ตอนที่ 637 แบ่งผลประโยชน์ (1) โดย Ink Stone_Fantasy
“คุณจู้ คุณสามารถเอาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสนามมวยของประเทศไทยได้ทุกเมื่อ แต่ก่อนที่จะเอาไป ผมมีเรื่องจะปรึกษาคุณหน่อย ตอนนี้คุณว่างมั้ย?”
ไม่ว่าจะเป็นสมัยก่อนหรือสมัยปัจจุบัน ใคร ๆ ก็เชิดชูผู้ที่แข็งแกร่งกว่า แต่คุณฟรุสในเวลานี้ไม่มีท่าทีกินบนเรือนขี้บนหลังคาเหมือนตอนแรกแล้ว ส่วนวาจาของเขาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนน้อมผิดปกติ
“ตอนนี้เหรอ? ดึกเกินไปหรือเปล่า?” จู้เหวยเฟิงอึ้งไปสักครู่ เขาไม่รู้ว่าคุณฟรุสมีเรื่องอะไร ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองมีเพียงการพนันนี้เท่านั้น
“ไม่……ไม่ ตอนนี้บนเรือสำราญควีนอลิซาเบธ เป็นเพียงการเริ่มต้นของวันนี้เท่านั้น!”
ฟรุสส่ายหัวพูดว่า “ขอเชิญคุณเยี่ยและคุณต่งมาด้วยกันเลย ผมมีไวน์ ลาฟีตต์ ปี1892 อยู่ขวดนึง เป็นหนึ่งในยี่ห้อไวน์แดงที่มีประวัติยาวนานที่สุดในโลก ขอเชิญทุกท่านร่วมชิมด้วยกัน”
“เยี่ยเทียน?”
จู้เหวยเฟิงมองดูข้างๆ และพูดอย่างแปลก ๆ ว่า “เอ๋ เมื่อกี้เขายังอยู่กับคุณไห่ตรงนี้เลย เผลอแป๊ปเดียวหายไปไหนแล้วล่ะ?”
คลีเมตสันเห็นเยี่ยเทียนและอีกสองคนเดินไปทางไหน จึงเอ่ยปากพูดว่า “คุณจู้ คุณเยี่ยกับคุณต่งเดินไปทางเดินนักชกแล้ว น่าจะไปเยี่ยมอันเดรวิช”
จู้เหวยเฟิงนึกคิดสักครู่และพูดว่า “คุณฟรุส แบบนี้ดีกว่า รออีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวคุณไปห้องพวกเรา”
ที่จริงในใจของจู้เหวยเฟิงเข้าใจจุดประสงค์ที่คุณฟรุสอยากพบเขา ก็คงไม่พ้นเรื่องสนามมวยใต้ดินที่ประเทศไทย
ก่อนที่จู้เหวยเฟิงจะชนะการแข่งขันรอบนี้เขาไม่คิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้คงต้องคิดแล้วล่ะ เพราะว่าในวงการสนามมวยใต้ดินยังถือว่าเป็นมือใหม่ แม้แต่องค์กรมวยใต้ดินในจีนก็ยังทำได้ไม่ดีนัก แล้วนับประสาอะไรกับการเชื่อมสนามมวยใต้ดินขนาดใหญ่สองเวทีนี้ล่ะ
หลังจากลาคุณฟรุสและคนอื่น ๆ เสร็จ จู้เหวยเฟิงกลับไปยังห้องเก็บตัว และแน่นอนว่าเยี่ยเทียนกับต่งเซิงไห่ก็อยู่ที่นั่น
“เป็นยังไงบ้าง อันเดรวิช ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
ตัวของอันเดรวิชที่ใหญ่ดุจยักษ์ตอนนี้เริ่มกลับสู่สภาพปกติแล้ว แต่คนที่สูงถึง 2 เมตรเวลานั่งตรงโซฟาก็สามารถสร้างความกดดันให้กับผู้อื่นได้เช่นกัน ใบหน้าของเขาแสดงความเหน็ดเหนื่อยและสายตาที่ไร้จิตวิญญาณออกมา
“ดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ เขาต้องใช้เวลาพักพื้นประมาณ 1 อาทิตย์! ”
