ตอนที่ 597 ฆ่าข้า อาศัยคนอย่างเจ้านะหรือ?

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

เทพสงครามซือเป่ยสี่คำนี้ เป็นเหมือนกับมีดปลายแหลมที่แทงเข้าไปในใจของเขา 

 

 

บีบบังคับให้เขากลับไปคิดถึงภาพตอนที่ตนถูกคนผู้นั้นนำศีรษะกลับมาต่อลงบนบ่าใหม่อีกครั้ง 

 

 

บุรุษผู้นั้น……แข็งแกร่งจนหน้าหวาดกลัว 

 

 

“เป็นเขานั่นเอง….” ตู๋กูซิงหลันคลี่ยิ้มออกมาอย่างเ**้ยมเกรียม 

 

 

เดิมทีคิดว่าซือเป่ยเป็นเพียงแค่พวกที่บ้าพลังเท่านั้น ตอนนี้ดูท่าคงจะมีความดำมืดไม่น้อย 

 

 

พลังอำนาจของเขาดูท่าจะเกินกว่าที่ตู๋กูซิงหลันคาดคิดเอาไว้ 

 

 

สามารถรับตัวเยี่ยเฉินขึ้นไปบนแดนสวรรค์ได้ เขาย่อมต้องไม่ธรรมดา 

 

 

นางเหลือบตาไปดูสีหน้าของฟ่านอิงที่อยู่ไม่ห่างออกไป ก็สามารถคาดเดาได้เกือบหมดแล้ว 

 

 

ซือเป่ยผู้นี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับฟ่านอิงอย่างแน่นอน 

 

 

ศีรษะของฟ่านอิงเป็นเขานำกลับมาต่อใหม่กระนั้นหรือ? 

 

 

ที่เขาทำเรื่องอ้อมค้อมตั้งมากตั้งมายขึ้นมาเพราะคิดจะทำอะไรกันแน่? 

 

 

“พอต้าซือมิ่งตาย จิตวิญญาณกลับสู่สวรรค์ เทพสงครามก็เลยรู้ว่าเจ้าปรากฏตัวขึ้นในเมืองว่านฮวาเฉิง จึงสั่งให้ข้ามาเป็นพิเศษ……” 

 

 

พูดถึงตรงนี้ เยี่ยเฉินก็เงียบไปเล็กน้อย จากนั้นค่อยเอ่ยว่า “ฆ่าเจ้าเสีย” 

 

 

ที่จริงคำสั่งของซือเป่ย คือให้เขานำตัวตู๋กูซิงหลันกลับไปแดนสวรรค์ 

 

 

แต่เขาเองเลือกตัดสินใจจะฆ่าตู๋กูซิงหลัน 

 

 

พอเขาได้รับสามง่ามที่เทพสงครามซือเป่ยประทานมาให้ทั้งยังได้ฝึกฝนอยู่ในแดนสวรรค์เกือบครึ่งปี จึงลำพองว่าสามารถกำจัดตู๋กูซิงหลันลงได้ 

 

 

เขาคิดไม่ถึงเลยว่า นังเดรัจฉานน้อยผู้นี้จะได้รับศาสตราวุธที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าสามง่ามของเขาอีก ร่างกายของนางก็แข็งแกร่งขึ้นอีกมากเช่นกัน 

 

 

เขาไม่กล้าคิดเลยว่า ในโลกหล้านี้ นอกจากแดนสวรรค์แล้ว ยังจะมีที่ใดที่ทำให้สามารถยกระดับการฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วกว่านี้อีก? 

 

 

หากเป็นก่อนที่จะถูกนังเดรัจฉานนี้โจมตี เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด 

 

 

“ฆ่าข้า อาศัยเจ้าน่ะหรือ?” ตู๋กูซิงหลันหัวเราะเสียงเย็นชา “ขนาดซือเป่ยเองก็ยังฆ่าข้าไม่ได้ แล้วเจ้ามันเป็นตัวอะไรกัน!” 

 

 

ที่จริงแล้วมิใช่ว่านางดูถูกเยี่ยเฉิน แต่ว่าคนผู้นี้เป็นเหมือนโคลนเหลวที่ไม่ยอมติดกำแพงจริงๆ 

 

 

ไปอยู่ในแดนสวรรค์มาตั้งนาน กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันชักจะสงสัยว่า เจ้านี่ใช่ดอกผลของบิดาคนงามจริงๆหรือไม่? 

 

 

ต่อให้รวมการดูถูกที่เยี่ยเฉินเคยเจอมาชั่วชีวิตเข้าด้วยกัน ก็ยังไม่มากเท่ากับที่ได้รับในวันนี้ เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป กระอักเลือดออกมาในทันที 

 

 

พอกระอักเลือดออกมา สมองถึงได้ค่อยคิดตามคำพูดของตู๋กูซิงหลันเมื่อครู่ 

 

 

‘ซือเป่ยเองก็ยังฆ่าข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ’ 

 

 

นี่จะเป็นไปได้อย่างไร เทพสงครามที่สูงส่งดั่งซือเป่ย มีหรือจะไม่อาจสู้กับเดรัจฉานน้อยเช่นนี้ได้? 

