บทที่ 632 กำไรร้านค้า

ตอนนี้ไห่หนานไม่ได้มีแหล่งท่องเที่ยวดี ๆ อะไรมากนัก ต่อให้เป็นอีก 3 ปีหลังจากนี้ก็ตาม ซึ่งที่จริงแล้วการท่องเที่ยวของที่นี่ไม่ได้เติบโตมากนัก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักท่องเที่ยวแบบหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋เลย ยากมากที่จะพบเห็น

ท่าเรือที่พวกเขาเพิ่งลงมาแม้ว่าจะมีคนไม่น้อย แต่ที่จริงแล้วคนนอกพื้นที่กลับมีไม่มาก

ดังนั้นหลินหยวนจึงพาพวกเขามาที่ศูนย์กลางจุดชมวิวของไห่หนาน

อาคารพาณิชย์ถูกสร้างขึ้นแล้ว แต่ปีนี้ไห่หนานเพิ่งจะแยกออกมาจากมณฑลกวางตุ้ง กลายมาเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ การพัฒนายังไม่ได้เข้าสู่ช่วงที่รวดเร็วที่สุด

โดยภาพรวมแล้วถือว่ายังค่อนข้างยากจนอยู่

แต่บ้าน 1,000 กว่าหยวนต่อ 1 ตารางเมตรนี้ คนที่สามารถซื้อได้จริง ๆ มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นหรอก

หลังจากเช่ารถยนต์คันหนึ่ง พวกเขาก็ขับไปได้หลายสถานที่ สุดท้ายมาอยู่ที่จุดศูนย์กลางของเมือง หลินชิงเหอเกือบอดใจไม่ไหวและลงมือซื้อบ้านพักเอาไว้สักหลัง แต่สุดท้ายก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้

พวกเขาออกมาเที่ยวไป 2-3 วัน ซึ่งหลินหยวนไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทางเองเลยสักนิดเดียว ถือว่าเหมือนมาเที่ยวเป็นเพื่อนพวกเขา

รอจนเที่ยวเสร็จหลินชิงเหอก็ส่งเงิน 100 หยวนให้เขา และพูดขึ้น “ยังไงฉันก็ควรต้องให้เธอจ๊ะ ไม่ต้องปฏิเสธฉันหรอกนะ พรุ่งนี้พวกเราก็น่าจะกลับไปแล้ว ฉันจะทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ ถ้าที่นี่มีการเคลื่อนไหวอะไรใหญ่ ๆ เธอก็โทรมาหาฉันตามเบอร์นี้นะ”

“ไม่มีปัญหาครับ!” หลินหยวนพูดอย่างกระตือรือร้น

2-3 วันมานี้ที่เขาได้ท่องเที่ยวด้วยกัน มันก็ทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย เพราะอย่านึกว่าเขาเป็นคนที่โตในพื้นที่แล้วจะรู้เรื่องทั้งหมด ยังมีอีกหลายสถานที่ที่เขาเพียงแค่เคยได้ยินแต่ไม่เคยไปมาก่อนอีกมาก ครั้งนี้ถือว่าเขาได้ประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน

อีกทั้งเขาก็ไม่ต้องเงินออกค่ารถค่าข้าวเองด้วย แถมยังได้มาอีก 100 หยวน วันหยุด 7 วันนี้ของเขาถือว่าได้กำไรกลับมาแล้ว

หลินชิงเหอหยิบนามบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า พอเห็นเบอร์โทรศัพท์ หลินหยวนก็พูดอย่างตกใจ “นี่มันเบอร์จากปักกิ่งนี่ครับ? พี่ชายกับพี่สะใภ้เป็นคนปักกิ่งเหรอ?”

“จ๊ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

เรื่องอื่นเธอไม่พูดให้มากความแล้ว ตัวตนของสองสามีภรรยาคู่นี้ในใจของหลินหยวนค่อย ๆ เลื่อนระดับขึ้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงใจกว้างขนาดนี้ ที่แท้พวกเขาเป็นคนจากเมืองหลวงนี่เอง!

“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้ผมจะรับไว้เอง หากที่นี่มีนโยบายอะไรใหม่ ๆ ผมจะโทรศัพท์บอกพี่ชายกับพี่สะใภ้เอง” หลินหยวนพูด

เขาคิดว่าถ้ามีโอกาสเหมาะสมล่ะก็ สองท่านนี้จะต้องเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเขาอย่างแน่นอน และจากยอดขายของเขาก็จะทำให้เงินเดือนขึ้น ยิ่งขายไปเยอะยอดคอมมิชชันเขาก็จะยิ่งเยอะตามไปด้วย

2-3 วันมานี้ หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ได้พาลูกสาวมาเปิดหูเปิดตาที่ไห่หนาน ซึ่งโดยภาพรวมไม่ได้มีสถานที่สวยงามอะไรนัก แต่อาคารพาณิชย์ที่นี่เป็นเอกลักษณ์มาก

เพราะว่าที่ปักกิ่งในตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มสร้างอาคารพาณิชย์สำหรับประชาชนแบบนี้เลย