เยี่ยเทียนจับชีพจรให้อันเดรวิชเสร็จ สีหน้าแสดงความตกใจออกมา บางทีที่เป็นแบบนี้อาจจะเพราะเขาป้อนพลังลมปราณชีวิตดั้งเดิมเข้าสู่ร่างกายของอันเดรวิช ตัวของอันเดรวิชจึงไม่ได้รับอันตรายเท่าไหร่ ถึงแม้จะไม่สามารถขึ้นแข่งขันอีกได้ แต่ชีวิตประจำวันของเขาก็ไม่ได้รับผลกกระทบใด ๆ
หลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูด จู้เหวยเฟิงพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี คุณไห่ คุณเอาเลขที่บัญชีของอันเดรวิชให้ผม เดี๋ยวผมโอนเงิน 10 ล้านดอลล่าร์ให้เขา”
สิ่งที่เกิดขึ้นบนเรือสำราญควีนอลิซาเบธเกินความคาดหมายของจู้เหวยเฟิง แม้ว่าอันเดรวิชจะชนะได้อย่างราบคาบเพราะเยี่ยเทียน แต่จู้เหวยเฟิงก็อยากทำอะไรให้เขาบ้าง
“ถ้ารู้ว่าการกระตุ้นความสามารถที่ซ่อนเร้นไว้จะมีพลังต่อสู้ขนาดนี้ ผมคงให้อันเดรวิชแข่งกับแอนโทนี มาร์คัสแล้ว”
ต่งเซิงไห่พูดไม่ออกว่าตอนนี้รู้สึกยังไงเมื่อเห็นสภาพอ่อนโรยของอันเดรวิช เรื่องของจู้เหวยเฟิงจัดการเสร็จแล้ว แต่เรื่องของเขากับรูดอล์ฟยังไม่ได้เริ่ม และใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้เยี่ยเทียนจะเป็นยังไง?
“สบายใจเถอะ เยี่ยเทียนสามารถสั่งสอนฝรั่งให้คึกได้ขนาดนี้ แล้วตัวเขาล่ะ?”
จู้เหวยเฟิงรู้ว่าต่งเซิงไห่ตอนนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาและพูดว่า “คุณไห่ เมื่อกี้คุณฟรุสมาหาผม น่าจะอยากมาคุยเรื่องสนามมวยที่ประเทศไทย ผมไม่ค่อยรู้องค์กรมวยใต้ดินต่างประเทศเท่าไหร่ คุณต้องช่วยผมดูหน่อยนะ”
“ฟรุสน่าจะเสียดายมวยใต้ดินที่ประเทศไทย คงอยากจะเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับคุณเท่านั้น” ต่งเซิงไห่พยักหน้าและพูดว่า “ไป เดี๋ยวผมไปฟังกับคุณด้วย”
พูดตามตรง เงินพนันที่จู้เหวยเฟิงได้รับครั้งนี้ ต่งเซิงไห่รู้สึกอิจฉาอยู่ในใจเล็กน้อย เขาสู้มาตั้งหลายปีก็เป็นได้แค่ผู้บริหารมวยใต้ดินมอสโคกับต่างประเทศรอบ ๆ ส่วนองค์กรมวยใต้ดินก็อยู่แค่ระดับกลางถึงสูง
ส่วนจู้เหวยเฟิงที่เพิ่งเข้าร่วมสมาคมมวยใต้ดินระดับโลกครั้งแรก กลับเอาสนามมวยใต้ดินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเอเชียมาได้ เขาทำได้เพียงถอนหายใจให้กับหนุ่มผู้โชคดีคนนี้ และรู้สึกว่าเขาเก่งมากที่สามารถหาเยี่ยเทียนมาเป็นคนช่วยได้
“เยี่ยเทียน นายไปด้วยกันสิ” จู้เหวยเฟิงหันไปหาเยี่ยเทียน
“ผมไปทำไม?” เยี่ยเทียนส่ายหัวและพูดว่า “ผมไม่สนใจเรื่องพวกนี้ คุณกับเหล่าต่งก็พอแล้ว”
“อย่าสิ! นายเห็นฉันเป็นคนยังไง?”
จู้เหวยเฟิงหันไปจับแขนของเยี่ยเทียนเอาไว้และพูดว่า “ฉันพูดตั้งนานแล้ว ถ้าการแข่งขันรอบนี้ชนะ หุ้นส่วนสนามมวยในประเทศทั้งหมด ฉันจะโอนให้นาย สนามมวยในประเทศไทยและญี่ปุ่นก็เป็นของนายทั้งหมด ตอนนี้ฉันแค่ต่อสู้เพื่อสิทธิของนายเท่านั้น!”
