บทที่ 1058 ชดใช้!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

เจ้าช่างร้ายกาจนัก

นี่เป็นประโยคที่เจ้านายสาวคนนั้นชอบพูด

แต่ข้าคิดว่าข้าไม่ผิดเพราะชีวิตของข้าต่างจากพวกเขา ในฐานะอาวุธ ข้ารู้สึกว่าโชคชะตาของข้าไม่ควรกลายเป็นเครื่องประดับ

หากแต่เจ้านายสาวกลับบอกว่าข้ากำลังตลบตะแลง

ไม่เป็นไร ในฐานะตาแก่อย่างข้าย่อมไม่สนใจความคิดเห็นของเด็กหญิงตัวเล็กๆ หรอก แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อนางบอกว่าข้าร้ายกาจ ข้าถึงไม่มีความสุขแม้แต่น้อย ข้าจึงคิดว่า…อย่าเพิ่งกินนางเลย ข้าอยากเห็นนางถือข้าไว้ในมือและก้าวไปสู่ความชั่วร้ายแบบเดียวกับข้าทีละก้าว

ข้าต้องทำได้แน่

แต่…เทียบกับนางที่บอกว่าข้าร้ายกาจ สิ่งที่ข้าไม่ชอบยิ่งกว่าคือแววตาของนาง แววตาที่บริสุทธิ์ดุจกระจกเงา ทำให้ข้าเห็นตัวเองในนั้น…ขณะเดียวกันในแววตาคู่นั้นยังมีความเมตตาที่ทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว ข้าเกลียดความเมตตา เกลียดความบริสุทธิ์ ข้าอยากกินนาง

แต่ข้าก็อดกลั้นไว้ ข้าอยากเห็นวันที่นางกลายเป็นเหมือนข้า ดวงตาคู่นั้นยังจะมีความเมตตาอยู่ไหม ดวงตาคู่นั้นยังจะมีความบริสุทธิ์ราวกับดวงดาราเช่นนี้หรือไม่

ปีแรกข้าล้มเหลว

ข้าไม่คิดว่าหลังจากที่นางกลายเป็นเจ้านายของข้าแล้ว นางกลับไม่ได้ใช้พลังของข้าเลย นับประสาอะไรกับการคร่าชีวิต แม้ว่าในปีนั้นนางจะไม่มีความสุข

ปีที่สองก็เช่นกัน จนถึงปีที่ห้า ข้าไม่สามารถแบกรับคืนวันที่ไม่มีอาหารตกถึงท้องได้อีกแล้ว ข้างในกายข้ามีความกระหายเลือดสุดจะพรรณนา มันกลายเป็นความหิวโหยและทำให้ข้าบ้าคลั่งทำลายทุกอย่าง ข้ามองเห็นความเมตตา ความบริสุทธิ์ในดวงตานางอีกครั้งและไม่อาจลืมคำพูดที่นางพูดกับข้าในตอนนั้นได้เลย

“จำเป็นต้องฆ่าหรือ”

“ข้าหิว!”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

หลังจากการสนทนาระหว่างเรา เจ้านายของข้าคนนี้ก็กรีดข้อมือตนและชโลมร่างกายของข้าให้เป็นสีแดงด้วยเลือดของนาง ข้าดูดเลือดนางอย่างตะกละตะกลาม ความหอมหวานของมันทำให้ข้าหมกมุ่น จนกระทั่งข้าเห็นใบหน้าที่เหี่ยวเฉาขึ้นเรื่อยๆ ของนาง เห็นดวงตาที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคู่นั้น ตอนนั้นเองข้าก็รู้สึกกลัว

กลัวอะไร…ข้าไม่รู้ แต่ข้าก็ได้ข่มกลั้นสัญชาตญาณของตนเป็นครั้งแรกในชีวิต ข้าเงียบไปและยิ่งเกลียดชังความบริสุทธิ์เช่นนี้มากขึ้น ข้าบอกตัวเองว่าจะต้องมีวันที่ได้เห็นแววตาของนางเปลี่ยนไป