ที่จริงนั้นอาคารพาณิชย์แบบนี้มีมานานแล้ว เพียงทั้งหมดถูกจัดสรรให้คนภายในองค์กรเหล่านั้น ยังไม่มีที่นำออกมาขายให้คนภายนอก ส่วนบ้านพักสวัสดิการพวกนั้นก็จนปัญญาที่จะซื้อขายเช่นกัน

แต่นอกจากอาคารพาณิชย์แล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรดี ๆ ให้พูดถึงนัก ยังไม่ถึงช่วงที่เจริญจริง ๆ นั่นเลย

แม้ว่าจะไม่ได้รับดอกผลอะไร แต่หลังจากได้ไปดูมาแล้ว หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็มีแผนอยู่ในใจ ที่นี่จะต้องมีเหตุการณ์พลิกผันให้ทำกำไรได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้มันยังมาไม่ถึง

ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ ก่อนอื่นกลับไปซื้อที่ดินตรงนั้นให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

สองสามีภรรยาไม่ได้อยู่นาน เช้าวันถัดมาพวกเขาก็พามี่มี่มากินข้าวให้อิ่มก่อน แล้วก็กลับบ้านกันแล้ว

แน่นอนว่าหลินชิงเหอก็ได้สินค้าท้องถิ่นกลับมาขายเก็งกำไรไม่น้อย อย่างเช่นลูกอมมะพร้าว พุดดิ้งนมมะพร้าว ผงมะพร้าวพร้อมดื่มเหล่านี้

เมื่อนั่งเรือกลับมายังมณฑลกวางตุ้ง พวกเขาก็ไม่ได้รีบร้อนนั่งรถไฟกลับไปในทันที แต่เดินเล่นในสถานที่ต่าง ๆ ในมณฑลกวางตุ้งเป็นจำนวนไม่น้อยรอบหนึ่ง

ไม่แปลใจเลยว่าทำไมมณฑลกวางตุ้งถึงขึ้นชื่อเรื่องของกิน แม้ว่าจะเป็นยุคสมัยนี้แต่อาหารรสเลิศก็ยังมีไม่ขาด โดยเฉพาะซุปตุ๋นต่าง ๆ หลินชิงเหอคิดว่าตัวเองน่าจะลองเรียนรู้สักนิดดูหน่อย

เดิมทีพวกเขาเพียงแค่จะอยู่ไม่กี่วัน แต่ก็ถูกของอร่อยรั้งตัวเอาไว้ อย่างเช่นน้ำชายามเช้า น้ำชายามบ่าย น้ำชายามค่ำ[1] เหล่านี้อร่อยมากจริง ๆ

พวกเขาอยู่นานกว่าครึ่งเดือน

เพราะว่าอยู่นานแล้ว สาวน้อยมี่มี่จึงสามารถพูดภาษากวางตุ้งของเมืองกวางโจวได้โดยเรียนรู้จากคนอื่น ซึ่งเดิมทีเด็กเล็กก็มีพัฒนาการทางด้านภาษาดีอยู่แล้ว

พ่อของเธออยู่นานขนาดนี้ยังพูดไม่ได้เลย แต่เธอกลับสามารถเลียนแบบได้เพียงแค่เคยได้ยินไม่กี่ครั้ง หลินชิงเหอเดาว่าถ้าให้เธออยู่อีกครึ่งปี แล้วพอกลับไปก็พูดภาษากวางตุ้งอย่างคล่องแคล่วขึ้นมา คนอื่นคงจะสงสัยแน่ว่าเธอเป็นคนที่ไหน

พวกเขาทั้งสามทั้งกินเที่ยวอย่างมีความสุขแล้วจึงค่อยนั่งรถไฟกลับกัน

และวันนี้เจ้าสามโจวกุยหลายก็เตรียมตัวจะกลับปักกิ่งแล้วเช่นกัน

วันเวลาที่ใช้ไปเขาได้อบรมพนักงานทั้งหมด 9 คน โดยทั้งหมดนี้เขาเปิดร้านไปถึง 3 ร้าน ทุกร้านจะมีคนดูแลร้านละ 3 คน

และเจียงเหิงก็เป็นผู้จัดการร้านทั้งสามร้านนี้

รองจากผู้จัดการร้านก็เป็นรองผู้ช่วยผู้จัดการ รองผู้ช่วยผู้จัดการลงมาก็เป็นหัวหน้าพนักงาน และสุดท้ายก็คือพนักงาน

ตอนนี้ยังไม่มีรองผู้ช่วยผู้จัดการ ทั้งสามร้านมีเพียงผู้จัดการร้านเพียงคนเดียว นอกนั้นก็มีหัวหน้าพนักงานอีก 3 คน

โจวกุยหลายมอบหมายงานดูแลร้านให้เจียงเหิงแล้ว อีกทั้งยังมีเงื่อนไขว่าภายในปีนี้ จะต้องเปิดร้านชาที่เหลืออีก 10 ร้านทั้งหมดนี้ให้ได้

