ตอนที่ 2208 สะเทือนน้ำเต้าดำ

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

เมื่อหอคอยนับร้อยไม่มีประจุไฟฟ้าคอยช่วยเหลือ พลังการทำลายล้างของแมลงพิษที่อยู่ในเมืองก็ลดลงกว่าครึ่ง แมลงพิษจำนวนมากร่อนลงมาในม่านลำแสงสีดำทีละชั้นๆ ทำให้เขตอาคมนี้ส่งเสียงร้อง เริ่มบางลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ

“ต้องลงมือปกป้องเมืองนี้!” หานลี่ขมวดคิ้วฉับพลันนั้นก็เอ่ยเช่นนี้ออกมา

อิ๋นเย่ว์ได้ยินคำนี้ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

“พี่เซี่ย เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว อีกเดี๋ยวเกรงว่าคงต้องให้เจ้าลงมือช่วยแล้ว” หานลี่หันหน้ามาเอ่ยกับนักพรตเซี่ย

“ไม่มีปัญหา” นักพรตเซี่ยตอบรับอย่างราบเรียบ

หานลี่ได้ยินก็หัวเราะ แล้วถึงได้สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นลำแสงวิญญาณพลันม้วนวนออกมาจากแขนเสื้อ ยอดเขาจิ๋วสามลูกเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง

จากนั้นก็เห็นเขาใช้มือหนึ่งร่ายอาคม แผ่นหลังมีลำแสงสีทองสว่างวาบ เทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรปรากฏขึ้น

เขาร่ายอาคมกระตุ้น เทวรูปสามเศียรทั้งหกข้างลืมตาขึ้น ปากก็ส่งเสียงหวีดร้องราวกับมังกรคำรามออกมา

เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้นทั่วท้องฟ้า และชั่วพริบตานั้นทางออกก็กลายเป็นคลื่นเสียงโปร่งแสงไร้รูปร่างม้วนวนไปทางทะเลแมลงที่อยู่ไกลออกไป

ไม่รู้ว่าเทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สำแดงอิทธิฤทธิ์ใดท่ามกลางเสียงหวีดร้อง เผ่ามารของเมืองน้ำเต้าดำได้ยินเสียงหวีดร้องนี้พลันตกตะลึง ยามที่ยังหาไม่เจอว่าเสียงนี้มาจากไหน ฉับพลันนั้นก็พบว่าแมลงพิษที่เดิมกำลังโจมตีม่านลำแสง ไม่ระเบิดออก ก็ทยอยกันร่วงลงมาจากท้องฟ้าอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน

ชั่วพริบตานั้นฝูงแมลงก็ลดลงไปกว่าครึ่ง

ส่วนแมลงพิษที่เหลือก็ส่งเสียงร้องหึ่งๆ แล้วรวมตัวกันเป็นกลุ่ม

ในยามนั้นกลางอากาศพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ยอดเขายักษ์สามหมื่นจั้งสามลูกเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นเหนือทะเลแมลง

เสียงหึ่งๆ ดังขึ้นที่ยอดเขายักษ์ แล้วในเวลาเดียวกันก็ร่อนลงมาด้านล่าง

ครู่ต่อมารัศมีลำแสงเป็นผืน ไอกระบี่เป็นสายๆ และรัศมีลำแสงเป็นกลุ่มๆ ก็ทำร้ายฝูงแมลง

แมลงพิษจำนวนมากถูกยอดเขาสามลูกกวาดไปจนเกลี้ยงอย่างไร้ซึ่งพลังขัดขืน มีเพียงเล็กน้อยที่เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าแมลงพิษธรรมดามาก ถึงได้พอต้านทานได้ และรีบพุ่งไปยังขอบ

แต่ในยามนั้นเองกลางอากาศพลันมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเงินหนาๆ สายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น แค่ดีดตัวก็เปล่งแสงสว่างวาบบนร่างของแมลงพิษยักษ์สิบกว่าตัว

หลังจากที่แมลงยักษ์เหล่านี้ส่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา แม้แต่แมลงพิษธรรมดาเกือบตัวที่อยู่ใกล้เคียงก็หายวับไปจนหมด

เมื่อประจุไฟฟ้าสีเงินพัดรัดไปมาแล้วสลายออก ชายหนุ่มสวมชุดคลุมนักพรตคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ นั่นก็คือนักพรตเซี่ย

นักพรตเซี่ยกวาดสายตาไปยังแมลงพิษยักษ์ที่อยู่ไกลออกไป ผิวมีสายฟ้าเปล่งแสงวาววับ กลายเป็นประจุไฟฟ้าสายหนึ่งพุ่งออกไปอีกครั้ง

