เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1924 นักลงทัณฑ์
ภาคกลาง ถ้ํามังกรเห็น
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ผู้อมตะทั้งแปดของทะเลตะวันออกเห็นการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า
ในเวลานี้ท้องฟ้าของภาคกลางถูกปกคลุมไปด้วยแสงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ
“มันน่าจะเป็นวิธีการของวังสวรรค์แต่พวกเราไม่รู้ว่ามันสามารถทําสิ่งใด” ชิงอว์อันขมวดคิ้วกล่าว
“มีสิ่งใดต้องกลัว เราจะจัดการเมื่อมันมาถึง ด้วยพลังของพวกเรา ผู้ใดจะสามารถหยุด เว้นเพียงวังสวรรค์จะส่งกองกําลังหลักของพวกเขาออกมาเผชิญหน้ากับพวกเรา” หยางจื่ออี้หัวเราะ
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ” ชิงอวอันขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในสถานการณ์ปัจจุบัน วังสวรรค์ต้องให้ความสําคัญกับการซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรมเป็นอันดับแรก ถ้ำมังกรเร้นเป็นเพียงพื้นที่เล็กๆของภาพใหญ่ หากวังสวรรค์ส่งกองกําลังหลักมาที่นี่เพื่อต่อต้านผู้อมตะจากทะเลตะวันออก มันจะเป็นการตัดสินใจที่แย่มาก
“ทําลายค่ายกลและปล่อยตี้จางเฉิงออกมาสร้างหายนะ จากนั้นโอกาสจะเป็นของเรา” หยางจื่ออี้ให้กําลังใจทุกคน
“หือ…รอเดี๋ยว เหตุใดต้องรีบร้อน?” ซึ่งฉีหยวนกล่าวอย่างสงบ “เมื่อวังสวรรค์เคลื่อนไหวแล้ว อย่างน้อยเราก็ควรตรวจสอบว่ามันสามารถทําสิ่งใด”
คํากล่าวของซ่งฉีหยวนทําให้กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกรู้สึกลังเลใจอีกครั้ง
หยางจื่ออี้และแม่ทัพมังกรคนอื่นๆลอบสาปแช่งอยู่ภายใน
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวทําให้พวกเขากังวลถึงความปลอดภัยของตนเองมากเกินไป หากพวกเขาเป็นผู้อมตะภาคเหนือ พวกเขาคงบุกเข้าไปทําลายค่ายกลนานแล้ว นี่คือเหตุผลที่ทะเลตะวันออกถูกกดขี่และไม่สามารถต่อต้านผู้อมตะของภูมิภาคอื่น
ฟางหยวนไม่ต้องการให้พวกเขารออยู่ข้างนอก
ดังนั้นยายหรงจึงต้องเปิดปากกล่าว “วิธีนี้จึงถูกใช้งาน เราอาจต้องรอสามวันก่อนที่มันจะส่งผลกระทบ แล้วเราจะรออยู่ที่นี่ตลอดสามวันงั้นหรือ?”
“นี่…” ซ่งฉีหยวนและคนอื่นๆไม่แน่ใจ
แต่ในจังหวะนี้แสงดาวกลับพุ่งลงมาจากท้องฟ้า
แสงดาวมากกว่าสิบสายพุ่งลงมาพร้อมกัน จากนั้นผู้อมตะสิบคนของวังสวรรค์ก็ปรากฏตัวขึ้นและปิดล้อมกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกเอาไว้
การแสดงออกของผู้อมตะทะเลตะวันออกเปลี่ยนแปลงไป
พวกเขาถูกศัตรูปิดล้อมอย่างกะทันหันสถานการณ์เลวร้ายมาก
“เป็นเพียงแมลงตัวน้อยแต่กลับกล้ารุกรานวังสวรรค์!” จางเฟยซึ่งกล่าวเสียงเย็น
“วันนี้จะเป็นวันตายของพวกเจ้า” หว่านชื่อหงเลียริมฝีปากของนาง
“ผู้บุกรุกต้องถูกสังหาร” ฉันซึ่งกล่าวด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม
“ไม่จําเป็นต้องพูดมากรับความตาย!” ผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งไม่สามารถอดทนรอ นางพุ่งออกไปข้างหน้าทันที
นางมีร่างกายอวบอ้วน นางดูเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่ที่พุ่งเข้าไปหากลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออก
กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อมตะหญิงอ้วนกรีดร้องด้วยความโกรธ “พวกขี้ขลาดเหตุใดต้องหลบ? มาสู้กับมารดาผู้นี้สามร้อยรอบ!”