 

 

ไม่สิ อย่างตู๋กูซิงหลันจะมีคุณค่าใดทำให้ซือเป่ยถึงกับต้องลงมือด้วยตนเอง? 

 

 

ครึ่งปีที่ผ่านมา เขาอาศัยอยู่ในแดนสวรรค์มาโดยตลอด ทั้งยังอยู่ข้างกายซือเป่ยแทบจะตลอดเวลา ซือเป่ยแข็งแกร่งถึงเพียงใด เขาย่อมรู้ดี 

 

 

เทพสงครามของแดนสวรรค์ เพียงแค่เสียงคำรามและกระทืบเท้า เกรงว่าแผ่นดินสะเทือนจนแตกร้าวแล้ว 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเป็นตัวอะไรกัน? 

 

 

ท้องฟ้าคืนนี้ แสงจันทร์สว่างจ้าจนมองเห็นได้ชัด 

 

 

ในดวงตาของตู๋กูซิงหลันถึงกับมีเส้นเลือดขึ้นมา 

 

 

นางเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะที่แววตาของเยี่ยเฉินมีแต่ความแตกตื่นอยู่ตลอด ในที่สุดนางก็เก็บกริชของตนเองกลับไป 

 

 

เยี่ยเฉินเข้าใจไปว่านางหวาดกลัวขึ้นมาบ้าง ในใจยังมีความโกรธเกรี้ยวที่ไม่อาจกล้ำกลืน จึงคิดจะเยาะเย้ยนาง 

 

 

แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นตู๋กูซิงหลันเขวี้ยงยันต์สีแดงแผ่นหนึ่งลงมา คลุมลงบนศีรษะและใบหน้าของเขา 

 

 

เยี่ยเฉินยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงร้องออกมา ยันต์สีแดงแผ่นนั้นก็ขยายตัวออก จนครอบคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขา หลังจากนั้นร่างของเขาก็ถูกดูดเข้าไปอยู่ในแผ่นยันต์ 

 

 

ฟ่านอิงที่ยืนอยู่ข้างๆก็ยังอดที่จะอ้าปากค้างไม่ได้ 

 

 

ภาพที่เห็นนั้นดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ราวกับว่าสาวน้อยนั่นกำลังจับปีศาจตัวเป็นๆ 

 

 

นางมีความสามารถถึงขั้นใดกันแน่? 

 

 

เขาเป็นเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนมาตั้งนานหลายปี ยังไม่เคยเห็นใครที่ทั้งแปลกประหลาดและแข็งแกร่งเท่านางมาก่อนเลย 

 

 

พอเยี่ยเฉินถูกจับตัวไปเรียบร้อย ทั่วทั้งเกาะก็เงียบสงบลงไม่น้อย 

 

 

ยันต์โลหิตขนาดเท่าคนร่างใหญ่ ก็หดลงมากลับเป็นยันต์สีแดงขนาดปกติดังเดิม 

 

 

พอวางลงในฝ่ามือของตู๋กูซิงหลัน ก็เห็นว่าบนยันต์สีแดงแผ่นนั้นมีลายมังกรสีครามอยู่ตัวหนึ่ง 

 

 

ลายมังกรนั้นยังขาดกรงเล็บไปสองข้าง 

 

 

ส่วนบนหน้าผากของตู๋กูซิงหลันก็มีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นมามากมาย 

 

 

นางไม่เคยใช้คาถาผนึกเช่นนี้มานานแล้ว 

 

 

คาถาผนึกนี่ สามารถกักขังศัตรูเอาไว้ในยันต์คำสาปของนาง แต่ว่าคาถาชนิดนี้สิ้นเปลืองพลังงานมหาศาล หรือพูดอีกอย่างก็คือเป็นไม้ตายสำคัญของนาง และมีแต่ยามที่นางมีพลังแข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะสามารถใช้คาถาเช่นนี้ออกมาได้ 

 

 

ตอนที่อยู่ในโลกปัจจุบัน นางเคยใช้มันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น 

 

 

หลังจากนั้นพอมาถึงต้าโจว เนื่องเพราะพละกำลังไม่เพียงพอ แม้แต่ยันต์โลหิตก็ยังใช้ได้อย่างจำกัด ดังนั้นจึงไม่เคยใช้ยันต์สีแดงกับคาถาผนึกอีกเลย 

 

 

ที่วันนี้นำออกมาใช้กับเยี่ยเฉินก็เป็นเพราะว่าหากเก็บเยี่ยเฉินเอาไว้ ยังถือว่ามีประโยชน์กับนางอยู่ 

 

 

แต่การร่ายคาถาผนึกนี้ ต้องสิ้นเปลืองพลังในร่างของนางไปกว่าครึ่ง 

 

 

เมื่อกักขังเยี่ยเฉินเอาไว้ในยันต์ เพียงไม่กี่วัน จิตสำนึกของเขาก็จะสูญสิ้นไป กลายเป็นหุ่นเชิดให้กับนาง 

 

 

นี่เรียกว่าอะไรนะ ข่าววงในของศัตรูที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า จะไม่รับไว้ได้หรือ? 