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น แมลงประหลาดสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนถูกสังหารจนเกลี้ยง

เสียง “ปัง” ดังสะเทือนเลื่อนลั่น กลางอากาศอีกด้านหนึ่งของทะเลแมลง เงาลวงตาคนยักษ์สูงสองสามพันจั้งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น

นั่นก็คือเทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกร

ร่างของหานลี่กำลังเอาสองมือไพล่หลังยืนอยู่ตรงใจกลางของเทวรูป มองแมลงประหลาดที่อยู่รอบๆ ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก

ทว่าเทวรูปราวกับมนุษย์ยักษ์ในยามนั้น อักขระยันต์สีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น แขนทั้งหกโบกสะบัดไปมา ลูกบอลเพลิงสีเงินพุ่งไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

เปลวเพลิงสีเงินร่อนลงมา ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นทะเลเพลิงขนาดสองสามหมู่ ปกคลุมแมลงพิษเอาไว้

ไม่ว่าแมลงพิษธรรมดาๆ หรือว่าแมลงยักษ์ที่รูปร่างค่อนข้างใหญ่ ชั่วพริบตาที่ร่างกายอาบย้อมเปลวเพลิงสีเงิน ก็ทยอยกันส่งเสียงกรีดร้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่ยามนั้นกลับหายไป

หานลี่และนักพรตเซี่ยลงมือตามลำดับเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นแมลงพิษในทะเลแมลงที่ดูเหมือนจะมีไม่มีที่สิ้นสุดพลันถูกสังหารไปด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง

ทว่าแมลงพิษเหล่านั้นเองก็ไม่หวาดกลัวความตาย หลังจากล้มเลิกการโจมตีเขตอาคมของเมืองเผ่ามาร ก็แทบจะพุ่งกระโจนมาหาหานลี่และนักพรตเซี่ยราวกับจะใช้วิธีฆ่าตัวตาย

แม้ว่าหานลี่และนักพรตเซี่ยจะสำแดงอิทธิฤทธิ์อย่างต่อเนื่องสองสามครั้ง หนึ่งมื้ออาหารต่อมาท้องฟ้าถึงได้วางเปล่า แต่ยังคงมีแมลงยักษ์ที่เห็นท่าไม่ดีหนีเตลิดไปตั้งนานแล้ว

หานลี่ย่อมไม่ได้สนใจจะไล่สังหารต่อ หลังจากที่กวักมือเรียกนักพรตเซี่ย ก็ร่อนลงมาที่เมืองน้ำเต้าดำด้านล่างอย่างแช่มช้า

ยามนี้อิ๋นเย่ว์เองก็บินมาจากจุดที่ไกลออกไปอย่างไม่รีบร้อน หลังจากกะพริบวาบๆ ก็ร่อนลงมาอยู่ข้างกายหานลี่เช่นกัน

เผ่ามารจำนวนนับไม่ถ้วนในเมืองน้ำเต้าดำถูกหานลี่และนักพรตเซี่ยชิงลงมือก่อนพลันตกตะลึงจนตาค้าง เมื่อเห็นทะเลแมลงถูกหานลี่ใช้กำลังของสองคนกวาดไปจนเกลี้ยง ชั่วขณะนั้นในเมืองพลันระเบิดเสียงโห่ร้องสะเทือนเลื่อนลั่นออกมา

และเมื่อทั้งสามคนร่อนลงมาจากในเมือง ไม่ต้องให้หานลี่เอ่ยปาก ทันใดนั้นเผ่ามารระดับสูงสองสามคนก็รีบมา หลังจากตำหนิเผ่ามารที่อยู่รอบๆ ไปยกหนึ่ง ก็เปิดรอยแยกบนม่านลำแสง มาต้อนรับหานลี่ให้เข้าไปข้างในอย่างนอบน้อม

“คารวะใต้เท้าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ ขอบพระคุณท่านอาวุโสทั้งสองที่ลงมือช่วยประชาชนหลายสิบล้านคนในเมืองของเรา ขอบังอาจเรียนถามแซ่ของท่านอาวุโส เมืองน้ำเต้าดำจะจดจำบุญคุณของท่านอาวุโสทั้งสองให้ขึ้นใจไม่มีทางลืมเลือน”

ชายหนุ่มวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีดำท่าทางอยู่ในระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นคนหนึ่งกำลังคารวะหานลี่และนักพรตเซี่ย แล้วถึงได้ตอบด้วยใบหน้าซาบซึ้งใจ