“นางยังใจร้อนเหมือนเดิม” ผู้อมตะของวังสวรรค์บางคนถอนหายใจ
“ในสถานการณ์ปกติ นักลงทัณฑ์จะอ่อนโยนและใจดี แต่เมื่อนางเข้าสู่การต่อสู้ นางจะกลายเป็นอีกคน” ผู้อมตะของวังสวรรค์เฝ้ามองด้วยรอยยิ้มขมขึ้น
นักลงทัณฑ์หญิงของวังสวรรค์ไล่ล่าผู้อมตะของทะเลตะวันออกพร้อมกับตะโกนถ้อยคําที่หยาบคายออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง นางเสียงดังมาก
“หญิงเลว อย่ายโสมากเกินไป” ชิงอวอันไม่สามารถรับได้ เขาหันกลับมาต่อสู้ในที่สุด
นักลงทัณฑ์ดีใจมาก “ในที่สุดก็มีคนหยุดวิ่ง!”
“บีม!”
ท่าไม้ตายพุ่งปะทะกัน
คลื่นกระแทกที่รุนแรงระเบิดออกไปและทําให้เมฆที่อยู่รอบๆกระจัดกระจาย
“ไปเสริมกาลังให้นาง” ฉินซ่งออกค่าสั่ง เขาผู้อมตะมีความอาวุโสมากที่สุดในกลุ่ม
ผู้อมตะของวังสวรรค์ทั้งหมดพุ่งออกไปพร้อมกัน
ท่ามกลางพวกเขา จูชิวเอ่อบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไฟและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงผู้อมตะหลุมดําบ่ม เพาะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เย่เซียวจื่อ อู่ช่วง อวจจ่อ และคนอื่นๆต่างเป็นสมาชิกของวังสวรรค์ที่มีชื่อเสียงในอดีต
ฝ่ายของวังสวรรค์ไม่เพียงมีจํานวนคนมากกว่าแต่พวกเขายังสามารถทํางานร่วมกันได้อย่างยอดเยี่ยม
ผู้อมตะทั้งแปดของทะเลตะวันออกถูกบังคับให้ล่าถอยซ้ําแล้วซ้ําอีก
“นี่คือกับดักถอย!” ซ่งฉีหยวนตะโกน
ค่ากล่าวของเขาได้รับการอนุมัติจากสมาชิกฝ่ายธรรมะอีกสามคนของทะเลตะวันออกทันที
แต่แม่ทัพมังกรทั้งสี่ยังนิ่งเงียบ
หากปราศจากคําสั่งของฟางหยวน พวกเขาจะไม่ถอย
ท่ามกลางการต่อสู้ที่วุ่นวาย จูชิวเอ่อยิงใบมีดเพลิงไปที่ยายหรง
ยายหรงกําลังต่อสู้อยู่กับจ้าวซาน เมื่อเห็นใบมีดเพลิงนางไม่หลบ
ในช่วงเวลาสําคัญ จางหยินปรากฏตัวขึ้นและช่วยปิดกั้นใบมีดเพลิง
“โอ้ มีบางสิ่งแปลกประหลาดเกี่ยวกับสองคนนี้” การแสดงออกของจูชิวเอ๋อเปลี่ยนไป นางรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผู้ผิดปกติ
เปรียบเทียบกับชีวิตก่อนหน้า ครั้งนี้นางตื่นจากการจําศีลเร็วขึ้นมาก นางเตรียมการหลายอย่างและได้รับข้อมูลเกี่ยวกับยายหรงและจางหยินมาแล้ว
คนทั้งสองเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษแต่พวกเขากลับเชื่อใจกันมากนี่เป็นเรื่องที่หาได้ยาก
แต่ในไม่ช้าจชั่วเอ๋อก็พบว่าไม่เพียงจางหยินและยายหรง แต่หยางจื่ออี้และซื้อเดี๋ยวก็แปลกประหลาดเช่นกัน ทั้งสี่เชื่อใจกันอย่างสมบูรณ์ พวกขาปกป้องกันและกันจากสถานการณ์อันตราย
เนื่องจากการประสานงานอันยอดเยี่ยม พวกเขาจึงสามารถต่อต้านการโจมตีของผู้อมตะจากวังสวรรค์
เทพธิดาคือเว่ยเฝ้ามองสถานการณ์จากวิหารกลางในวังสวรรค์
