บทที่956 หลอมวิญญาณ

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่956 หลอมวิญญาณ
ไม่นานนัก เหล่าเฟิงก็ได้ส่งทรัพยากรที่มีมูลค่าสิบล้านล้านมาให้กับเย่เซิ่งเทียน

ขณะส่งของให้กับมือเย่เซิ่งเทียน มือทั้งคู่ของเหล่าเฟิงสั่นเทาตลอด

เย่เซิ่งเทียนคนนี้ การฝึกวิชาได้รวดเร็วอย่างกับตัวประหลาดมหัศจรรย์ ก้าวกระโดดเป็นพันลี้ได้ต่อวัน ทั้งโลกนี้น่ากลัวไม่มีใครเทียบได้แล้ว

แต่เป็นสัตว์ประหลาดดูดทรัพย์อ่ะ

ทรัพยากรที่ใช้หมดไปก็ไม่มีใครเทียบได้

นับรวมครั้งนี้เข้าไป ก่อนหน้ากับครั้งหลัง รวมกันแล้วใช้ทรัพยากรตระกูลเซียวหมดไปสามสิบล้านล้านแล้ว

อย่าว่าแต่เจ้าบ้าน ตัวเขาเองยังปวดใจจนเลือดซิบ

ทรัพยากรที่พอให้คนทั้งตระกูลเซียวใช้ฝึกวิชาได้ถึงยี่สิบปี โดนเย่เซิ่งเทียนคนเดียวใช้ไปทั้งหมด

เขาสงสัยอยู่มาก เย่เซิ่งเทียนใช่ใช้ทรัพยากรนี้หมดไปจริง ๆ หรือ

แต่ความเป็นจริงก็ได้บอกเขาแล้ว เรื่องเป็นจริงอย่างนั้นจริง ๆ

ผู้ฝึกวิชาคนหนึ่งเริ่มต้นการฝึกบู๊ ตลอดการฝึกจากเริ่มต้นจนถึงแดนสะพานเทพ รวมมูลค่าทรัพยากรสิ้นเปลืองที่ใช้ในการฝึกทั้งหมด เฉลี่ยโดยพื้นฐานแล้วก็ต้องใช้ถึงสาม-สี่สิบล้านล้าน

แต่นั่นไม่ใช่ใช้หมดกันไปในหนึ่งเดือน แต่เป็นหลายสิบปี ถึงร้อยปี หรือใช้กันเป็นหลายร้อยปี

ทว่าจะคิดดูมันก็เป็นในสภาพปกติ คนอื่นใช้เวลาฝึกกันเกินสิบปีถึงร้อยปีจึงไปถึงแดนสะพานเทพได้ แต่เย่เซิ่งเทียนกลับใช้เวลาเพียงสั้น ๆ ในเดือนเดียวก็ตีเสมอไปแล้ว

การใช้ทรัพยากรไปมากมายขนาดนี้เทียบกันแล้วก็พอ ๆ กัน แต่เพียงว่าเวลาที่สั้นลงมากเกิน

ช่วงเวลาสั้น ๆ ใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองมากไปขนาดนั้น ตระกูลเซียวจะทานรับไม่ไหวแล้ว

ต่อให้เป็นสรวงสวรรค์ ในหนึ่งเดือนส่งเสียให้คนหนึ่งคนฝึกวิชาแล้วใช้ทรัพยากรไปเป็นมูลค่าสามสิบล้านล้าน ก็ต้องปวดหัว

“คุณชายเย่ ท่านสามารถทะลวงทะลุแดนสะพานเทพได้แน่หรือ?”

เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างไม่พอใจว่า “ฉันว่าท่านเฟิง ฉันเคยโกหกอะไรพวกคุณเมื่อไหร่บ้าง?หรือพวกคุณยังมองไม่เห็นผลสำเร็จที่ผ่านมาของฉัน?”

