บทที่ 1557 หน่วยตรวจการขวาลงสนาม

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

สมาชิกผู้ติดตามของหน่วยตรวจการขวาเร่งความเร็วทั้งหมดที่มี พออวี่จ้งเจินโบกมือ สมาชิกของทัพเป่ยโต้วก็ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสัตว์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เร่งความเร็วเหาะไปข้างหน้า

พวกเซวียนหยวนจัวที่มองมาทางนี้จากที่ไกลๆ ก็เร่งความเช่นกัน ชั่วพริบตาเดียวก็เข้าไปในจุดลึกของดาราจักรแล้ว

ต้องทราบไว้ว่าการเหาะบนดาวเคราะห์ทั่วไปไม่เหมือนกับเหาะในดาราจักร ตอนอยู่ในดาราจักรได้เปรียบเรื่องเร่งความเร็ว แค่ร่ายอิทธิฤทธิ์กระตุ้นก็จะยิ่งเหาะเร็วขึ้นเรื่อยๆ บนพื้นฐานของความเร็วเฉลี่ยแล้ว วรยุทธ์ที่เท่ากันเมื่อเหาะบนดาวเคราะห์ใช้เวลาหนึ่งวัน แต่เมื่ออยู่ในดาราจักรก็ใช้เวลาชั่วแวบเดียวเท่านั้น

เพียงแต่การทำแบบนี้ก็อันตรายเหมือนกัน ถ้าใช้ความเร็วมากเกินไป ถ้าเร็วจนเกินความสามารถในการหลบของตัวเอง ก็จะหลบไม่ทันแล้วชนกับสิ่งของ ถ้าอาศัยความเร็วแบบนั้นชนกับสิ่งของ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

ในร้านค้าร้านหนึ่ง จู่ๆ คนงานคนหนึ่งก็เดินออกมาจากโถงด้านหลัง ถอดเสื้อคลุมตัวนอกตลอดทางที่เดิน เผยให้เห็นชุดที่อยู่ข้างใน พอเดินมาถึงหน้าโต๊ะคิดเงินก็โยนชุดคลุมไว้บนนั้น แล้วถือโอกาสถอดหมวกกลมตบลงโบนโต๊ะ

ผู้จัดการร้านที่อยู่หลังโต๊ะคิดเงินลุกขึ้นยืน แล้วถลึงตาถามอย่างโมโหว่า “จ้าวกวง เจ้าจะทำอะไร? ไม่อยากทำแล้วเหรอ?”

คนที่ถูกเรียกว่าจ้าวกวงไม่ได้สนใจ โบกมือเรียกชุดคลุมสีดำปักขอบทองออกมาหนึ่งตัว รัดผ้าคาดเอว ใช้สองมือวางหมวกสีดำปักลายเมฆทองไว้บนศีรษะ ดึงเชือกที่ห้อยลงมาสองข้างผูกใต้คาง แล้วหันขวับมองไปยังผู้จัดการร้านที่อยู่หลังโต๊ะคิดเงิน สง่าราศีแตกต่างกับภาพลักษณ์ของคนงานก่อนหน้านี้ลิบลับ

ผู้จัดการร้านที่เห็นเขาแต่งตัวแบบนี้ตะลึงค้างแล้ว พอคนงานที่ถูกเรียกว่าจ้าวกวงถลึงตาใส่ เขาก็ยิ่งตกใจจนตัวสั่น โซเซถอยหลังไปชิดกับผนังโต๊ะ ใช้สองมือทำท่ายอมจำนน

“ไม่ทำแล้ว!” จ้าวกวงพูดทิ้งท้านแล้วเดินก้าวยาวออกจากประตูไป

กลุ่มคนที่อยู่ในร้านค้านิ่งเงียบราวกับเป็นไก่ที่ทำจากไม้ ผู้จัดการร้านกลืนน้ำลาย แล้วกล่าวเสียงสั่นว่า “คนของหน่วยตรวจการขวา…”

พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองแอบด่าตำหนักสวรรค์ลับหลัง หลายครั้งที่มีจ้าวกวงอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ผู้จัดการร้านก็แข้งขาอ่อนทันที ทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนปวกเปียก ทุกข์ใจราวกับพ่อแม่ตาย!