จู้เหวยเฟิงเป็นนักธุรกิจ และเขาเป็นนักธุรกิจที่ฉลาดมาก หลังจากที่เข้าร่วมการแข่งขันมวยใต้ดินระดับโลกหลายวันนี้เสร็จ จู้เหวยเฟิงสัมผัสได้ว่าหากไม่มีการสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ประเทศจีนจะไม่มีสถานะใด ๆ ในองค์กรมวยใต้ดินระดับโลกเลย
จู้เหวยเฟิงเกิดในค่ายทหาร เขาชอบกีฬาที่เต็มไปด้วยการฆ่าและความตื่นเต้น เพื่อที่จะเชื่อมโยงมวยใต้ดินของจีนกับระดับโลกเข้าด้วยกัน เขากล้าทิ้งผลประโยชน์ทั้งหมดแม้จะเป็นการทำงานให้กับเยี่ยเทียนก็ตาม
“เป็นของผมทั้งหมด?”
เยี่ยเทียนอึ้งไปสักครู่ และรีบสะบัดมือทันที “ล้อเล่นหน่า ผมมีเวลาไปดูที่ไหนกัน หยุด ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่เช่นนั้นการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ผมจะไม่เข้าร่วมนะ เหล่าต่งคุณพาคนแซ่จู้ไปเช็คบิลเถอะ!”
จริง ๆ เยี่ยเทียนก็ชอบเงิน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาชอบความเดือดร้อนที่เกิดจากเงิน
เยี่ยเทียนรู้ดีว่าหากเขาปนเปื้อนกับสนามมวยใต้ดินพวกนี้ ในอนาคตเขาจะมีปัญหาไม่รู้จบแน่นอน ถึงเวลานั้นเขาไม่สามารถหลุดพ้นจากปัญหานี้ได้ ถ้าต้องเลือกแค่หนึ่งอย่างและทิ้งหนึ่งอย่าง เยี่ยเทียนยอมทิ้งความร่ำรวยที่น่าตกใจนี้ ดีกว่าต้องไปรับภาระปัญหาเหล่านั้น
“จะ……เป็นแบบนี้ได้ไงล่ะ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ต่งเซิงไห่ร้อนรนขึ้นมาทันทีทันใด วันนี้จู้เหวยเฟิงชนะอย่างราบคาบ และได้อำนาจการบริหารสนามมวยของประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยมาเต็มๆ แต่การแข่งขันของเขากับรูดอล์ฟยังไม่ได้เริ่ม ถ้าเยี่ยเทียนไม่สนใจขึ้นมา ต่งเซิงไห่ยอมกระโดดลงจากเรือสำราญควีนอลิซาเบธยังจะดีกว่า
“เยี่ยเทียน นี่นายทำให้ฉันอึดอัดใจนะ?”
จู้เหวยเฟิงไม่คิดว่าเยี่ยเทียนจะปฏิเสธเช่นนี้ มองจากหน้าแล้วน่าจะไม่ได้ล้อเล่น จนจู้เหวยเฟิงไม่รู้จะทำยังไงต่อ “เยี่ยเทียน สนามมวยแห่งนี้นายเป็นคนได้มา ตามหลักเหตุผลแล้วมันควรจะเป็นของนาย นายทำแบบนี้ฉันทำอะไรไม่ถูกเลยนะ!”
เยี่ยเทียนเม้มปากพูดว่า “อย่าพูดไร้สาระ จะทำยังไงก็เป็นเรื่องของคุณ ถ้าคุณรู้สึกผิดต่อผม เอาเงิน 1000 กว่าล้านให้ผมก็ได้ ผมไม่เอาอะไรมากมายหรอก!”
สิ่งที่เยี่ยเทียนฝึกฝนคือวิชาเต๋าที่สืบทอดต่อกันมา “สมบัติ” คำนี้เป็นคำที่สำคัญมาก เพราะตั้งแต่เขาปรับแก้ฮวงจุ้ยที่เกาะฮ่องกงเสร็จ กระเป๋าก็แฟบไปพอสมควร
แน่นอนว่าการแข่งขันรอบนี้ เงินลงทุนจำนวน 50 ล้านดอลล่าร์ที่เยี่ยเทียนลงทุนไป มันจะสร้างกำไรหลายร้อยล้านให้กับเขา แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายจากจู้เหวยเฟิง เยี่ยเทียนจึงพูดว่าจะเอาเงินด้วยความตั้งใจ
“นายจะเอาเงินอันนั้น?”