 

 

ยังคงเป็นคำพูดนั้น รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง 

 

 

นางรู้เรื่องภายในแดนสวรรค์น้อยมาก แต่เมื่อมีเยี่ยเฉินอยู่ในมือ ก็ถือว่าได้แต้มต่อเพิ่มขึ้นมา 

 

 

เพียงแต่ว่าไม้ตายนี้สิ้นเปลืองพลังจำนวนมาก ใช้เวลาสะสมเนิ่นนาน ตู๋กูซิงหลันจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาฟื้นฟูอีกช่วงหนึ่ง 

 

 

พอกักขังเยี่ยเฉินเอาไว้ในยันต์โลหิตเรียบร้อยแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง 

 

 

ดวงจันทร์กลมโตดุจจานใบหนึ่ง 

 

 

สายฟ้าหายไปตั้งนานแล้ว ทุกอย่างดูสงบนิ่งอย่างยิ่ง 

 

 

สีหน้าของตู๋กูซิงหลันก็สงบลงเช่นกัน เกาะลอยฟ้าทั้งเกาะแหลกเละไปหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงต้นไห่ถางต้นใหญ่ที่สุดกับบริเวณโดยรอบเพียงยี่สิบเมตรเท่านั้น 

 

 

“เด็กน้อย เจ้า…” ฟ่านอิงรีบขยับเข้าไปใกล้ เขามีคำพูดมากมายอยากจะถามนาง 

 

 

เพียงแต่พอเอ่ยออกมา ก็พูดอะไรไม่ออกอีก 

 

 

“ท่านตา ข้ากับแดนสวรรค์มีแค้นไม่อาจอยู่ร่วมกัน” ตู๋กูซิงหลันเก็บยันต์โลหิตที่มีเยี่ยเฉินอยู่เรียบร้อย ก็หันมามองเขาแวบหนึ่ง 

 

 

เส้นไหมบนลำคอของเขากลายเป็นสีดำไปหมดแล้ว ดูแล้วน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง 

 

 

“ซือเป่ยคือคนที่ท่านเคยเอ่ยถึงผู้นั้น” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันสอบถามย้ำอีกครั้ง 

 

 

ฟ่านอิงชะงักไป คำพูดที่มาถึงริมฝีปากต้องเปลี่ยนไป “เขาแข็งแกร่งมาก ผู้ที่เป็นศัตรูกับเขายากที่จะเหลือรอดไปได้” 

 

 

“เขา ‘ช่วย’ ท่านตาเอาไว้ เพื่อจุดประสงค์ใด?” 

 

 

ฟ่านอิงปิดตาลง “ น่าจะเพื่อ ควบคุมดินแดนจิ่วโจวทั้งหมดกระมัง และยิ่งเพื่อให้คนทั้งหมดซึมซับความแค้นเช่นเดียวกันกับข้า” 

 

 

จุดนี้ตู๋กูซิงหลันยิ่งไม่เข้าใจแล้ว 

 

 

ซือเป่ยเป็นเทพสงครามของแดนสวรรค์ เขาต้องการจะควบคุมแผ่นดินเอาไว้ทำไม? 

 

 

ทั้งยังจะทำให้ทั้งหมดเกิดความแค้น? 

 

 

“แม้ว่าเขาจะเป็นเทพบนสวรรค์ …..แต่ว่าไอแค้นในร่าง ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้า” ฟ่านอิงเอ่ยต่อไป “ผีกุ่ยหลัวซาในวังตันติ่งกง เจ้าก็เคยได้เห็นแล้ว …….” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันตกตะลึงไป “ความหมายของท่านก็คือ….เบื้องหลังของซ่งชิงอี ก็คือซือเป่ยเช่นกัน?” 

 

 

ก่อนหน้านี้ นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ซ่งชิงอีกลับซือเป่ยจะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกัน 

 

 

ผีกุ่ยหลัวซาที่ปรากฏขึ้นในวังตันติ่งกงนั้น นางกับท่านเจ้าสำนักได้ช่วยกันสวดส่งวิญญาณไปแล้ว 

 

 

พอคิดไปถึงวิญญาณแค้นเหล่านั้น….. 

 

 

“เขาคิดจะทำอะไร?” ตู๋กูซิงหลันอดไม่ได้ที่จะถามออกมา 

 

 

ฟ่านอิงถอนหายใจ มองขึ้นไปบนดวงจันทร์กลมโตบนท้องฟ้าอีกครั้ง 

 

 

………………..