ตอนที่ 1290

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันรู้สึกว่าเขาได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว

จำนวนของสิ่งมีชีวิตใต้พิภพที่ตายด้วยเงื้อมเขานั้นมีนับร้อย ตอนนี้พลังของเขาไม่มีเหลือแล้วทำให้ไม่สามารถสู้รบได้อีกต่อไป

ยิ่งกว่านั้นหากรวมกับตอนนี้ ปรมาจารย์ระดับดาราที่ต้องการไล่ล่าเขามีถึงสองคนแล้ว เกรงว่าเขาเขาไม่สามารถเปิดเผยตัวได้ไปอีกสักพัก

ธิดาซื่อเยว่รับปากสัญญาว่าจะดูแลสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ให้เขา ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนางในสงคราม เพราะอย่างไรตัวนางเองก็เป็นจอมยุทธที่ทรงพลังที่สุดคนหนึ่ง หากไม่ใช่ปรมาจารย์ระดับดาราก็ยากที่จะทำร้ายนางได้

หลิงฮันเริ่มฟื่นฟูพลังของตัวเอง เขาวางผลึกก่อเกิดหลายสิบก้อนไว้รอบๆและดูดซับเข้าไปในตันเถียนอย่างบ้าคลั่ง

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงปราณก่อเกิดของเขาก็ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ แต่ในทางกลับกันกายหยาบของเขานั้นฟื้นฟูกลับสู่สภาพสมบูรณ์ก่อนพลังปราณเสียอีก

เขามองออกไปนอกหอคอยทมิฬและพบว่าปรมาจารย์ชุดเทายังไม่ไปไหนไกล อีกฝ่ายยืนโดดเด่นอย่างองอาจแพร่กระกายสัมผัสสวรรค์ตามหาตำแหน่งของเขา

ให้ตายเถอะ ยังไม่ไปอีก!

เพื่อไม่ใช่เสียเวลา หลิงฮันจึงตัดสินใจฝึกฝนหลอมเม็ดยา

หนึ่งวันถัดมาเขามองออกไปด้านนอกและพบว่าสงครามสิ้นสุดแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างล่าถอยกลับไปเหลือทิ้งไว้เพียงร่างที่ไร้ชีวิตนับไม่ถ้วนและรอยเลือดจำนวนมหาศาลที่ย้อมอยู่บนพื้นดิน

หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬและรุดกลับไปยังค่ายที่พัก

สงครามครั้งนี้ฝั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เสียหายอย่างมาก

สามกองทัพใหญ่กับจอมยุทธพเนจรรวมกันแล้วมีจำนวนราวๆเจ็ดแสนคน เมื่อกำลังเสริมมาถึงจำนวนของจอมยุทธฝั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้เพิ่มขึ้นเป็นราวๆหนึ่งล้านสามแสน เพียงแต่ว่าพลังของพวกเขาไม่สามารถทัดเทียมกับฝั่งดินแดนใต้พิภพได้เนื่องจากพวกมันทั้งหมดมีระดับสุริยันจันทรา

หลังจากสงครามนี้จำนวนจอมยุทธของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลดลงไปเหลือราวๆแปดแสนคน จอมยุทธที่ตายส่วนใหญ่คือระดับภูผาวารีและสุริยันจันทราขั้นต้น แม้แต่ตัวตนระดับดาราก็ยังตกตายไปถึงสามก่อให้เกิดความตกตะลึงไปทั่วดาวหยุนติ่ง

มีข่าวเกิดขึ้นว่าดินแดนใต้พิภพกำลังตามหาอะไรบางอย่างในสนามรบสองดินแดน ซึ่งทุกคนต่างมั่นใจและเชื่อกันว่าดินแดนใต้พิภพไม่ได้พยายามยึดครองดวงดาวแต่พยายามตามหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ที่นี่!

ข่าวอีกข่าวหนึ่งคือเชี่ยตงหลายยังไม่ตายแต่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน พวกมันให้ตระกูลเชี่ยไถ่ตัวเขาด้วยผลึกก่อเกิดจำนวนมาก

หลิงฮันตะลึงมาก หมอนี่เหตุใดถึงดวงแข็งขนาดนี้… นี่เขายังไม่ตายอีก?

แต่หากคิดดีๆ ก่อนหน้านี้เชี่ยตงหลายได้ใช้ตราประทับเพื่อหลบหนีแต่ก็ถูกเขาขัดขวางเสียก่อนและถูกปรมาจารย์ของสิ่งมีชีวิตใต้พิภพจับตัวไป บางทีปรมาจารย์คนนั้นอาจจะเห็นว่าเชี่ยตงหลายมีตราประทับทีล้ำค่าทำให้คาดเดาว่าเชี่ยตงหลายมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่จึงใช้เป็นสินค้าขายแลกเปลี่ยนกับผลึกก่อเกิด

หลิงฮันไม่ใช่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากกองทัพที่ถูกนำโดยเชี่ยตงหลาย มีสิบคนที่รอดมาได้ซึ่งแต่ละคนต่างเปิดเผยเล่าว่าเชี่ยตงหลายเป็นผู้นำทัพเอาแต่ใจที่พาพวกเขาไปสู่ความตาย

แต่ตระกูลเชี่ยที่ต้องการภาพลักษณ์ที่ดีได้ปล่อยข่าวออกมาคัดค้านทันที พวกเขากล่าวว่าเชี่ยตงหลายเป็นวีรบุรุษผู้กล้าที่เสียสละตนเองสู้จนตัวตายจนถูกฝ่ายศัตรูจับกุมตัวไป

เมื่อตระกูลเชี่ยที่ทรงอำนาจเป็นคนกล่าวเช่นนี้ ใครจะกล้าต่อต้าน?