ส่วนเผ่ามารธรรมดาๆ คนอื่นที่อยู่รอบๆ ชั่วพริบตาที่หานลี่เข้ามาในเมืองก็เรียงแถวคุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้ามองหานลี่และนักพรตเซี่ยเลยสักนิด

เห็นได้ชัดว่าในสายตาของเผ่ามารธรรมดาๆ สิ่งมีชีวิตระดับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ใกล้เคียงกับเทพเซียน ยามนี้มีบรรพชนศักดิ์สิทธิ์สองคนปรากฏตัวที่นี่ แน่นอนว่าย่อมทำให้เผ่ามารในเมืองตกตะลึงระคนดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

“แซ่ของพวกเรา พวกเจ้าไม่ต้องรู้ เจ้าเมืองของพวกเจ้าอยู่ที่ใด ให้เขามาพบข้าหน่อย” หานลี่ออกคำสั่งอย่างราบเรียบ

“รายงานท่านอาวุโส ใต้เท้าท่านเจ้าเมืองสูญเสียพลังปราณแท้จำนวนมากไปกับการต่อสู้ก่อนหน้า ยามนี้ท่านเจ้าเมืองกำลังพักผ่อนอยู่ในจวน แต่ชนรุ่นหลังได้ส่งคนไปรายงานแล้ว อีกเดี๋ยวคงมาคารวะท่านอาวุโสด้วยตัวเองขอรับ” ชายวัยกลางคนเผ่ามารตอบกลับอย่างระมัดระวัง

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็จะรออยู่ที่นี่สักประเดี๋ยว ส่วนคนอื่นๆ จะไปทำอันใดก็ทำเถิดไม่ต้องรออยู่ที่นี่” หานลี่พยักหน้าแล้วออกคำสั่งอย่างไม่เกรงใจ

“ขอรับ ชนรุ่นหลังจะให้พวกเขาออกไปก่อน ไม่รบกวนท่านอาวุโส”

บุรุษวัยกลางคนในเผ่ามารพลันตกตะลึง รีบค้อมตัวลงตอบรับ แล้วออกคำสั่งกับเผ่ามารคนอื่นๆ ทั้งซ้ายและขวา ชั่วขณะนั้นมารธรรมดาๆ ที่อยู่รอบๆ ก็หยัดกายลุกขึ้นด้วยความหวาดกลัว คารวะหานลี่และพวกทั้งสามกลางอากาศแล้วถึงได้ทยอยกันแยกย้ายจากไป

ยามนั้นนอกจากบุรุษเผ่ามารที่อยู่รอบๆ แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดอีก

หานลี่และพวกทั้งสามลอยอยู่กลางอากาศ พลางรออย่างเงียบๆ

ผลคือไม่ถึงหนึ่งกาน้ำชา ลำแสงหลีกหนีสีดำสายหนึ่งก็พวยพุ่งขึ้นมากลางอากาศจากสิ่งปลูกสร้างสูงใหญ่ หลังจากม้วนวนรอบหนึ่งก็พุ่งไปทางหานลี่

หลังจากที่ลำแสงสีดำหม่นแสงลง ชายชราร่างกายผ่ายผอมสวมชุดสีดำก็ปรากฏตัวห่างจากหานลี่ไปสิบจั้งเศษ

ชายชราผู้นี้ใช้จิตสัมผัสกวาดมาทางหานลี่และพวกทั้งสาม แล้วค้อมตัวลงคารวะอย่างหวาดกลัวทันที

“ชนรุ่นหลังฮูเหยียนคารวะใต้เท้าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง ต้องขอบคุณใต้เท้าทั้งสองที่มาเยี่ยมเยือนเมืองของเรา เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง ถึงได้รอดพ้นจากหายนะได้”

“เจ้าคือเจ้าเมืองของเมืองน้ำเต้าดำ?” หานลี่พิจารณาชายชราสองแวบ แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

ชายชรามีพลังยุทธ์ระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลาง พละกำลังไม่รับว่าอ่อนแอนักในเหล่าจอมมาร

“ชนรุ่นหลังรับตำแหน่งเจ้าของเมืองน้ำเต้าดำมาเกือบพันปีเศษ หากท่านอาวุโสมีเรื่องอันใด ก็รับสั่งได้เลยขอรับ” ชายชราเอ่ยด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

“อืม พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะคุยกับสหายฮูเพียงลำพัง” หานลี่เห็นเจ้าเมืองน้ำเต้าดำรู้จักวางตัว ก็เผยสีหน้าพึงพอใจออกมาขณะพยักหน้า แต่ทันใดนั้นก็ออกคำสั่งกับเผ่ามารตนอื่นๆ ด้วยความเย็นชา