เหล่าเฟิงรีบตอบไปว่า “มิกล้ามิกล้า แต่ก็ที่เดือนหนึ่งใช้ทรัพยากรหมดไปเป็นมูลค่าถึงสามสิบล้านล้าน จริง ๆ นะ มันเป็นเรื่องน่าตื่นตระหนกมาก”

จะไม่น่าตื่นตระหนกได้ยังไง

ถ้าเปลี่ยนให้เป็นคนอื่น แค่ดันก็ดันกันตายไปแล้ว

ยังจะไปฝึกหาบ้าอะไรได้

เย่เซิ่งเทียนโบกมือด้วยความรำคาญพูดว่า “ไม่มีอะไรแล้วคุณไปทำเรื่องงานของคุณเถอะ อย่ารบกวนเวลาการฝึกของฉัน”

เหล่าเฟิงในใจนึกโกรธจนอยากกระโดดเตะสักที เย่เซิ่งเทียนมันพวกหน้าหมาจริง ๆ นึกเปลี่ยนสีหน้าก็เปลี่ยนสีหน้า

ก่อนนี้ตอนที่ขั้นแดนยังต่ำกว่าเรานั้น อ่อนน้อมถ่อมตน ยังมีเรียกพ่อเฒ่าเฟิงหยั่งงี้พ่อเฒ่าเฟิงหยั่งงั้น

ตอนนี้พอทะลุแดนฉ่องทิพย์ห้วงหลอมวิญญาณสมบูรณ์แล้ว ก็เริ่มทำเป็นขี้รำคาญเลยรึ?

ทำโอหังเป็นลมตด!

ก็แค่หมูที่ท่านเจ้าบ้านเอามาขุนเลี้ยงในบ้าน ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเป็นชุดสวมใส่เสริมบารมีให้เจ้าบ้านของบ้าน

ดูว่าแกจะทำผยองไปได้ถึงเวลาไหน

หลังจากเหล่าเฟิงออกไปแล้ว เย่เซิ่งเทียนแค่นหัวเราะอย่างเหยียดหยาม

ปิดประตู เริ่มทำการฝึกวิชา

เย่เซิ่งเทียนได้หลอกเซียวเทียนเฉิงไว้ แดนที่แท้จริงของเขานั้น ความจริงตอนนี้เขามาถึงแดนฉ่องทิพย์ห้วงหลอมวิญญาณสมบูรณ์แล้ว

อีกทั้งเสร็จสิ้นขบวนการผสานสี่จิตวิญญาณแล้ว

เพียงได้ผสานสำเร็จครบห้าจิตวิญญาณ แปรสถานะเป็นวิญญาณเทพ นั่นก็คือห้วงหลอมวิญญาณสมบูรณ์เต็ม

สุดยอดของแดนฉ่องทิพย์

“ถ้าไม่ใช่เพื่อทรัพยากรในมือพวกแก มีหรือที่ฉันจะเสียเวลามากมายมาเล่นเอาเถิดกับพวกแก?”

“ทรัพยากรตระกูลเซียวก็มีให้ฉันใช้พอสมควรแล้ว รอให้ฉันทะลวงทะลุแดนสะพานเทพแล้ว นั่นก็คือเวลาที่คนบ้านตระกูลเซียวต้องแต่งชุดขาวกันทั้งบ้าน!”

เย่เซิ่งเทียนข่มบังคับอารมณ์พลุ่งพล่านในใจไว้ เซียวเทียนเฉิงด้วยความมุ่งหวังเอามวลสารทิพย์ ทรัพยากรที่ทุ่มเทให้เขาไปนั้นแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่กล้าจะเชื่อ

ไอ้หมาแก่ตัวนี้น่ากลัวหวังได้มวลสารทิพย์ คงจะเป็นบ้าไปแล้ว

“ท่านแม่ ลูกจะได้ล้างแค้นให้ท่านก่อนได้ในเร็ววันนี้แล้ว ท่านได้โปรดอดทนไว้ ลูกจะช่วยท่านออกมาได้ในเร็ว ๆ นี้แน่ และแก้แค้นให้คุณพ่อ!”

เย่เซิ่งเทียนขบฟันเครียด และลงมือฝึกวิชาต่อ

เขาไม่กล้าหยุด กลัวว่าคุณแม่จะทนทรมานของสรวงสวรรค์ไม่ไหว

“ห้าจิตวิญญาณ เข้าผสานรวมกันเดี๋ยวนี้!”

เย่เซิ่งเทียนคุมบังคับจิตวิญญาณไฟอันเป็นธาตุสุดท้ายนี้ ให้ผสานเข้ากับอีกสี่จิตวิญญาณ

การกระทบกันของห้าจิตวิญญาณ ถึงแม้จะมีประสบการณ์มาแล้ว แต่การผสานจิตวิญญาณไฟครั้งนี้ ยากลำบากมากอย่างยิ่ง