บทที่ 3017 กลซ้อนกล
กู้ซีจิ่วเข้าใจในทันใด
ตนถูกยึดร่างแล้ว
จิตมารตนนั้นฉวยโอกาสตอนที่จิตใจเธอปั่นป่วนกระแทกดวงวิญญาณของเธอออกไป จากนั้นก็ยึดครองร่างกายของเธอ…
ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็เป็นซ่างเสิน ต่อให้เป็นดวงวิญญาณก็สามารถควบรวมเป็นรูปเป็นร่างได้ ขณะที่เธอร่ายอาคมหมายจะทำบางสิ่ง นิ้วมือของจิตมารตนนั้นพลันขยับกรีดกราย จู่ๆ ข้างตัวของกู้ซีจิ่วก็ปรากฏโพรงใหญ่ที่บิดเบี้ยวโพรงหนึ่งขึ้น โพรงใหญ่นี้มีแรงดึงดูดมหาศาลยิ่ง ดูดดึงดวงวิญญาณของกู้ซีจิ่วเข้าไปทันที
เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วพร่าเลือนไปแวบหนึ่ง ก็พบว่าตกอยู่ในคุกโปร่งใสห้องหนึ่งแล้ว
เหตุผลที่บอกว่าโปร่งใส เป็นเพราะภายในห้องขังนี้เธอสามารถมองเห็นทุกอย่างภายในทะเลทรายนั้นได้ ราวกับว่าระหว่างเธอกับทะเลทรายแห่งนั้นมีเยื่อใสๆ ชั้นหนึ่งคั่นไว้ ถึงขั้นที่เธอได้ยินเสียงของจิตมารตนนั้นด้วย
จิตมารตนนั้นเอ่ยอย่างผยองภาคภูมิยิ่ง “เขาสามารถแยกแยะร่างอวตารของเปิ่นจุนออกได้ ทว่าตอนนี้เปิ่นจุนยึดครองสังขารเจ้าแล้ว ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะยังแยกแยะได้อีก! ยังลงดาบกับเปิ่นจุนได้อีก! ซีจิ่ว เดิมทีเปิ่นจุนนึกเดียดฉันท์ว่าร่างนี้ของเจ้าไร้ประโยชน์เกินไป ไม่ต้องการยึดครอง แต่ตอนนี้เพื่อฝูอีแล้ว เปิ่นจุนก็ทำได้เพียงฝืนใจทำในสิ่งที่ยากลำบาก ใช้สังขารนี้ของเจ้าร่วมครองคู่โบยบินกับเขาอย่างแท้จริง”
กู้ซีจิ่วร้องด่า “วิปริต!”
จิตมารเม้มปากยิ้ม “วิปริตรึ? เปิ่นจุนยังมีเรื่องวิปริตอีกมายที่จะให้เจ้าได้ชม! คุกวารีระโหยนี้เปิ่นจุนออกแบบขึ้นเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ เจ้าอยู่ในนั้นจะได้ลิ้มรสของวารีอัคคีสลับสับเปลี่ยนกันไป เจ้าขังเปิ่นจุนเอาไว้ในทะเลทรายแห่งนี้มาหลายแสนปี เปิ่นจุนจะขังเจ้าไว้ในคุกวารีระโหยนี้เป็นล้านปี!”
ระหว่างที่นางเอ่ยวาจา ในคุกที่กู้ซีจิ่วอยู่ก็มีวารีทมิฬผุดออกมาแล้ว…
วารีทมิฬนี้ค่อยๆ ผุดจากปลายเท้าของกู้ซีจิ่ว เอ่อนองพ้นขาของเธอไป ท่วมเอวเธอแล้ว…
เห็นได้ชัดว่าวารีทมิฬนี้ไม่ใช่วารีธรรมดา ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่อาจลอยอยู่ในน้ำได้ กู้ซีจิ่วก็ลอยตัวไม่ได้เช่นกัน ได้แต่เบิกตามองวารีทมิฬนองขึ้นมาถึงอกตน ลำคอตน ปลายคาง…ถึงขั้นที่ท่วมมิดร่างคนแล้ว…
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ตอนนี้กู้ซีจิ่วเป็นร่างจิต ไม่ต้องหายใจ ไม่กลัวการจมน้ำ
แต่หลังจากร่างกายเธอจมลงไปแล้ว รู้สึกเหมือนจมอยู่ในน้ำมนต์ แสบร้อนอย่างยิ่ง ผิวหนังคล้ายจะถูกลวกก็มิปาน!
