่อในตอนนี้ กฎแห่งแสงของเขาจึงเป็นที่สุดแล้ว!

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถนำแสงสว่างของโลกกลับมาได้ แต่ตัวเขาเอง… สามารถกลายเป็นแสงสว่างได้แล้ว และสามารถยับยั้งเต๋าแห่งแสงหมื่นจักรวาลได้!

นอกจากนี้ยังมีพละกำลังซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และที่สำคัญกว่านั้นยังต่ออายุขัยให้เขา ทำให้ตอนนี้หวังเป่าเล่อสามารถใช้คำสาปวิญญาณเพลิงระดับที่สองได้แล้ว ใช้อายุที่ยืนยาวแลกกับคำสาปที่รุนแรงขึ้น!

ขณะที่พลังการต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของหวังเป่าเล่อค่อยๆ กลับมาเป็นดังเดิม หากแต่เขาที่ตื่นขึ้นมานั้น แม้จะจำชื่อของตนได้หรือแม้จะรู้ว่าชีวิตของฮุยซานเป็นเพียงชีวิตในชาติก่อนของตน ทว่าร่างของหญิงสาวในความทรงจำผู้นั้นกลับไม่อาจเลือนหายไป

โดยเฉพาะ…หน้ากากนั่น

“แม่นางน้อย ใช่เจ้าหรือไม่…” หวังเป่าเล่อ พึมพำเบาๆ ก้มศีรษะลง หยิบหน้ากากของแม่นางน้อยออกมาจากอก ก่อนจะวางไว้บนฝ่ามือและจ้องมองมันอย่างเงียบงัน

………………………