บทที่ 969 เขาเป็นคู่หมั้นของข้า

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 969 เขาเป็นคู่หมั้นของข้า
กู้ชูหน่วนเดินมาด้านข้างหัวหน้าเผ่า เปิดดูตรงขาของเขา

แล้วบนขาของเขาก็มีรอยงูกัดจริงๆ

เขาถูกงูกัด แต่พิษไม่ร้ายแรง

พูดอย่างไม่น่าฟังหน่อย ก็คือฟ้าร้องน่ากลัว แต่ฝนตกเล็กน้อย ขอเพียงถอนพิษออกหมดก็สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ ไม่รู้ว่าทำไมหมอดูของพวกเขาถึงได้กระจอกขนาดนี้ พิษงูเล็กน้อยก็ถอนไม่ได้

กู้ชูหน่วนใช้เข็มเงินบีบเลือดพิษของเขาออกมา

เอายาชั้นเลิศออกมาจากในแหวนมิติสองเม็ด ให้หัวหน้าเผ่ากินลงไปหนึ่งเม็ด อีกเม็ดบดละเอียดแล้วทาบนขาของเขา

อาต้าพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ไม่ต้องดูดเลือดพิษออกมาหรือ?”

“ดูดอะไร เลือดของเขามีพิษ เจ้าอยากให้คนที่ดูดถูกพิษไปด้วยหรือ?”

“เมื่อก่อนคนของเราที่นี่ถูกพิษกัด ใช้ปากก็สามารถดูดพิษออกมาได้”

“นั่นเป็นเพราะโชคดี หากเจองูพิษชนิดรุนแรง เจ้าคอยดูว่าจะสามารถมีชีวิตรอดไหม”

เป็นแค่เด็กน้อย ยังกล้าใช้น้ำเสียงโอหังขนาดนี้พูดกับอาต้า พวกชนพื้นเมืองต่างไม่พอใจ

ในขณะที่จะพูดต่อว่า ก็ได้ยินเสียงคนคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“พวกเจ้าดู สีหน้าของหัวหน้าเผ่าดีขึ้นมากแล้ว เลือดที่ไหลออกมาก็กลายเป็นสีแดงแล้ว”

“โย้ จริงๆด้วย ทำไมถึงได้อัศจรรย์ขนาดนี้? สามารถรักษาให้หายได้เร็วขนาดนี้เลยหรือ? เก่งกว่าหมอดูของเราเสียอีก?”

“พ่อ พ่อรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ข้า….ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ร่างกายก็ไม่ชาแล้ว”

ผู้สูงอายุในเผ่าคนหนึ่ง จับดูชีพจรของหัวหน้าเผ่า แล้วก็พูดขึ้นอย่างแปลกประหลาดใจว่า “อัศจรรย์จริงๆ พิษงู….ไม่มีแล้ว….”

“ฮู้…..ฮู้…..ฮู้…”

ชนพื้นเมืองพวกนั้น เปลี่ยนความคิดไม่ดีที่มีก่อนหน้านี้ อุ้มกู้ชูหน่วนขึ้นมาโยนขึ้นฟ้า ปากก็ร้องอยู่อย่างต่อเนื่อง

“แม่นาง เจ้าเป็นเทพของเผ่าทู่”

“ขอบใจที่ช่วยหัวหน้าเผ่าของเรา”

“…”

กู้ชูหน่วนแทบหัวใจวายเพราะพวกเขา

ก็แค่ถอนพิษงู จากศัตรูกลายเป็นผู้สร้างโลกเลยหรือ?

