บทที่ 523
ในตอนที่เย่เฉินวุ่นวายกับการทำอาหารนั้น อู๋ตงไห่กับอู๋ซินสองคนพ่อลูก ก็ได้ไปจากตระกูลซ่ง เพื่อขับรถมุ่งหน้าไปที่เทียนเซียงฝู่
คืนนี้ อู๋ตงไห่ก็ได้จัดงานเลี้ยงที่เทียนเซียงฝู่ และได้เชิญแขกที่มีหน้ามีตาทางสังคมมาร่วมงานเลี้ยงด้วย หนึ่งคือเพื่อตามหาเบาะแสของลูกชายอู๋ฉีที่อยู่ดีๆ ก็เกิดเรื่องขึ้น และอีกประการหนึ่งคือเพื่อช่วยให้ตระกูลอู๋ได้ตีสนิทกับคนในจินหลิงบ้าง
แม้ว่าตระกูลอู๋จะเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงหนาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะสามารถควบคุมทั้งเจียงหนานได้ทั้งหมด
สำนักงานใหญ่ของตระกูลอู๋นั้นอยู่ที่ซูหาง ดังนั้นที่ซูหางพวกเขานั้นถือว่าอิทธิพลไม่ธรรมดา แต่ว่าจินหลิงนั้นเป็นสำนักงานใหญ่ของตระกูลซ่ง ดังนั้นผลกระทบของตระกูลอู๋ที่นี่นั้นทำให้เทียบกับตระกูลซ่งไม่ได้เลย
เดิมที แต่ละตระกูลในเจียงหนานนั้นก็จะมีขอบเขตอิทธิพลของใครมัน ทุกคนก็จะรักษาข้อตกลงและเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ว่าใครก็จะไม่เข้าไปก้าวก่ายในพื้นที่ของใครทั้งนั้น
อู๋ตงไห่เดิมทีก็ไม่ได้อยากจะเข้ามาสอดในจินหลิง แต่ด้วยเหตุผลหลักคือลูกชายใหญ่อู๋ซินของเขานั้น อยากจะแต่งงานกับซ่งหวั่นถิงของตระกูลซ่ง เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย ที่จะให้อู๋ซินได้อยู่ที่นี่นานๆ ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมการ ทำความรู้จักกับเหล่าตระกูลในจินหลิง และเพื่อเป็นการปูทางให้กับลูกชายของเขาอีกด้วย
สองวันมานี้อู๋ซินเอาแต่อารมณ์ฉุนเฉียว เรื่องแรกเป็นเพราะว่า ครั้งก่อนที่อู๋ตงไห่ได้พูดเรื่องแต่งงานกับคุณท่านซ่งนั้น คุณท่านซ่งก็เอาแต่ปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าอู๋ซินเลยสักนิด
นอกจากนี้ อู๋ซินก็ยิ่งโมโหกับท่าทีของซ่งหวั่นถิงอีกด้วย
ช่วงไม่กี่วันมานี้เขากับพ่อได้อาศัยที่บ้านตระกูลซ่ง แต่ทุกวันซ่งหวั่นถิงก็จะออกไปทำงานตั้งแต่เช้า ดึกถึงกลับมา!
ก่อนหน้านี้ได้ยินซ่งหรงวี่บอกว่า เมื่อก่อนซ่งหวั่นถิงจะกินข้าวเช้าที่บ้านก่อนถึงจะออกไปทำงาน พอตกเย็นก็จะรีบกลับมากินข้าวกับนายท่านตลอด
แต่ว่าตอนนี้ ซ่งหวั่นถิงกลับไม่ยอมกินข้าวเช้า พอตื่นเช้ามาออกจากห้องก็จะขับรถออกไปเลย แทบจะไม่มีโอกาสให้อู๋ซินได้เจอหน้าเลย
เพราะแบบนี้เลยทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ
คิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่า ซ่งหวั่นถิงจะไม่ให้เกียรติเขาถึงขนาดนี้ และไม่ยอมแต่งงานกับเขา หล่อนมีดีอะไรขนาดนั้น?