พอออกจากประตูมาแล้วก็ไม่มีใครกล้าขวางทางจ้าวกวง คนเดินถนนเห็นเครื่องแต่งกายบนตัวเขา ก็พากันหลีกทางให้ทุกคน

จ้าวกวงดึงกระบอกโลหะที่ถืออยู่ในมือออก ปากกระบอกพุ่งขึ้นฟ้า ฟิ้ว! มี ‘ดาวตก’ สายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าแล้วระเบิดออก

รวดเร็วมาก ตลอดทางมีคนที่สวมเครื่องแต่งกายเหมือนเขาวิ่งออกมาจากหัวถนนและตรอกซอกซอย มีสี่คนมารวมตัวอยู่ข้างหลังเขา จากนั้นทั้งห้าก็ทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยกัน เหาะข้ามหลังคาแต่ละหลังและถนนแต่ละสาย จากนั้นไปเหยียบลงหน้าประตูใหญ่ของหอฉางเจิน

ทั้งห้าคนบุกเข้ามาที่ประตูใหญ่หอฉางเจินโดยตรง คนในร้านหลายคนออกมาขวางทันที เห็นเครื่องแต่งกายของพวกเขาแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยเข้าไป ยกฝ่ามือห้ามพร้อมบอกว่า “ทูตพิเศษทัพตะวันตกกำลังเรียกแม่ทัพภาคอุทยานหลวงมาสืบคดี มีคำสั่งว่า ไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวน!”

จ้าวกวงเผยฝ่ามือ ถือป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งพร้อมตะคอกว่า “ฝ่าบาทมีคำสั่ง คดีของน่านฟ้าระกาติง ผู้สืบสวนผู้ถูกสืบสวนทุกคนถูกวางแผนจัดการทั้งหมดโดยหน่วยตรวจการขวา! ข้าได้รับคำสั่งจากทูตตรวจการขวา ตั้งแต่นี้ไป หนิวโหย่วเต๋อจะถูกควบคุมโดยหน่วยตรวจการขวา ไม่ว่าใครก็ห้ามขัดขวาง ผู้ที่ไม่คำตามจะโดนข้อหาขัดคำสั่ง ฆ่าไม่ละเว้น!”

คนที่ขวางอยู่หน้าประตูร้านสีหน้าเปลี่ยนทันที

ชวิ้งๆ! สี่คนข้างหลังจ้าวกวงชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว มีสองคนพุ่งไปเบิกทางข้างหน้า ตรงประตูไม่กล้ามีใครขวาง รีบหลีกไปทางซ้ายและขวา มีบางคนรีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อข้างใน

ใต้ชายคาทางเดินที่อยู่ติดทะเลสาบ โกวเยว่สีหน้าเปลี่ยนไปมาก หันขวับมาถามว่า “คนของเกาก้วนมาได้ยังไง?”

“คงจะเป็นสายลับใของหน่วยตรวจการขวาที่อยู่ในเมืองรวมกลุ่มกันขึ้นมาขอรับ” หานตงตอบ

“ไม่น่าเชื่อว่าจะยอมเปิดเผยสายลับที่แฝงตัวอยู่ในเมืองอย่างไม่เสียดาย…” โกวเยว่กำหมัดสองข้าง เสียงกระดูกข้อนิ้วโดนบีบเสียงดังกรอบแกรบ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวออกมาว่า “เกาก้วน!”

ตราบใดที่ไม่ใช่คนของหน่วยตรวจการขวามาเอง เขาก็มีเหตุผลต่างๆ นาๆ มาปฏิเสธได้ ไม่ว่าใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้ทั้งนั้น แต่เกาก้วนเป็นคนที่มีอำนาจในการประหารก่อนรายงานความผิด คนที่กล้าขวางคนของเกาก้วน คิดว่าหลังจากเกาก้วนมาแล้วจะไม่กล้าฆ่าเขาเหรอ? อีกฝ่ายประกาศแล้วว่าถ้าขัดคำสั่งจะฆ่าไม่ละเว้น ใครยังจะกล้าขวางอีกล่ะ?

คนที่ขัดคำสั่ง เวลาเกาก้วนสังหารขึ้นมาก็ไม่เคยปรานีอยู่แล้ว!

ทันใดนั้นโกวเยว่ก็โบกมือชี้ “ไปดูหน่อย! ต่อให้จะเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย แต่เขาก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะปลีกตัวหนีไปได้!”

หานตงถลันตัวออกไปทันที

ในศาลากลางสวนป่า ก่วงเม่ยเอ๋อร์ทิ้งที่อยู่ในมือดวงจิตน้ำแข็ง ทำให้บนพื้นมีน้ำค้างขาวเหาะ แต่นางกลับอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

พอเหมียวอี้เห็นนางทำท่าทางอย่างนั้น ก็รู้ว่านางไม่น่าจะรู้เรื่องราวเบื้องลึก จึงกล่าวเสียงเรียบว่า “แม่นางเม่ยเอ๋อร์ ในสุรานี้มีคนใส่ของปลุกกำหนัดเอาไว้”

“หา!” ก่วงเม่ยเอ๋อร์เงยหน้าอย่างตกใจมาก สายตาจ้องไปที่กาสุราอย่างอึ้งๆ

หานตงเหาะจากฟ้าลงมาเหยียบลงนอกศาลา เมื่อเห็นก่วงเม่ยเอ๋อร์ที่เสื้อผ้ายังเรียบร้อย แล้วเหลือบไปเห็นดวงจิตน้ำแข็งในมือเหมียวอี้ ทั้งยังมีน้ำค้างที่เกาะอยู่บนพื้นในศาลา มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย ตอนนี้เขากลุ้มใจแล้ว เดิมทีของสิ่งนี้ใช้ดีมาก ใช้จำนวนที่ทำให้คนสังเกตไม่พบว่าตัวเองโดนวางยา ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ?

ในขณะนี้เอง มีคนร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดังกองท้องฟ้าด้านบน “ได้รับคำสั่งจากทูตตรวจการขวา หนิวโหย่วเต๋อ แม่ทัพภาคหนิวอยู่ที่ไหน!”

สุดท้ายก็รอจนคนของเกาก้วนมาถึงแล้ว! เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์ตอบว่า “หนิวอยู่ที่นี่!”

ผ่านไปไม่นาน เงาร่างของคนห้าคนก็เหยียบลงพื้น จ้าวกวงเผยป้ายคำสั่งอีกครั้ง “ทูตขวามีคำสั่ง ตั้งแต่นี้ไป แม่ทัพภาคหนิวจะถูกดูแลโดนหน่วยตรวจการขวา”

เหมียวอี้พยักหน้าเล็กน้อย “ไปที่ไหนเหรอ?”

“ดูแลอยู่ตรงนี้แหละ ทุกอย่างต้องให้ท่านทูตขวามาถึงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ” จ้าวกวงตอบ

“ใครกันมาทำกำเริบเสิบสานขนาดนี้!” เสียงตะคอกของหวังเฟยเม่ยเหนียงดังขึ้น คนกลุ่มหนึ่งถลันตัวเข้ามา หวังเฟยอยู่ข้างหน้า พวกโกวเยว่อยู่ข้างหลัง

เสียงตะโดนดังขนาดนี้ หวังเฟยไม่ได้ยินก็แปลกแล้ว นางรู้ว่าคนของหน่วยตรวจการขวามาทำลายแผนการของนาง เรียกได้ว่าไฟโกรธก่อตัวขึ้นในอกทันที

หานตงส่งสายตาสื่อความหมายว่า ‘ยังไม่ได้กัน’ ให้โกวเยว่เงียบๆ ทำให้โกวเยว่หน้าเครียดทันที!

จ้าวกวงไม่รู้จักหวังเฟย แต่พอเห็นชุดสตรีบรรดาศักดิ์บนตัวนางก็ตกใจเช่นกัน กุมหมัดคารวะกล่าวว่า “ได้รับคำสั่งจากหน่วยตรวจการขวาให้มาสืบคดีขอรับ”

“ใครใช้ให้พวกเจ้าบังอาจบุกเข้ามาในเขตห้องนอนของหวังเฟย?” หวังเฟยตะคอกถามอย่างโมโห

รับผิดชอบขอหานี้ไม่ไหวหรอก! จ้าวกวงโบกมือเผยป้ายคำสั่งตรงหน้านาง แล้วกล่าวตอบเสียงดังว่า “ทูตตรวจการขวาเกาก้วนได้รับบัญชาจากสวรรค์ พวกเราได้รับคำสั่งให้มาควบคุมดูแลหนิวโหย่วเต๋อที่นี่ขอรับ ใครกล้าขัดขวางจะโดนข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง ฆ่าไม่ละเว้น! หวังเฟยอยากจะขัดคำสั่งหรือขอรับ?”

