หลังจากไหว้คำนับฟ้าดินแล้ว พวกชนพื้นเมืองยิ่งอยู่ร้องสนั่น ผลักดันพวกเขาเข้าห้องหอ

เวินเส้าหยีถูกวางไว้บนเตียง

กู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างเตียง มองดูผู้คนที่อยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัวขึ้นมา

“พวกเราเข้ามาในห้องหอแล้ว พวกเจ้ายังอยู่ที่นี่ทำไม? ไม่ควรที่จะให้พวกเราอยู่กันเป็นการส่วนตัวหรือ”

“พวกเราจะดูพวกเจ้าเข้าห้องหอกันไง” พวกอาต้าพูดออกมาอย่างเป็นเรื่องปกติ คนอื่นก็แสดงท่าทีไม่แปลกใจเลย แต่ละคนลูบฝ่ามือ รออยู่อย่างกระตือรือร้น

กู้ชูหน่วนแทบอยากสลบตายไปเลย

“พวกเจ้าคนเยอะขนาดนี้มองดูอยู่ พวกเราจะเข้าห้องหอกันได้ยังไง?”

เส้นเอ็นเวินเส้าหยีนูนไปทั้งร่างกาย ราวกับกำลังอดกลั้นความโกรธเคืองไว้

“พวกเราที่นี่ชายหญิงเข้าห้องหอ ล้วนเชิญคนทั้งเผ่ามาดู คนดูยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามของเขา”

“แต่ข้าไม่ใช่คนที่นี่ ข้าหน้าบาง พวกเจ้ายืนมองดูกันเยอะขนาดนี้ ฆ่าข้าเสียเลยจะดีกว่า”

ทุกคนมองดูกู้ชูหน่วนอย่างไม่เข้าใจ

พวกเขาแทบจะมากันทั้งชาเผ่าแล้ว

ถือเป็นการให้เกียรติอย่างมากแล้ว?

นางยังจะโกรธโมโหอะไร?

หรือว่าผู้ชายคนเดียวน้อยเกินไป นางอยากได้หลายๆคน?

“หรือว่าเขาคนเดียวไม่เพียงพอสำหรับเจ้า เอาแบบนี้ เห็นแก่ที่เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตหัวหน้าเผ่า คนของเราที่นี่เจ้าเลือกได้เลย ขอเพียงไม่เกินสิบคน เจ้าเลือกไปได้เลย”

กู้ชูหน่วนกลอกตามองบน

นางไม่ใช่แม่หมู

ต่อให้เป็นแม่หมู ก็ไม่เล่นแบบนี้

ในขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังจะอาละวาด ยังไงหัวหน้าเผ่าก็มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง พูดออกมาอย่างยุติธรรมว่า “ขนบธรรมเนียมข้างนอกไม่เหมือนพวกเราจริงๆ ผู้หญิงข้างนอกหน้าบาง และก็ให้ความสำคัญในศักดิ์ศรี ตอนเข้าห้องหอจะไม่ให้คนอื่นมองดู เอาแบบนี้ พวกเราออกไปกันเถอะ ให้พวกเขาได้เข้าห้องหอกัน”

“ข้างนอกทำไมมีขนบธรรมเนียมเยอะแยะจัง ยุ่งยากจริง”

“แยกย้ายกันเถอะ” ยังไงหัวหน้าเผ่าก็เห็นแก่ที่นางช่วยชีวิตเขา จึงไม่ทำให้ลำบากใจ

แต่ต่อมาเขาพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค ทำให้กู้ชูหน่วนกับเวินเส้าหยีต่างพูดไม่ออก

“ถึงแม้พวกเราไม่เห็นพวกเจ้าเข้าห้องหอกัน แต่พวกเราจะเฝ้าอยู่ข้างนอก ฟังเสียงพวกเจ้าเข้าห้องหอ หากพวกเรารู้ว่าพวกเจ้าไม่ได้เข้าห้องหอ งั้นขอโทษด้วย พวกเราก็ยังคงจะฆ่าผู้ชายคนนั้น”

กู้ชูหน่วน “…”

นางเป็นคนมีอารยธรรมคนหนึ่ง เจอกับคนดึกดำบรรพ์ที่ไม่มีเหตุผล พูดเหตุผลไม่รู้เรื่องกันเลย

“ใช่ พวกเจ้าชื่ออะไร?”

กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองดูหน้ากากบนใบหน้าเวินเส้าหยี แล้วยิ้มพูดขึ้นว่า “เขาชื่อเจ้าผีเสื้อ ข้าชื่อผึ้งน้อย”

“เจ้าผีเสื้อ ผึ้งน้อย? พวกเจ้าไม่มีนามสกุลหรือ?”

“มีสิ พวกเราล้วนแซ่เสี่ยว”

“พ่อ เจ้าดูสิ ข้าบอกแล้ว พวกเขาที่มาจากข้างนอกนามสกุลเดียวกันก็แต่งงานกัน เจ้าก็ไม่เชื่อข้า”

“เอาล่ะ ต่างนิ่งอึ้งอยู่ทำไม ถอยออกไปกันก่อนเถอะ”

หัวหน้าเผ่ามีคำสั่ง ทุกคนต่างออกไปหมดแล้ว ภายในห้องเหลือเพียงกู้ชูหน่วนกับเวินเส้าหยีสองคน

กู้ชูหน่วนปิดประตู แล้วก็นั่งลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ แล้วก็สะกิดแขนของเวินเส้าหยี

“พวกเขาเฝ้าอยู่ด้านนอก เราทำไงดี?”

“เจ้ากล้าแต่ต้องข้า ก็เตรียมตัวตายด้วย”

“เจ้าคิดว่าข้าอยากแตะต้องเจ้าหรือ แม้แต่หน้าตาเจ้าเป็นยังไงก็ไม่รู้ รู้เพียงว่าบนก้นมีปาน”

“เจ้า….”

“เอาล่ะ เอาล่ะ ตอนนี้อยู่ในเขตพื้นที่ของคนอื่น อยากไปก็ไปไม่ได้ ในเมื่อจะแสดงละคร ก็ต้องแสดงให้สมบทบาท ทำให้พวกเขาเชื่อมั่นก่อน รอเจ้าฟื้นคืนกำลังแล้วค่อยว่ากัน”

เวินเส้าหยีคาดหวังหนังหน้าผู้หญิงตรงหน้าคนนี้น้อยไปจริงๆ

ผู้คนนี้คลานขึ้นมาบนเตียง เขย่าเตียงอยู่อย่างต่อเนื่อง ปากก็ส่งเสียงร้องอย่างคลุมเครือ

และ….ยิ่งร้องก็ยิ่งดัง

สีหน้าเวินเส้าหยีแดงก่ำ แม้แต่ใบหูก็แดงไปหมด

หน้าไม่อาย

หน้าไม่อายจริงๆ

กู้ชูหน่วนพูดด่าขึ้นมาว่า “นิ่งอยู่ทำไม ส่งเสียงร้องสิ”

เวินเส้าหยีหันหน้าไป

เขาไม่ส่งเสียงร้องเด็ดขาด

เรื่องน่าอายแบบนี้ ตีตายเขาก็ไม่ทำ