แสงดาวส่องประกายขึ้นด้านหน้านางและเผยให้เห็นฉากเหตุการณ์ที่ถ้ํามังกรเร้น
แม้นางจะอยู่ในวังสวรรค์แต่นางสามารถรับรู้สถานการณ์ของสนามรบภายนอกได้โดยตรง
“เกิดสิ่งใดขึ้น? ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ควรใกล้ชิดเช่นนี้ เว้นเพียงพวกเขาจะมีข้อตกลงบางอย่างและทําให้พวกเขาสามารถร่วมมือกันได้อย่างเต็มที่”
เทพธิดาจอเว่ยไม่สามารถคิดได้มากกว่านี้และมันก็ไม่ใช่เวลาที่จะอนุมานเรื่องนี้
นางคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะออกคําสั่ง
หลังจากได้รับค่าสั่งจากเทพธิดาจอเว่ย เฒ่าไปเฟิงที่อยู่ในถ้ํามังกรเห็นก็กระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะทันที
แสงสว่างส่องประกายขึ้นทั่วสนามรบ
“โอ้ ไม่!”
“ออกไปเร็ว!”
“หากพวกเราติดอยู่ในค่ายกล พวกเราจะถูกแยกออกจากกัน”
กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกกลายเป็นตื่นตระหนก
แต่ผู้อมตะของวังสวรรค์จะปล่อยให้พวกเขาออกไปได้อย่างไร
กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกถูกกีดขวางและถูกบังคับให้อยู่ในค่ายกลพร้อมกับกลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์
เฒ่าไปเพิ่งควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะด้วยใบหน้าซีดขาวและเลือดที่ไหลออกมาจากจมูก
แม้ค่ายกลวิญญาณอมตะของถ้ํามังกรเร้นจะทรงพลัง แต่การใช้มันกับผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากในครั้งเดียวเกินขอบเขตของเฒ่าไปเฟิง
“ท่านปู่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” ฟงชานชื่อที่อยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยความกังวล
เขาเป็นหลานชายของเฒ่าไปเฟิง หากเขาไม่ได้ทําความผิดและถูกลงโทษให้มาปกป้องถ้ํามังกรเร้นเฒ่า ไปเฟิงอาจกลายเป็นสมาชิกของวังสวรรค์ไปแล้ว
“หากข้าทํางานได้ดีในครั้งนี้ วังสวรรค์อาจรับข้าเป็นสมาชิก ดวงตาของเฒ่าไปเพิ่งส่องประกายขึ้นด้วยความคาดหวัง
ผู้อมตะของทะเลตะวันออกถูกแยกออกจากกัน
“ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ใช้ผนึกจางเฉินเป็นหลัก มันไม่มีพลังโจมตีใดๆแต่มันสามารถกักขังผู้อมตะเอาไว้ภายใน”
เทพธิดาจอเว่ยเข้าใจค่ายกลวิญญาณอมตะนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงสั่งให้ผู้อมตะของวังสวรรค์ล่าถอย
“ข้าจะทิ้งที่นี่ไว้ให้เจ้า” ฉินซึ่งกล่าวก่อนจะจากไป
“ข้าจะปกป้องที่นี่ด้วยชีวิตหากเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าจะรีบรายงานทันที” เฒ่าไปเฟิงกล่าว
“ดี” ฉันซึ่งกล่าว
แสงดาวนํากลุ่มผู้อมตะของวังสวรค์จากไปอย่างรวดเร็ว
อีกด้านหนึ่ง ฟางตี้เฉิงกําลังนํากลุ่มผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิ
การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมยังไม่ถึงรอบสุดท้าย แต่เมื่องจักรพรรดิ์เป็นสถานที่เดียวที่สามารถปกป้องผู้เข้าแข่งขัน สถานที่แห่งนี้ได้รับการคุ้มกันอย่างหนาแน่นจากวังสวรรค์ ดังนั้นฟางตี้เฉิงจึงขอให้กลุ่มผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกมุ่งหน้าไปยังเมืองจักรพรรดิ
แต่ในจังหวะนี้แสงดาวกลับพุ่งลงมาจากท้องฟ้าก่อนที่ผู้อมตะของวังสวรรค์มากกว่าสิบคนจะปรากฏตัวขึ้น
“ฆ่า!” นักลงทัณฑ์พุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
แต่คราวนี้กลุ่มผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกไม่หวั่นไหว
พวกเขาอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเขารู้สึกปลอดภัยมาก
แม้นักลงทัณฑ์จะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่นางไม่สามารถทําลายคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้ทันที
“วังสวรรค์มีวิธีขนส่งผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากในครั้งเดียวจริงๆ!” ฟางตี้เฉิงไม่เสียเวลาคิดและระดมคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังต่อต้านศัตรูอย่างรวดเร็ว
ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาและผู้ควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ฟางตี้เฉิงได้รับเลือกให้เป็นผู้นํา และมีอานาจสูงสุด
กลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์ต้องหลบเลี้ยงคฤหาสน์วิญญาณอมตะของฝ่ายตรงข้าม
แต่ผู้อมตะสองคนไม่ได้ล่าถอย
หนึ่งคือจางเฟยซ่ง เขาเปลี่ยนร่างเป็นยักษ์หัวหมีร่างมนุษย์และต่อต้านคฤหาสน์วิญญาณอมตะด้วยร่างกายของเขา
อีกหนึ่งคือนักลงทัณฑ์ นางเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง นางเปลี่ยนร่างเป็นต้นไม้กินเนื้อนางใช้รากไม้และกิ่งไม้ฟาดออกไปอย่างบ้าคลั่ง
“ปัง ปัง ปัง ปัง…”
คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดหลายครั้งถูกบังคับให้ล่าถอย
ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ การแสดงออกของฟางตี้เฉิงกลายเป็นมีดคม
แผนการของวังสวรรค์มีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไป
“จางเฟยซ่ง หว่านชื่อหง และจูชิวเอ๋อตื่นขึ้นล่วงหน้ากระทั่งนักลงทัณฑ์ก็ยังปรากฏตัว
สิ่งสําคัญที่สุดคือท่าไม้ตายอมตะที่สามารถขนส่งผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากได้ในครั้งเดียวสิ่งนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน!”
นี่คือไพ่ตายใบสําคัญของพวกเขา
ตราบเท่าที่ท่าไม้ตายนี้ไม่ถูกทําลายวังสวรรค์จะสามารถจัดการทุกสิ่งที่พุ่งเข้าโจมตีพวกเขาได้ในเวลาเดียวกัน