พอได้ยินคำว่า ‘เกาก้วน’ หวังเฟยก็ได้สติทันที รู้สึกเหมือนมีไอหนาวพรั่งพรูออกมาจากฝ่าเท้า บรรดาเพื่อนสาวที่นางสนิทคุ้ยเคย มีหลายคนที่โดนเกาก้วนประหารทั้งตระกูลไปแล้ว ยามปกติอยู่ในตระกูลชั้นสูงมีหน้ามีตาขนาดนั้น แต่พอผู้พิพากษาหน้าตายมาถึง สิ่งเหล่านั้นก็ปลิดปลิวหายเหมือนหมอกควัน พวกเพื่อนสาวที่เมื่อวานยังนั่งหัวเราะคิกคักด้วยกัน วันต่อมาก็ศีรษะร่วงพื้นหรือไม่ก็กลายเป็นเชลยถูกคุมขัง ไม่มีใครอยากลิ้มลองรสชาติแบบนั้น

เมื่อมีคำว่า ‘เกาก้วน’ และ ‘ฆ่าไม่ละเว้น’ รวมกัน โดยทั่วไปแล้วก็จะไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้กอบกูสถานการณ์เลย เรียกได้ว่าเทพขวางฆ่าเทพ พระขวางฆ่าพระ ประหารทั้งตระกูล แข็งแกร่งทานทน ราวกับไม่ว่าใครจะไปชนก็จะต้องร่างแหลกกระดูกแตก!

คิดไปคิดมาก็ตัวสั่นทั้งๆ ที่ไม่ได้หนาว หวังเฟยเม้มริมฝีปากแน่น

หานตงกลับเอียงหน้าส่งสายตาให้เซี่ยหลิงหลิง เซี่ยหลิงหลิงเดินอ้อมเข้าไปในศาลาทันที ไปเก็บของกินบนโต๊ะ โดยเน้นไปที่กาสุรา แต่ใครจะคิดว่าเม่ยเอ๋อร์จะโบกมือชี้ แล้วสั่งอย่างแค้นเคืองว่า “เหลือสุรากาขั้นไว้ให้ข้า!”

เซี่ยหลิงหลิงทำสีหน้าไม่ถูก เงยหน้ามองไปที่หานตง

โกวเยว่ชำเลืองมองเหมียวอี้ที่นิ่งเงียบไม่พูดจา แล้วไอแห้งๆ ให้หวังเฟย บอกใบ้ว่าอย่าให้เม่ยเอ๋อร์ก่อเรื่อง

หวังเฟยยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลับหูหลับตาสั่งว่า “เม่ยเอ๋อร์ ออกมากับข้า!”

แต่ใครจะคิดว่าเม่ยเอ๋อร์จะลงมือกะทันหัน แย่งกาสุรามาจากมือเซี่ยหลิงหลิง อีกฝ่ายมีหรือที่จะกล้าแย่งคืนมาจากนาง นางพุ่งไปตรงหน้ามารดาแล้วฟ้องว่า “ท่านแม่ มีคน…”

“คุณหนู เลิกก่อเรื่องได้แล้ว!” โกวเยว่พลันตะคอกตัดบท แล้วถลึงตาใส่เซี่ยหลิงหลิงอย่างโมโห “ยังไม่รีบมาพาคุณหนูไปอีก”

“เป็นท่านเหรอ!” ก่วงเม่ยเอ๋อร์หันขวับไปมองเขา เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว

พ่อบ้านโกวเป็นใครกัน? เป็นคนที่แทบจะออกคำสั่งแทนท่านอ๋องได้! เซี่ยหลิงหลิงมีหรือที่จะกล้าขัดคำสั่ง กอปรกับหานตงส่งสายตาดุร้ายให้ ทำให้นางถลันตัวไปอยู่ข้างกายก่วงเม่ยเอ๋อร์ทันที ดึงแขนก่วงเม่ยเอ๋อร์แล้วควบคุมก่วงเม่ยเอ๋อร์เอาไว้เสียเลย ทำให้ก่วงเม่ยเอ๋อร์พูดไม่ออก แล้วก็พาเดินออกไปโดยแทบจะควบคุมตัว

สายตาระแวดระวังของของพวกจ้าวกวงย้ายจากกาสุราไปที่ใบหน้าเหมียวอี้ เหมือนกำลังเอ่ยถาม

ทว่าเหมียวอี้กลับมีสีหน้าเรียบเฉย ขยี้ดวงจิตน้ำแข็งในมือดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็โบกมือเรียกเม็ดที่ตกพื้นเก็บเข้าไว้ด้วยกัน ทำตัวราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ไม่พูดอะไรทั้งนั้น