“ขอรับ ชนรุ่นหลังขอตัวก่อน” บุรุษเผ่ามารผู้นั้นใจหายวาบ ตอบรับอย่างมิกล้าขัดขืนเลยสักนิด

ชั่วครู่ที่นี่ก็เหลือเพียงฮูเหยียนและพวก

ชายชราเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตระดับมหายานสองคนตามลำพัง ย่อมรู้สึกใจเต้นตุ๋มๆ ต่อมๆ แต่ก็มิกล้าเผยสีหน้าใดๆ ออกมา แค่ยืนประสานมืออยู่ที่เดิม ท่าทางให้เกียรติเป็นอย่างยิ่ง

“แมลงพิษก่อตัวกันเป็นทะเลแมลงขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ น่าจะใช้เวลาไม่น้อยสินะ พวกมันเริ่มโจมตีล้อมเมืองน้ำเต้าดำของพวกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่” หานลี่เอ่ยถามอย่างราบเรียบ

“รายงานท่านอาวุโสแมลงพิษเหล่านี้ปรากฏตัวที่นี่เมื่อสองสามปีก่อน ตอนนั้นชนรุ่นหลังพาคนไปจัดการสังหารมันด้วยตัวเองนับร้อยครั้ง แต่กลับไม่อาจสังหารให้หมดไปได้ ที่ก่อตัวเป็นทะเลแมลงอันน่ากลัวเช่นวันนี้ได้ และเริ่มโจมตีเมืองของเราอย่างไม่สนใจเมื่อสองวันก่อน เป็นสิ่งที่ชนรุ่นหลังคาดการณ์เอาไว้แล้ว” ชายชราร่างกายผ่ายผอมได้ยิน ก็ตอบกลับอย่างหวาดกลัว

“ปรากฏตัวสองวันก่อน ดูแล้วแม้ว่าแมลงพิษเหล่านี้จะไม่มีสติสัมปชัญญะ แต่การเคลื่อนไหวกลับดูเหมือนจะไม่ได้ไม่มีระเบียบแบบแผน” หานลี่ลูบใต้คางแล้วตอบอย่างครุ่นคิด

“ท่านอาวุโสเฉียบแหลมนัก! แมลงพิษเหล่านี้สังหารไม่มีวันหมดสิ้น และยิ่งไปกว่านั้นระหว่างนั้นยังรวมตัวกัน ทำให้ฝูงแมลงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มิเช่นนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์ในยามนี้คงไม่มีข่าวลือว่าเกิดเหตุการณ์ทะเลแมลงรวมตัวกันโจมตีเมือง” ชายชราร่างกายผ่ายผอมรีบอธิบาย

“อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้ และยิ่งไปกว่านั้นข้าจะถามเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง” หานลี่ครุ่นคิดแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ท่านอาวุโสโปรดสอบถามได้เลยขอรับ!” ชายชราค้อมตัวลงพลางตอบ

“ข้าและสหายที่อยู่ข้างกายเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นาน คิดไม่ถึงว่าแดนศักดิ์สิทธิ์จะเปลี่ยนเป็นวุ่นวายเช่นนี้เพราะแมลงพิษ ข้าขอถามเจ้าหน่อย บรรพชนหยวนเหยี่ยนลิ่วจี๋ และพวกรวมทั้งสหายบรรพชนศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด เหตุใดถึงไม่ออกหน้าสังหารแมลงพิษเหล่านี้ ข้าได้ยินว่าพวกเขาตกอยู่ในอันตรายยามที่แมลงพิษปรากฏตัว ที่นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง แล้วเอ่ยถามอย่างแช่มช้า

“อ่า ที่แท้ใต้เท้าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองก็เร้นกายอยู่หลายปี มิน่าล่ะใต้เท้าทั้งสองจึงมาปรากฏตัวที่นี่ ชนรุ่นหลังก็ไม่คุ้นหน้าท่านอาวุโส ส่วนเบาะแสของใต้เท้าบรรพชนแรกเริ่มและเหล่าอาวุโสบรรพชนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ…” ชายชราร่างกายผ่ายผอมได้ยินพลันตกตะลึง แต่ใบหน้ากลับเผยสีหน้าลังเลออกมา

“บรรพชนหยวนเหยี่ยนลิ่วจี๋และพวกกำลังต่อกรกับมารดาแมลงและส่งข่าวมาว่าห้ามแพร่งพรายไปภายนอกง่ายๆ ใช่หรือไม่!” หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันหัวเราะน้อยๆ ออกมาและจ้องเขม็งไปยังชายชราพลางเอ่ยอย่างแช่มช้า