จู้เหวยเฟิงไม่คิดว่าเยี่ยเทียนจะขอเงื่อนไขนี้ เพราะว่าสนามมวยใต้ดินทั้งสองแห่งที่ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น สามารถผลิตเงินออกมาได้ถึง 1000 ล้านดอลล่าร์ ฉะนั้นเงื่อนไขของเยี่ยเทียนเหมือนกับการทิ้งแตงโมแต่เก็บเม็ดงา
“ใช่ เอาเงิน 1800 ล้านที่คุณได้มาให้ผม ส่วนสนามมวยสองแห่งนั้นคุณเอาไปได้อย่างสบายใจ ไม่มีใครติดค้างใคร”
เยี่ยเทียนพยักหน้าและจ้องจู้เหวยเฟิงอย่างจริงจัง พูดต่อว่า “ผมเล่นมวยใต้ดินเพราะความสนุกเท่านั้น เรื่องแบบนี้ในอนาคตไม่ต้องคิดถึงผมนะ จะมาหาก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ หลังจากการแข่งขันพรุ่งนี้จบลง ผมจะไม่โผล่ไปวงการมวยใต้ดินอีก คุณจำคำของผมวันนี้เอาไว้เลย”
เยี่ยเทียนเดาความคิดของจู้เหวยเฟิงออกบ้าง ก็คงหนีไม่พ้นลอกหนังเสือมาทำธง พอถึงเวลาที่ตัวเองรับมือไม่ไหวแล้วค่อยเรียกเขาออกมาช่วย
แต่เยี่ยเทียนเป็นคนที่ยอมให้ผู้อื่นจัดแจงได้ที่ไหน? เขาพูดดักเอาไว้ทันที และไม่เหลือโอกาสให้จู้เหวยเฟิงอีกเลย
“เอาเถอะ พูดขนาดนี้แล้ว พวกคุณลองปรึกษาแล้วจัดการเองเลย ผมจะกลับไปพักผ่อนแล้ว”
มองดูต่งเซิงไห่กับจู้เหวยเฟิงที่ทำได้เพียงมองตากันไปมา เยี่ยเทียนส่ายหัวและลุกขึ้นเดินออกไป ส่วนฟรุสอยากพบเขาทำไม เยี่ยเทียนไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
หลังจากกลับมาถึงในห้อง เยี่ยเทียนกำจัดความคิดที่ว้าวุ่นในใจของเขาออกไปและตั้งสมาธิอยู่กับการโคจรลมปราณ เวลาผ่านไปไม่นานก็นิ่งไป เมื่อลืมตาขึ้นท้องฟ้าก็สว่างแล้วและมีแสงแดดสาดส่องจากปลายมหาสมุทรเข้ามา
หลังจากแสงตะวันที่เข้าออกตามร่างกาย เยี่ยเทียนรู้สึกสดชื่นไปทั้งตัว การแข่งขันที่กำลังจะมาถึงในค่ำคืนนี้ เขามีความคาดหวังอยู่เล็กน้อย
อย่ามองว่าครากุลถูกฆ่าตายโดยอันเดรวิชเพียงไม่กี่วินาที แต่เยี่ยเทียนมองออกว่าความสามารถจริง ๆ ของครากุล ไม่ได้ด้อยไปกว่านักต่อสู้ชั้นยอดคนอื่น ๆ เลย แม้แต่จั่วเจียจวิ้นก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ฉายา “นักฆ่าปีศาจ” ผู้อยู่อันดับที่หนึ่งของโลกอย่างแอนโทนี มาร์คัส ทำให้เยี่ยเทียนเกิดความสนใจเป็นอย่างมาก เขาหวังว่าการแข่งขันในค่ำคืนนี้จะทำให้ระดับการฝึกของเขาที่หยุดการพัฒนามายาวนานสามารถบรรลุได้จากความเป็นและความตาย
หลังจากฝึกยามเช้าเสร็จ เยี่ยเทียนก็ลงไปกินอาหารเช้า ไม่มีใครสามารถมองออกจากใบหน้าของเขาว่าเยี่ยเทียนกำลังจะต่อสู้กับความเป็นและความตายในอีกสิบชั่วโมงหลังจากนี้
“เยี่ยเทียน หาตั้งนาน ไป กลับไปคุยกันที่ห้องนาย!”
ตอนนี้เพิ่ง 6 โมงเช้า ในร้านอาหารมีคนอยู่ไม่กี่คน เยี่ยเทียนที่เพิ่งกินอิ่มก็ถูกจู้เหวยเฟิงดึงเอาไว้
………………………………………………………………