เมื่อโดนคนแอบวางแผนลับใส่แบบนี้ ถ้าจะบอกว่าเหมียวอี้ไม่โมโหเลยก็แปลว่าโกหกแล้ว แต่ก่อนที่คดีจะจบ การเปิดโปงเรื่องนี้จะเท่ากับผูกความแค้นกับตระกูลก่วงที่เข้าร่วมสืบคดีนี้ด้วย ที่จริงต่อให้ไม่มีคดีนี้ ภายใต้สถาการณ์ที่ยังไม่เกิดเรื่องขึ้นและยังไม่มีผลลัพธ์อะไร เขาก็จะไม่พูดออกมา จะให้บอกว่าหวังเฟยกับลูกสาววางยาเขาในระหว่างที่พักอยู่ที่นี่เหรอ? ถ้าพูดออกไปก็เท่ากับล่วงเกินตระกูลก่วงแบบถึงตายแล้ว

คนบางคน ฐานะบางฐานะ ต่อให้ทำผิดเรื่องอะไรก็ตาม แต่ก็เท่ากับไม่ได้ทำอยู่ดี

โกวเยว่ยิ้มบางๆ ท่าทีของเหมียวอี้ทำให้เขาพอใจมาก จากนั้นหันตัวายืนมือเชิญหวังเฟย “ในเมื่อหน่วยตรวจการขวามาจัดการคดี หวังเฟย พวกเรากลับกันเถอะ”

หวังเฟยเองก็ทำสีหน้าสงสัยเช่นกัน นางไม่ใช่คนโง่ ดวงจิตน้ำแข็งในมือเหมียวอี้กับที่ตกพื้น ปฏิกิริยาของลูกสาว ทั้งยังมีกาสุรานั่นอีก ในนั้นจะต้องมีปัญหาแน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะโกวเยว่ขัดขวาง นางจะต้องสืบต่อหน้าให้ชัดเจนไปแล้ว

เมื่อทุกคนถอยออกไป กำลังพลของหน่วยตรวจการขวาก็กระจายกันไปเฝ้าตามุมต่างๆ ส่วนจ้าวกวงก็เฝ้าอยู่ข้างกายเหมียวอี้

พอกลับมามองดูลูกสาวตัวเอง เม่ยเหนียงก็เข้าใจทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนกล้าวางยาลูกสาวนาง!

“ท่านแม่! ไม่น่าเชื่อว่าลูกสติเลอะเลือนและทำเรื่อง่นาอับอายต่อนายท่านหนิว ต่อไปจะให้ข้าเจอเขาอีกได้ยังไง จะให้เขาคิดกับข้ายังไง?” ก่วงเม่ยเอ๋อร์อับอายจนอยากจะโยนเชือกไปมัดไว้บนคาน จากนั้นก็เอาคอขึ้นไปแขวนเสียเลย

เม่ยเหนียงที่หน้าอกกระเพื่อมถี่ด้วยความโมโหกลับค่อยๆ สงบลง ไม่ต้องเดาแล้วว่าใครทำ ทว่าก่วงเม่ยเอ๋อร์ไม่ใช่ลูกสาวของนางคนเดียว ยังเป็นลูกสาวของอ๋องสวรรค์ก่วงด้วย ต่อให้โกวเยว่จะกล้าหาญกว่านี้อีกร้อยเท่า แต่ก็ไม่กล้าถือวิสาสะทำเรื่องแบบนี้กับก่วงเม่ยเอ๋อร์แน่นอน ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าใครอนุญาต

นางรู้ว่าเป็นการทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในครั้งนี้ แต่นางคิดไม่ถึงว่าจะไม่สนวิธีการขนาดนี้ แม้แต่ความรักระหว่างญาติมิตรก็ขีดฆ่าทิ้งแล้ว  บอกไม่ถูกเลยว่าในใจนางมีรสชาติอย่างไร

หลังจากปลอบใจลูกสาวแล้ว เม่ยเหนียงที่เดินออกมาก็เห็นโกวเยว่กำลังนั่งคุกเข่า นางพบว่าคนที่อยู่รอบๆ หายไปหมดแล้ว

เม่ยเหนียงก้มมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ “ทำไมไม่บอกข้าสักคำ? ใครให้เจ้าทำแบบนี้?”

“บ่าวถือวิสาสะทำเอง บ่าวยอมให้ฆ่ายอมให้แกง!”

“ท่านอ๋องยินยอมใช่มั้ย?”

“ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่รู้เรื่องขอรับ ล้วนเป็นความคิดชั่ววูบที่อยากได้ผลงานของบ่าว บ่าวยอมรับโทษทุกอย่าง”

“เจ้าไปอธิบายกับท่านอ๋องเองแล้วกัน จะลงโทษยังไงก็แล้วแต่ท่านอ๋อง”

…………………………