และตัวเธอก็เกิดความต้องการจะหายใจขึ้นมา เพียงแต่ไม่อาจหายใจได้เลย หลังจากถูกท่วมอยู่ครู่หนึ่ง เบื้องหน้าของเธอก็มืดมิดไปแล้ว…
ขณะที่เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสลบแล้ว วารีทมิฬก็ลดถดถอยลงไปส่วนหนึ่ง ทำให้ศีรษะของเธอโผล่ออกมา
วารีทมิฬดำทมิฬจริงๆ ตอนที่เธอจมอยู่ใต้น้ำมองไม่เห็นทิวทัศน์ด้านนอกเลย ตอนนี้พอวารีทมิฬลดลงไป ในที่สุดเธอก็มองเห็นด้านนอกแล้ว จากนั้นหัวใจก็ดิ่งวาบ
ด้านนอกมิใช่ทะเลทรายแล้ว แต่เป็นเนินหินตะกอนแห่งหนึ่ง บนเนินหินตะกอนมีก้อนหินสีดำเล็กบ้างใหญ่บ้าง
และบนเนินหินตะกอนนี้มีคนยืนอยู่สามคน
ตี้ฝูอี ตี้เฮ่า ร่วมถึง ‘กู้ซีจิ่ว’ ที่ถูกยึดสังขารไปแล้ว
….
หลังจากห้วงมายาดงท้อนั้นพังทลายลงจนหมด ตี้ฝูอีถึงร่วงหล่นออกมาจากด้านในได้ ร่วงลงสู่เนินหินตะกอนแห่งนี้
เนินหินตะกอนแห่งนี้กว้างใหญ่ยิ่ง ที่โอบล้อมอยู่ด้านนอกคือทะเลทรายอันกว้างไกลไร้ขอบเขต ทันทีที่เขาร่อนถึงพื้นก็คล้ายจะสัมผัสถึงอะไรได้ พลันหมุนกาย มองไปยังพวก ‘กู้ซีจิ่ว’ สองแม่ลูกที่ยืนอยู่ไม่ไกล
‘กู้ซีจิ่ว’ คล้ายจะบาดเจ็บสาหัส สีหน้าซีดขาว มุมปากมีโลหิต แต่นางกลับไม่สนใจร่างกายตัวเองเลย กำลังค้อมกายกึ่งๆ นั่งย่อรักษาบาดแผลให้ตี้เฮ่าอยู่…
อาภรณ์ช่วงอกของตี้เฮ่าถูกโลหิตสดๆ อาบย้อมจนแดงฉานเป็นวงใหญ่ เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน หลับตาเข้าสู่สภาวะนิทราแล้ว
คล้ายว่าจะได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ‘กู้ซีจิ่ว’ จึงสะดุ้งโหยงขึ้นมา ชักกระบี่ออกมา “ผู้ใด…”
วินาทีที่มองเห็นตี้ฝูอี นางนิ่งไปแวบหนึ่ง ยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ฝู…ฝูอี?” เสียงสั่นพร่านิดๆ
….
————————————————————————————-
บทที่ 3018 สลับตัวรัชทายาท
นางเหมือนจะอยากโผเข้ามา แต่ก็ไม่กล้า นิ้วมือยังคงกุมกระบี่ไว้แน่น “เจ้า…เจ้าเป็นไอ้สารเลวตัวนั้นสวมรอยมาอีกแล้วใช่ไหม? อย่าหมายจะทำร้ายเฮ่าเอ๋อร์ของข้าได้!”
ดูเหมือนนางจะถึงขั้นที่จนตรอกแล้ว ผมเผ้าสยายรุงรัง อาภรณ์ยุ่งเหยิง บนดวงหน้าเฉิดฉันถึงขั้นที่สกปรกอยู่บ้าง มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ยังส่องสกาวดุจดารา
นี่คือนาง! มิใช่สิ่งใดที่แอบอ้างสวมรอย
ตี้ฝูอีโล่งอก กางแขนไปทางนาง แสดงท่าทางวางใจไร้การป้องกันอย่างสมบูรณ์ “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าผู้อื่นจะสามารถสวมรอยเป็นข้าได้หรือ?”
คล้ายว่าในที่สุด ‘กู้ซีจิ่ว’ ก็มองเขาออกแล้ว น้ำตาไหลลงมาจากดวงตา โผเข้าไปในอ้อมอกเขาทันที “ฝูอี ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว!”