แต่เขาจำเป็นต้องมีกำลังคนก่อน ซึ่งทั้งหมดนี้เขาต้องเป็นคนไปจัดการ

กำไรร้านในแต่ละเดือนก็มีเงื่อนไขด้วยเช่นเดียวกัน ทุกเดือนโจวกุยหลายจะมาตรวจสอบเดือนละ 1 ครั้ง อะไรที่ควรพูดก็พูดไว้หมดแล้ว ที่เหลือโจวกุยหลายก็ไม่ต้องสนใจอีก

เขาให้เงินค่าตำแหน่งกับเจียงเหิงสูงมาก ก็เพื่อให้อีกฝ่ายแบ่งเบาภาระเขา เขาจะได้ไม่ต้องกังวลกับทุกเรื่อง

ด้วยเหตุนี้เขาจึงมาลาผู้เฒ่าเจียง และยังเอาของฝากจากเซี่ยงไฮ้ที่คุณน้าเซวียเหม่ยลี่จัดใส่กระเป๋าให้กลับมายังปักกิ่ง

หลังจากที่เขากลับมา เขาก็เพิ่งรู้ว่าพ่อแม่และน้องสาวของเขายังไม่กลับมาเลย

ตอนมากินข้าวที่บ้านคุณปู่คุณย่า เขาก็ได้ยินปู่กับย่าเขาพูดให้ฟังแล้ว

“เมื่อวานซืนอาเล็กของเธอมาบอกย่าว่าพ่อกับแม่เธอจะกลับมาจากมณฑลกวางตุ้งแล้ว เดาว่าน่าจะอีก 2-3 วันแหละจ๊ะ ไม่ได้เร็วถึงขนาดนั้น” ท่านแม่โจวพูด

“พวกเขาน่าจะไปอยู่ที่นั่นจนไม่อยากกลับมาล่ะมั้งครับ ทางนั่นของกินเยอะเชียวล่ะ” โจวกุยหลายพูด

เขาก็เคยพาคุณปู่กับคุณปู่บุญธรรมของเขาไปที่มณฑลกวางตุ้งเช่นกัน ดังนั้นจึงเข้าใจดี ไม่ต้องพูดว่ามันชุ่มชื้นขนาดไหน ก็เล่นฝนตกสองในสามวันเสียขนาดนั้น ซึ่งในจุดนี้เขาไม่ค่อยชอบเท่าไร

“กิจการที่เซี่ยงไฮ้เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ” ท่านแม่โจวถามอย่างเป็นห่วง

“ไม่มีปัญหาครับ ผมจ้างพี่ชายข้าง ๆ ของเจียงเกิงคนหนึ่ง เรื่องงานพวกนั้นเขาไม่ขาดตกบกพร่องเลยครับ ผมไปตรวจการทำงานหนึ่งครั้งต่อเดือนก็พอ เรื่องอย่างอื่นผมไม่ต้องค่อยดูแลอะไรมาก” โจวกุยหลายพูด

“งั้นก็ดี ย่าก็กลัวว่าเงินจะหาย” ท่านแม่โจวพูด

โจวกุยหลายไม่กล้าบอกนางว่าตอนนี้ร้านเพิ่งเปิดใหม่ ยังไม่ได้เริ่มกิจการอะไรจริง ๆ แต่ว่าของจำพวกใบชานั้นสามารถเก็บเอาไว้ได้นาน จึงไม่ต้องกังวลใจนัก

และในขณะเดียวกันเขาก็ได้ตกลงเงินเดือนแก่เจียงเหิง ทั้งยังหลอกล่อเขาโดยตั้งกำไรเอาไว้ ว่าถ้าเขาสามารถทำถึงได้ล่ะก็ เขาจะให้รางวัลเสริมให้อีก 20 หยวน 40 หยวน 80 หยวน

ถ้าเขานับยอดเกินจากกำไรนั้นที่เขาตั้งเอาไว้ได้ล่ะก็ ฐานเงินเดือนในผู้จัดการร้าน 180 หยวนนี้ บวกกับค่าต่างเหล่านี้ เงินเดือนตำแหน่งนี้ก็จะเป็นเงินเดือนที่สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศได้เลย

……………………………………………………………………………………………………………………………..

[1] 早茶午茶夜茶 ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่การดื่มชาอย่างเดียว ยังมีอาหารจำพวกติ่มซำที่พบเห็นได้ในบ้านเรา แต่น้ำชายามเช้านี้ไม่มีขายทั่วไปตามท้องถนน แต่จะขายในภัตตาคารรสชาติอร่อยแต่ราคาค่อนข้างสูง ที่เรียกว่าน้ำชายามเช้า บ่าย ค่ำ เพราะว่าแบ่งตามช่วงเวลานั้น ๆ

ลูกอมมะพร้าว

พุดดิ้งนมมะพร้าว

สารจากผู้แปล

กวางตุ้งคือดินแดนแห่งอาหาร ระวังกลับไปปักกิ่งแล้วอ้วนจนคนที่บ้านจำไม่ได้กันนะคะ

เจ้าสามสมกับเป็นนักธุรกิจจริง ๆ ค่ะ

ปล. เห็นสูตรทำพุดดิ้งนมใส่มะพร้าวแล้ว รู้สึกอยากลองทำดูแฮะ

ไหหม่า(海馬)