เหนือแดนมารบึงน้ำที่เต็มไปด้วยดินเลนที่ทับถมกันจนเน่าเปื่อยในแดนมาร ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นในรูสีดำ ลำแสงสีทองดวงหนึ่งพุ่งออกมา ลำแสงหม่นแสงลงเงาร่างคนสองสามปรากฏขึ้นใต้รูยักษ์

นั่นก็คือหานลี่และพวกทั้งสามคนที่เข้าไปในแดนมารอีกครั้ง

หานลี่กวาดสายตามองรอบๆ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย รอบด้านว่างเปล่าคาดไม่ถึงว่าจะไม่มีเงาร่างคนแม้แต่คนเดียว

หลังจากที่เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก็แผ่จิตสัมผัสออกไปโดยไม่ปริปาก ห่อหุ้มไปรอบด้าน

ผลคือพบในทันใดว่าริมบึงน้ำมีสิ่งปลูกสร้างที่ทำจากหินขนาดใหญ่

สูงต่ำไม่เท่ากัน มีมากถึงสองสามร้อยหลัง และยิ่งไปกว่านั้นด้านนอกยังมีเขตอาคมป้องกันอยู่สองสามเขต

แต่ยามนี้เขตอาคมเปิดออก ไม่เห็นเขตอาคมเลยสักนิด หลังจากที่กวาดจิตสัมผัสไปในสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้น ด้านในกลับวุ่นวาย ไม่เห็นเงาร่างเผ่ามารเช่นกัน

“ไปกันเถิด พวกเราไปหาเมืองเผ่ามารที่ใกล้ที่สุด แล้วสืบให้รู้ว่าที่นี่คือที่ใดในแดนมารแล้วค่อยว่ากัน” หานลี่ตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่หลังจากที่ขบคิดอย่างรวดเร็ว ก็ตัดสินใจ

ไม่เหมือนกับที่เข้ามาในแดนมารครั้งที่แล้ว จากพลังยุทธ์ระดับมหายานของเขาในยามนี้ ประกอบกับสหายเซี่ยคอยช่วยเหลือ ต่อให้เผชิญหน้ากับหนึ่งในสามบรรพชนแรกเริ่มก็ไม่หวาดกลัวเลยสักนิด

ทั้งสามกลายเป็นลำแสงหลีกหนี ทั้งสามคนบินตรงไปยังด้านนอกของบึงน้ำ

บินไปทางทิศตะวันตกไม่ถึงครึ่งวัน หานลี่ก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ลำแสงหลีกหนีหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ

นักพรตเซี่ยมองไปยังจุดที่ไกลออกไปพร้อมกับแววตาที่เปล่งประกายสว่างวาบ หยุดลงเช่นกัน

อิ๋นเย่ว์เห็นท้องฟ้าด้านหน้าว่างเปล่า กลับอดที่จะรู้สึกงุนงงไม่ได้ แล้วทนไม่ไหวเอ่ยถามขึ้นว่า

“พี่หาน เกิดเรื่องอันใดขึ้น หรือว่าเจ้าและพี่เซี่ยพบอันใดเข้า”

“อืม ด้านหน้ามีอันใดกำลังมา” หานลี่ตอบกลับอย่างราบเรียบ สีหน้าเยือกเย็นดังเก่า

อิ๋นเย่ว์ได้ยินพลันตกตะลึง แววตาคู่งามกลอกไปมา แล้วรีบมองไปยังจุดที่ไกลออกไป

ผลคือหลังจากผ่านไปชั่วครู่ ขอบฟ้าพลันมีเสียงวิหคประหลาดๆ ดังขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นยังดีขึ้นเรื่อยๆ ใกล้พวกเขาเข้ามาเรื่อยๆ

อิ๋นเย่ว์อดที่จะเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาไม่ได้

แต่หานลี่และนักพรตเซี่ยกลับนิ่งงันอยู่ที่เดิม ไม่เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเลยสักนิด

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ขอบฟ้าก็มีลำแสงสว่างวาบ ลำแสงหลีกหนีสองสามสายปรากฏขึ้นตามลำดับ และพุ่งมาหาหานลี่อย่างบ้าคลั่ง

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเผ่ามารระดับสูงต่ำคละกันไปสองสามร้อยตน อสูรมารกำลังกระโจนมาอย่างสุดชีวิต ราวกับว่าด้านหลังมีสิ่งที่น่ากลัวมากกำลังไล่ตามมาก็ไม่ปาน

อิ๋นเย่ว์กะพริบตาคู่งามในใจพลันคิดว่าสิ่งใดกันแน่ที่กำลังไล่ตามเผ่ามารและอสูรมารเหล่านี้ ขอบฟ้ามีเสียงดังขึ้น เมฆสีดำเทาผืนใหญ่ปรากฏขึ้นตามมาติดๆ และไล่ตามลำแสงหลีกหนีเหล่านี้มาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