บนรถ อู๋ตงไห่พอจะดูออกว่าอู๋ซินไม่ปกติ จึงพูดขึ้น: “แกน่ะ ต้องอดทนให้มากกว่านี้หน่อย คนอย่างซ่งหวั่นถิง ในเจียงหนานคงจะไม่มีคนที่สองแล้ว คิดอยากจะได้หล่อนมา ก็ต้องลงแรงและใช้สมองหน่อย”
อู๋ซินที่โมโหอยู่ จึงพูดขึ้น : “พ่อ ในเจียงหนานก็ไม่มีทางมีคนที่สองที่เหมือนผมแล้วล่ะนะ?ผมยังชอบหล่อนเลย แต่หล่อนมีดีแค่ไหนถึงไม่เลือกผม?”
อู๋ตงไห่พูดขึ้นเสียงเรียบๆ : “แกไม่เข้าใจ คุณหนูตระกูลใหญ่ ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าคุณชายตระกูลใหญ่”
แล้วเขาก็พูดขึ้นอีก: “และคนอย่างซ่งหวั่นถิง เป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่เย่นจิง ทั้งฐานะครอบครัวก็ดี และคนที่หวังอยากจะแต่งหล่อนเข้าบ้าน ไม่ใช่เพราะว่าแค่สวย แต่ยังมีความสามารถ และอิทธิพลของครอบครัวก็ไม่อ่อนแอด้วย ดูแล้วดีทุกอย่าง ถ้าใครได้หล่อนไป ไม่ใช่แค่ได้หน้าตา แต่ยังสามารถทำให้ครอบครัวเชิดหน้าชูตาขึ้นมาได้อีก และเพียบพร้อมทั้งเงินทอง สินสอดทองหมั้น”
“แต่ว่า ถ้าหากเป็นแกอยากจะแต่งกับคุณหนูที่ครอบครัวดี ฐานะดี มันก็จะยากหน่อย เพราะพวกหล่อนจะมองข้ามแก นี่ก็เป็นเพราะว่าตอนที่พวกนั้นมองแก ไม่เพียงมองแค่แก แต่ยังมองไปถึงตระกูลอู๋ของเราด้วย”
“ดูตามธรรมเนียมแล้ว ในสังคมผู้ดีแบบนี้ ถ้าหญิงที่ดูรวมคะแนนแล้วถึง 70 คะแนน แบบนั้นหล่อนก็จะแต่งกับชายที่ได้คะแนน 80คะแนน ; แต่กับชายที่คะแนนถึงแค่ 70 คะแนนนั้น ก็จะยากหน่อยถ้าคิดจะแต่งกับหญิงที่ได้คะแนน 70”
อู๋ซินรู้สึกโมโหจึงพูดออกไป : “ ‘งั้นพ่อหมายความว่า ผมหมายปองซ่งหวั่นถิงนั้นก็ดูจะอาจเอื้อมเหรอ?”
อู๋ตงไห่พูดเสียงเรียบ : “แม้ว่าการพูดความจริงมันทำให้แกรับไม่ได้ แต่ว่าในความหมายก็ประมาณนั้น ซ่งหวั่นถิงคงจะหาคนที่ดีกว่าแกได้แน่นอน แต่แก จะหาคนที่เทียบกับซ่งหวั่นถิงได้ยาก”
อู๋ซินนิ่งไป ตอนแรกก็ดูจะไม่ยอม แต่พอนึกดูแล้ว มันก็จริงอย่างที่พ่อว่า
ซ่งหวั่นถิง เป็นคนที่เขาบังเอิญเจอ พอคาดการณ์ดูก็ถือว่าเป็นที่สุดในบรรดาหญิงสาวตระกูลใหญ่
สำหรับหญิงสาวตระกูลมีฐานะในเย่นจิงนั้น ถึงจะพอมีเงินเยอะกว่าตระกูลซ่ง แต่ก็ยากที่จะหาคนที่มีความสามารถได้อย่างหล่อนแล้ว