ฝีเท้าตี้ฝูอีชะงักไปแวบหนึ่ง หลุบตามองนางที่อยู่ในอ้อมแขน ยื่นมือไปเกลี่ยจอนผมที่รุ่ยร่ายไปทัดไว้หลังหูนาง สายตากวาดผ่านหลังใบหูซ้ายของนางอย่างเงียบเชียบ จุดนั้นมีรอยแผลเป็นที่เล็กจิ๋วยิ่งนักอยู่รอยหนึ่ง ถ้าไม่สังเกตให้ละเอียดจะมองไม่เห็นเลย
ลักษณะเฉพาะนี้เนื่องจากลึกลับยิ่ง แม้แต่ตัวกู้ซีจิ่วเองก็ยังไม่รู้เลย แต่ตี้ฝูอีแนบชิดร่วมเรียงกับนางมามากมายนับไม่ถ้วนแล้ว ทุกจุดบนร่างกายนางล้วนสลักลึกอยู่ในสมองของเขา จะลักษณะเฉพาะน้อยนิดอันใดเขาล้วนจดจำได้ทั้งสิ้น
ตอนนี้รอยแผลเป็นนี้ยังอยู่ พิสูจน์แล้วว่านางที่อยู่ในอ้อมแขนเขาคือนางตัวจริง อย่างน้อยร่างกายนี้ก็มิใช่ของปลอม
หากจะบอกว่าเป็นตัวนาง แต่ท่าทางโอบกอดตามความเคยชินของนางกลับไม่ถูกต้องนัก…
ทุกครั้งที่กู้ซีจิ่วโผเข้าหาอ้อมแขนเขา จะชอบกอดเอวเขาไว้โดยตรงเสมอ บอกว่าเอวผอมๆ ของเขากอดแล้วรู้สึกดี รู้สึกปลอดภัย
แต่ตอนนี้ ยามที่นางโผเข้าอ้อมแขนเขา สองแขนกลับโอบรอบแผ่นหลังของเขา
เป็นความแตกต่างที่น้อยนิดยิ่ง อย่างอื่นล้วนไม่มีความผิดปกติอะไร
‘กู้ซีจิ่ว’ ระงับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว จูงมือตี้ฝูอีเดินไปหาตี้เฮ่าที่อยู่ตรงนั้น “ท่านมาดูเฮ่าเอ๋อร์เถอะ เขาบาดเจ็บสาหัสเลย…”
ตี้เฮ่าสลบไปแล้ว บาดแผลตรงทรวงอก ‘กู้ซีจิ่ว’ ได้จัดการไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ตี้ฝูอีมองแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าบาดแผลนี้อันตรายอย่างยิ่ง ถ้าล่าช้าไปอีกแม้เพียงเค่อเดียวก็สามารถคร่าชีวิตคนได้แล้ว
เขาย่อกายลงตรวจสอบบาดแผลของบุตรชายเล็กน้อย ปากแผลทายาเอาไว้แล้ว แต่ไม่ได้เย็บติดกัน ยังมีโลหิตผุดซึมออกมาเป็นระยะๆ
“ซีจิ่ว ข้ารู้สึกว่าควรเย็บแผลให้เฮ่าเอ๋อร์สักหน่อยถึงจะหายดีเร็วขึ้นนะ” ตี้ฝูอีเสนอความเห็น
‘กู้ซีจิ่ว’ ชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยว่า “ได้ ฝูอี เจ้ามาเย็บแผลให้เขาเถอะ”
ตี้ฝูอีมองไปที่นางด้วยสายตาสงสัย “ซีจิ่ว ถ้าพูดถึงวิชาเย็บแผลแล้ว สามีสู้เจ้าไม่ได้หรอก”
‘กู้ซีจิ่ว’ เม้มริมฝีปาก “เรื่องนี้…ข้าย่อมทราบดี แต่ว่า…แต่ว่าข้าก็บาดเจ็บเหมือนกัน ท...ทรมานยิ่งนัก เกรงว่าจะตั้งสมาธิรักษาให้เฮ่าเอ๋อร์ไม่ได้ มิเช่นนั้นข้าคงเย็บแผลให้เฮ่าเอ๋อร์ไปนานแล้ว”
ตี้ฝูอีคว้าจับมือของนางทันที “เจ้าบาดเจ็บหรือ? บาดเจ็บตรงไหน? มา ให้ข้าดูหน่อย!” หมายจะจับชีพจรให้นาง
‘กู้ซีจิ่ว’รีบสลัดมือของเขาออก “อาการบาดเจ็บของข้าไม่เร่งด่วน ข้ารักษาด้วยตัวเองได้ ท่านรักษาให้เฮ่าเอ๋อร์ก่อนดีไหม? ข้ากลัวว่าเขาจะรอไม่ไหวแล้ว ลูกสำคัญกว่า!”
ตี้ฝูอีมองนางแวบหนึ่ง ยังคงไม่วางใจ “ไม่เป็นไร ให้ข้าดูเจ้าก่อน ก็เสียเวลาไปไม่เท่าไหร่หรอก”
ยื่นมือฉุดดึง รั้งนางเข้าสู่อ้อมอก ร่างกาย ‘กู้ซีจิ่ว’ พลันแข็งทื่อ สีหน้าแปรเปลี่ยนนิดๆ
ท่าทางเช่นนี้ คล้ายกับตอนที่ตี้ฝูอีโอบกอดร่างอวตารนั้นของนางอยู่ในภาพลวงตา แล้วลงมือสังหารในกระบวนท่าเดียว!
นางผลักเขาออกอย่างรวดเร็ว ดิ้นรนออกจากอ้อมกอดเขา ถอยหลังไปสองก้าวตามสัญชาตญาณ พลันเงยหน้า เห็นตี้ฝูอีกำลังมองนางอยู่ หัวใจนางเต้นแรงแวบหนึ่ง กระทืบเท้าร้องว่า “ลูกอยู่ในความเป็นความตาย เจ้ายังไม่รีบไปช่วยเหลือเขาอีก จะลากข้าเข้าไปทำอะไร? รีบไปรักษาให้เขาเถอะ”
————————————————————————————-