อิ๋นเย่ว์รีบรวบรวมพลังปราณไปที่ดวงตาทั้งสองข้าง พลางพิจารณาเมฆสีเทาผืนนั้นอย่างละเอียด ผลคือครู่ต่อมาก็ทำให้นางที่มีพลังยุทธ์ระดับผสานอินทรีย์หน้าซีดขาว

เมฆสีดำเทาคือสิ่งที่ก่อตัวมาจากแมลงประหลาดรูปทรงแปลกประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วน

แมลงประหลาดตัวที่เล็กที่สุดมีขนาดแค่กำปั้น ตัวที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดเท่าคน บ้างก็มีหนามทั่วเรือนกาย บ้างก็มีเขี้ยวเต็มปาก ทุกตัวล้วนมีหน้าตาโหดเหี้ยม มากกว่าแมลงมารธรรมดา

ส่วนไอมารที่หมุนวนอยู่ตรงกลางเมฆสีดำ มีแมลงประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนจนไม่รู้ว่ามีกี่ตัว

เมฆแมลงที่น่ากลัวนี้ประกอบกับรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวของแมลงประหลาด มิน่าล่ะอิ๋นเย่ว์ถึงได้หน้าเปลี่ยนสี

เห็นได้ชัดว่าความเร็วของแมลงประหลาดในเมฆแมลงไม่เหมือนกัน แมลงประหลาดที่ตัวใหญ่หน่อย ความเร็วเหนือกว่าแมลงประหลาดตัวอื่นๆ ยามนั้นเผ่ามารอสูรมารที่อยู่ด้านหลังก็ถูกแมลงประหลาดตัวใหญ่ไล่ตามอยู่ด้านหลัง และพัวพันไม่หยุด

อสูรมารเผ่ามารเหล่านั้นพลันรู้สึกจนปัญญา ทำได้เพียงเดี๋ยวสู้เดี๋ยวหนี ยามนั้นอสูรพลันส่งเสียงร้องคำรามขึ้น เสียงร้องรวมทั้งเสียงกรีดร้องระเบิดขึ้นกลางอากาศ

แต่อสูรมารเผ่ามารเหล่านั้นแค่ลดความเร็วลงเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นพลันถูกแมลงประหลาดตัวอื่นที่อยู่ด้านหลังไล่ตามทัน และถูกเมฆแมลงสีเทากลืนกินเข้าไปข้างใน

หลังจากเสียงกรีดร้องดังขึ้น ไม่ว่าอสูรมารที่อ้าปากแยกเขี้ยวตะปบเล็บ หรือว่าเผ่ามารที่กำลังกระตุ้นอาวุธมารป้องกันสุดชีวิต ชั่วพริบตาก็กลายเป็นฟองคลื่นแล้วหายวับไปจากทะเลแมลง

หานลี่เห็นทุกอย่างในที่สุดก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ฉับพลันนั้นก็หันหน้าไปเอ่ยถามนักพรตเซี่ย

“พี่เซี่ย เจ้าคิดว่าแมลงเหล่านี้เทียบกับแมลงมารตนอื่นๆ ในแดนมารมีอันใดแตกต่างกัน?”

“กลิ่นอายไม่เหมือนกัน ไอมารที่แฝงอยู่ไม่ค่อยบริสุทธิ์ ดูเหมือนจะเป็นแมลงมารที่ไม่ได้ถือกำเนิดในแดนมาร” นักพรตเซี่ยกวาดตามองเมฆแมลงแวบหนึ่ง ก็ตอบกลับอย่างทื่อๆ

“เป็นเช่นนี้ดังคาด! ดูแล้วแมลงประหลาดเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับมารดาของแมลงพิษนั่น” หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งขณะเอ่ย

“มารดาของแมลงพิษ ก็คือสิ่งที่สร้างหายนะในแดนมาร บีบให้ท่านปู่และท่านอาวุโสมั่วจำใจต้องเข้ามาในแดนมาร!” อิ๋นเย่ว์ได้ยินคำนี้ก็สูดลมหายใจด้วยความตกตะลึง

“ใช่แล้ว ข้าหมายถึงมารดามารตัวนั้น!” หานลี่หัวเราะอย่างขมขื่นออกมาขณะเอ่ย

“แมลงประหลาดเหล่านี้อาจจะเกี่ยวข้องกับมารดาแมลงพิษ มาปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ในแดนมาร หรือว่ามารดาแมลงหลุดออกมาแล้ว” อิ๋นเย่ว์เอ่ยด้วยสีหน้าดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง

“นั่นก็ไม่แน่ บางทีอาจจะเป็นแค่ลูกหลานของมารดาแมลงที่แอบหนีออกมาจากผนึกเท่านั้น” หานลี่ครุ่นคิดกลับศีรษะขณะเอ่ย

อิ๋นเย่ว์ได้ยินก็คิดจะซักถามอันใดต่อ แต่พอล่าช้าไกลออกไปพลันมีลำแสงหลีกหนีร้อยสายปรากฏขึ้น กว่าครึ่งล้วนถูกเมฆแมลงสีเทากลืนกินไปจนเกลี้ยง เหลือเพียงสิบกว่าตัวที่ยังคงพยายามพุ่งมาอยู่ตรงหน้าทั้งสามคน

ในลำแสงหลีกหนีล้วนเป็นเผ่ามารระดับสูงที่มีพลังปราณไม่อ่อนแอ ทุกคนล้วนมีท่าทีจนตรอก ท่าทางหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนหานลี่ก็มองเห็นหน้าตาของเผ่ามารสองสามคนที่อยู่หน้าสุดได้ด้วยตาเนื้อ

เผ่ามารเหล่านั้นเห็นหานลี่และพวกทั้งสามหยุดอยู่กลางอากาศนิ่ง ท่าทางเหมือนมองไม่เห็นเมฆแมลงที่อยู่ไกลออกไป ก็มีสีหน้าตกตะลึง

หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวเผ่ามารอายุยี่สิบปีเศษ กลับร้องแหวมาทางหานลี่และพวกอย่างไม่ต้องขบคิด

“พวกเจ้ายืนทำอันใดอยู่ ฝูงแมลงพิษมาแล้ว ยังไม่รีบหนีเอาชีวิตรอดอีก”

สิ้นเสียงลำแสงหลีกหนีเหล่านั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบแฉลบผ่านข้างกายหานลี่และพวกทั้งสามไปตามลำดับ พลางพุ่งไปยังจุดที่ไกลออกไปอย่างไม่ต้องคิดมาก

หานลี่เห็นเช่นนั้นก็ฉีกยิ้มน้อยๆ ออกมา หลังจากที่กวาดตามองเมฆแมลงที่ไกลออกไปแวบหนึ่ง ฉับพลันนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ

เสียงร้องดังขึ้น!

ชั่วขณะนั้นภูเขาขนาดจิ๋วสามลูกก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า หลังจากนั้นพลันพลิ้วไหว ลำแสงขนาดหมื่นจั้งกลายเป็นสูงหมื่นจั้ง และหมุนวนบินลงมาพลางพุ่งไปหาเมฆแมลงฝั่งตรงข้าม

แทบจะในเวลาเดียวกันเมฆแมลงสีเทาก็ทะลักออกมา ล้อมยอดเขายักษ์สามลูกไว้แน่นหนา

หานลี่เลิกคิ้ว นิ้วหนึ่งชี้ไปกลางอากาศ

ยอดเขาสามลูกมีเสียงอึกทึกดังขึ้น แล้วหมุนติ้วๆ

ชั่วขณะนั้นบนยอดเขาสีดำพลันมีรัศมีลำแสงสีเทาม้วนวนออกมา

ทุกแห่งที่รัศมีลำแสงกวาดผ่านไป แมลงประหลาดสีเทาเหล่านั้นพลันเลือนรางแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ยอดเขาสีเขียวมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น พ่นไอกระบี่ไร้รูปร่างจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา!

ร่างของแมลงประหลาดที่อยู่ทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านสั่นเทา ทยอยกันถูกสับจนเป็นชิ้นๆ โลหิตสีเขียวซาดทั่วทั้งท้องฟ้า

ยอดเขามีเปลวเพลิงลำแสงห้าสีม้วนวน ผิวเปล่งแสงเจิดจ้า รัศมีลำแสงห้าสีขยายใหญ่ขึ้น ชั่วพริบตาที่แมลงประหลาดที่สัมผัสกับรัศมีลำแสงส่งเสียงกรีดร้องออกมาแล้วถูกบีบจนเป็นน้ำจิ้มเนื้อ คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจต้านทานได้

ชั่วพริบตากลางทะเลแมลงสีเทาขนาดใหญ่ ก็มียอดเขาสามลูกอยู่ใจกลาง และมีรูยักษ์เพิ่มขึ้นมาสามรู

ไม่ว่าแมลงประหลาดจำนวนเท่าไหร่ที่พยายามเข้ามา ก็จะถูกยอดเขายักษ์สามลูกกลืนกินไปจนเกลี้ยง

ทว่าช่วงเวลานี้เมฆแมลงสีเทาก็เปลี่ยนเป็นเบาบาง

แมลงประหลาดสีเทาที่หลงเหลืออยู่เห็นท่าไม่ดี แมลงยักษ์สองหัวตัวหนึ่งก็ส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงออกมา

แมลงประหลาดทั้งหมดหันหัว คาดไม่ถึงว่าจะบินไป

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้กลับดวงตาเปล่งประกาย นิ้วชี้ไปที่ยอดเขายักษ์สีดำที่อยู่ไกลออกไป

ชั่วขณะนั้นยอดเขาสีดำก็พลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าเลือนรางหายไปจากรัศมีลำแสงสีเทา

ครู่ต่อมาเหนือศีรษะของแมลงยักษ์สองหัวตัวนั้นก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ยอดเขายักษ์สีดำไม่มีเค้าลางเลยสักนิด เปล่งแสงสว่างวาบ ตรงตีนเขามีรัศมีลำแสงสีเทาม้วนวนออกมา

แมลงยักษ์ตัวนั้นแค่ส่งเสียงร้องคร่ำครวญ แล้วเปล่งแสงสีเทาสว่างวาบพลางหายวับไปราวกับแมลงประหลาดตนอื่นๆ

ยามนี้แมลงประหลาดที่หลงเหลืออยู่ตนอื่นๆ ก็หนีไปอย่างรวดเร็ว แต่พอไปอยู่จุดที่ไกลออกไปพลันแตกฮือออกทยอยกันหายไปจากทัศนวิสัย

หานลี่ดูเหมือนจะไม่มีเจตนาจะไหล่สังหารแมลงประหลาดที่เหลือต่อ แค่กวักไปยังจุดที่ไกลออกไปอย่างราบเรียบ

ยอดเขาสามลูกส่งเสียงร้องออกมา ขนาดหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จนมีขนาดสองสามฉื่ออีกครั้ง และเลือนรางไปทยอยกันหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ครู่ต่อมาแขนเสื้อของหานลี่ข้างหนึ่งก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ยอดเขาขนาดจิ๋วสูงสองสามลูกปรากฏขึ้น เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป

ตั้งแต่ที่หานลี่ลงมือปล่อยยอดเขาสามลูกไปจนถึงไปที่สังหารแมลงประหลาดไปกว่าครึ่ง แล้วเก็บสมบัติกลับไปนั้น เกิดขึ้นแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น

หญิงสาวเผ่ามารคนนั้นที่เดิมกำลังหนีอย่างสุดชีวิตกวาดสายตากลับมาโดยบังเอิญ ชั่วขณะนั้นพลันตกตะลึงลำแสงหลีกหนีสั่นเทา ร่างทั้งร่างเกือบจะร่วงลงมาจากกลางอากาศ

“จะเป็นไปได้ๆ อย่างไร!” หญิงสาวเผ่ามารหน้าตางดงามคนหนึ่งส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงออกมา

เผ่ามารคนอื่นๆ ที่กำลังหนีเห็นหญิงสาวมีท่าทีเช่นนั้นก็ตกตะลึง อดที่จะทยอยกันมองไปด้านหลังไม่ได้ แล้วพลันตกตะลึงจนหน้าถอดสีเช่นกัน

เมฆแมลงอันน่ากลัวที่เดิมทำให้เขาเห็นแล้วหนีไปไกล คาดไม่ถึงว่าจะหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ลำแสงหลีกหนีของพวกเขาผ่อนกำลังลง อดที่จะทยอยกันหยุดลำแสงหลีกหนีไม่ได้ และใช้สายตางุนงงมองไปทางหานลี่และพวกทั้งสาม

ไม่ว่าผู้ใดก็รู้ดีว่าการที่จู่ๆ เมฆแมลงก็หายไป จะต้องเกี่ยวข้องกับทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้า

หญิงสาวเผ่ามารอายุยี่สิบปีเศษเป็นผู้ที่ได้สติกลับมาเร็วที่สุด เมื่อหยุดหนีอยู่กลางอากาศ ก็มองไปที่หานลี่และพวกทั้งสามแวบหนึ่ง อดที่จะมีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสไม่ได้ พลางขบคิดว่าจะไปหรือไม่

และในยามนั้นเองข้างหูของเผ่ามารเหล่านี้ก็มีเสียงพูดของหานลี่ดังขึ้น

“สหายทุกท่านเข้ามาสิ ข้ามีเรื่องจะสอบถามพวกเจ้า”

หญิงสาวเผ่ามารพลันใจหายวาบ หลังจากลังเลเล็กน้อยก็บินไปอย่างเชื่อฟัง

เผ่ามารคนอื่นๆ ก็ซุบซิบกัน และบินกลับมาอย่างไม่กล้าขัดขืน

จากอิทธิฤทธิ์ที่สามารถทำลายเมฆแมลงได้อย่างง่ายดาย พวกเขาย่อมไม่มีทางหาเรื่องอย่างไม่รู้จักวางตัวแน่