“หยุดๆหยุด ข้าเวียนหัว”

อาต้าหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าช่วยชีวิตพ่อของข้า เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของอาต้า และก็เป็นผู้มีพระคุณของเผ่าทู่ทุกคน แม่นาง เจ้าอยากได้อะไร ขอเพียงเจ้าพูดมา พวกเรารับปากเจ้าทุกอย่าง”

“ข้าไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น พวกเจ้าปล่อยข้าไปก็พอ”

“ได้ ข้าตกลง” ดูการแต่งตัวของเจ้าแล้ว น่าจะไม่ใช่ไส้ศึกที่ชนเผ่าอื่นส่งมา

“ขอบใจ” กู้ชูหน่วนประคองเวินเส้าหยีแล้วก็จะไป กลับถูกพวกเราล้อมไว้

“เจ้าไปได้ เขาไปไม่ได้”

“ทำไม”

“เขาอาจจะเป็นไส้ศึกที่ชนเผ่าอื่นส่งมา”

“พวกเจ้าคิดมากไปแล้ว เขาเป็นเพื่อนของข้า ตกลงมาจากบนเขาพร้อมกับข้า”

“งั้นทำไมเจ้าแต่งตัวไม่เหมือนเขา?”

“นี่…..ตอนที่พวกเราตกลงเจอกันน้ำวน เสื้อผ้าของเขาจึงถูกน้ำวนพัดหลุดไป”

คำพูดประโยคนี้ไม่เพียงพวกชนพื้นเมืองไม่เชื่อ แม้แต่กู้ชูหน่วนเองก็ไม่เชื่อ

แต่นางควรพูดอย่างไรดีล่ะ?

บอกว่าเดิมเพียงแค่สวมเสื้อผ้าไว้อย่างขอไปที จึงถูกน้ำวนพัดหลุดไปหรือ?

แต่ก็ทำให้พวกเขาเชื่อ

“พวกเราเคารพที่เจ้าช่วยเหลือพ่อของข้า แต่ผู้ชายคนนี้เต็มไปด้วยความน่าสงสัย ยังสวมชุดใบไม้ของเผ่าเค่อล่อ เรายากที่จะเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนที่เผ่าเค่อล่อส่งมา”

“ฆ่ามัน ฆ่ามัน”

“ฉีกเนื้อมันป็นชิ้นๆ เอามาย่าง ต้มเป็นน้ำแกง”

“ฮู้ๆฮู้…”

อารมณ์พวกชาวบ้านเพิ่มสูงขึ้น ต่างร้องตะโกนให้ฆ่าสับเวินเส้าหยี ไม่มีความคิดที่จะปรึกษากันเลย

กู้ชูหน่วนทำได้เพียงกัดฟัน พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าเชื่อข้า เขาไม่ใช่ไส้ศึกของเผ่าเค่อล่อ เขาคือ….คู่หมั้นของข้า”

“คู่หมั้น?”

“ใช่ เราหมั่นกันตั้งแต่อยู่ในท้อง รักใคร่กันมาก เดิมจะแต่งงานกันแล้ว แต่บ้านของเขาล้มละลาย ข้าของข้าจึงไม่ยอมรับ ดังนั้นพวกเราจึงแอบหนีตามกันมา สุดท้ายถูกคนที่บ้านไล่ตามฆ่า ตกลงมาจากเหว ข้าขอรับประกันว่า ข้ากับเขาไม่ใช่ไส้ศึก หากเราเป็นไส้ศึก ทำไมต้องช่วยพ่อของเจ้า”

เวินเส้าหยีหันไปมองกู้ชูหน่วนอย่างพูดอะไรไม่ออก

ผู้หญิงคนนี้พูดโกหกได้อย่างหน้าตาย น่าเชื่อถือ แลดูน่าเชื่อถือ

อาต้ากับพวกหัวหน้าเผ่าต่างมองตากันอย่างลังเล

สุดท้ายหัวหน้าเผ่าพูดขึ้นว่า “ในเมื่อพวกเจ้าเป็นคู่หมั้นกัน งั้นข้าก็จะจัดงานแต่งงานให้พวกเจ้า ขอเพียงพวกเจ้าเข้าห้องหอแล้ว ข้าก็จะเชื่อพวกเจ้า”