เชี่ยตงหลายกลายเป็นวีรบุรุษ ซึ่งตระกูลเชี่ยได้เห็นแก่ความดีความชอบนั้นจึงทำการไถ่ตัวเขากลับมาด้วยผลึกก่อเกิดจำนวนมหาศาล

ต่อหน้าสาธารณะตระกูลเชี่ยปฏิบัติต่อเชี่ยตงหลายเป็นดั่งวีรบุรุษ ส่วนภายในตระกูลนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เขาทำให้ตระกูลต้องสูญเสียทรัพยากรไปจำนวนมาก เป็นไปได้รึที่ตระกูลจะไม่ลงโทษ?

เชี่ยตงหลายถูกเรียกตัวกลับตระกูลทันที ส่วนด้วยเหตุผลอันใดนั้นบุคคลภายนอกย่อมไม่มีทางรับรู้

หลิงฮันอดคิดไม่ได้ว่าขนาดนี้แล้วเชี่ยตงหลายยังไม่ตายอีก… นี่เขาเป็นแมลงสาปหรืออย่างไร?

แต่หลิงฮันไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขาถูกเชี่ยตงหลายเกลียดยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า นอกจากจะถูกหลิงฮันทำร้ายจนถูกจับตัวไปแล้วสถานะในตระกูลของเขายังลดลงไปอีก

ในขณะที่สองดินแดนห้ำหั่นกัน จู่ๆดินแดนใต้พิภพก็มุ่งเป้าโจมตีอย่างบ้าคลั่งใส่กองทัพจันทราม่วง

แม้สามกองทัพใหญ่จะรวมกลุ่มกัน แต่เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายการโจมตีของพวกมันก็ยังเพ่งเล็งไปยังกองทัพจันทราม่วงอยู่ดี เพื่อทำให้ข้อสงสัยนี้กระจ่าง สามกองทัพจึงจงใจแยกกองทัพยังอย่างลับๆ ซึ่งผลลัพธ์ก็ชัดเจนยิ่งขึ้น

เป็นไปได้รึไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใต้พิภพเหล่านี้จะต้องการตัวสตรีจำนวนมาก?

ตอนนี้มีการสันนิษฐานมากมายเกิดขึ้น มีข้อสันนิษฐานหนึ่งที่กล่าวว่าดินแดนใต้พิภพที่ตลาดค้าขายมนุษย์ซึ่งพวกมันต้องการนำเหล่าสตรีไปให้กำเนิดทายาทเลือดผสมของเผ่าใต้พิภพกับเผ่ามนุษย์ เด็กที่เกิดจากสองเผ่าพันธุ์บางทีอาจจะมีพลังของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองดินแดน

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วอีกหลายปีสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากสองเผ่าพันธุ์จะสามารถบุกรุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย

ข้อสันนิษฐานมีเหตุผลพอฟังขึ้นก็จริงแต่ก็ยังเต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย

ไม่ต้องกล่าวเลยว่าวิธีการนี้ต้องใช้เวลาเตรียมการกี่ปี แถมเด็กที่เกิดมาจะมีกี่คนที่เป็นอัจฉริยะ? ถ้าไม่ใช่อัจฉริยะแล้ว พวกเขาจะมีพลังมากพอที่จะบดขยี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ?

ยิ่งกว่านั้นเหล่าสิ่งมีชีวิตใต้พิภพจะเชื่อใจเด็กที่เกิดใหม่เหล่านั้นรึไงกัน? พวกเขาจะยินยอมอบทรัพยากรบ่มเพาะให้พวกเขาเหล่านั้น?

อย่างน้อยหลิงฮันคนหนึ่งก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น

แต่จู่ๆเขาก็คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา

ที่กองทัพจันทราม่วงมีสัตว์อสูรน้อยอยู่ ซึ่งสัตว์อสูรน้อยตนนั้นก็มาจากดินแดนใต้พิภพ

เป็นไปได้รึไม่ว่าที่ดินแดนใต้พิภพเพ่งเล็งกองทัพจันทราม่วงจะเป็นเพราะสัตว์อสูรน้อยตนนั้น?

เหลือเชื่อยิ่งนัก สัตว์อสูรที่มีดีแค่น่ารักนั่นน่ะรึ? แต่เหตุการณ์บุกรุกก็เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่สัตว์อสูรน้อยปรากฏตัว เช่นนั้นแล้วที่ดินแดนใต้พิภพบุกรุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเพ่งเล็งเป้าหมายไปที่กองทัพจันทราม่วงก็เพราะสัตว์อสูรน้อย?

ไม่อาจทิ้งข้อสันนิษฐานข้อนี้ไปได้ แม้จะฟังดูเหลือเชื่อแต่ความจริงก็คือความจริง