วันนั้นข้าคิดว่าจะมาถึงในเร็ววัน เพราะในปีที่เก้าที่นางกลายเป็นเจ้านายของข้า สำนักของนางถูกรุกรานโดยกลุ่มผู้ฝึกตนปีศาจและสังหารคนทั้งสำนัก

เมื่อนางพาข้ากลับมา นางมองดูซากปรักหักพังและซากศพของคนคุ้นเคยนับไม่ถ้วนอย่างสั่นสะท้าน นางร่ำไห้ ในตอนนั้นข้าบอกนางว่าข้าสามารถช่วยนางแก้แค้นได้ เพียงแค่นางอนุญาตให้ข้าระเบิดพลังของตน ข้าก็สามารถช่วยนางฆ่าทุกสิ่ง แม้แต่ไปที่โลกใบเล็กๆ ของอีกฝ่ายเพื่อฝังมันทั้งเป็น

ข้าทั้งล่อลวงและชี้นำไม่หยุด แต่ข้าไม่เข้าใจว่าสาเหตุใดข้าถึงยังล้มเหลว

นางไม่เลือกใช้ข้า แต่จากไปอย่างเงียบเชียบ ทว่าข้ากลับสัมผัสได้ว่าในยามนั้นร่างกายของนางมีความผันผวนทางอารมณ์อย่างรุนแรง

วันต่อๆ มาก็เหมือนเดิม ในปีที่ 37 สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งของนางถูกฆ่าตายอย่างไร้ความปรานี นางยังคงนิ่งเงียบ ในปีที่ 65 สหายเก่าของนางเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ ทว่านางก็ยังคงเหมือนเดิม

จากเป็นจากตายครั้งแล้วครั้งเล่า ความอยุติธรรมครั้งแล้วครั้งเล่า ความมืดมนครั้งแล้วครั้งเล่า นางเดินไปตามเส้นทางนี้ด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง แต่ดวงตาของนางไม่เคยเปลี่ยน

ในช่วงหลายปีมานี้ หากไม่ใช่เพราะสนามพลังของข้าแผ่ออกมาเองตามสัญชาตญาณและช่วยให้นางรอดพ้นจากอันตรายบางอย่าง เกรงว่านางคงจะตายไปแล้ว

ข้าไม่เข้าใจจึงอดไม่ได้ที่จะถามนางในที่สุด

“ทำไมเจ้าถึงต้องทำเช่นนี้”

“เพราะข้าติดหนี้บุญคุณเจ้า ข้าไม่ต้องการให้เจ้าฆ่าใครอีก ต่อให้ข้าจะเจ็บปวด ต่อให้ข้าอยากแก้แค้น ต่อให้ข้าจะรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่คือความทรมาน แต่สำหรับข้า สิ่งที่สำคัญที่สุด…คือเจ้า” คำตอบของนาง ข้าไม่เชื่อ

แต่ความปรารถนาที่จะได้เห็นแววตาของนางเปลี่ยนไปนั้นแข็งแกร่งกล้าขึ้น ดังนั้นข้าจึงข่มกลั้นความหิวของตนและปล่อยให้นางชโลมเลือดให้ข้าทุกสิบปี ด้วยวิธีนี้ข้ากับนางจึงท่องจักรวาลไปด้วยกัน

บางทีอาจเป็นเรื่องบังเอิญ บางทีอาจเป็นการชี้นำของข้า หรืออาจเป็นชะตากรรมของนาง ในปีต่อๆ มา ชีวิตนางช่างน่าสังเวช ไร้ความช่วยเหลือซ้ำแล้วซ้ำเล่า สูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่เกิดเรื่องข้าจะบอกนางเสมอว่าขอเพียงอนุญาตให้ข้าลงมือ ข้าจะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างของนางได้

แต่จนกระทั่งผมของนางเปลี่ยนเป็นผมขาว ความปรารถนาของข้าก็ยังไม่สำเร็จ

กระทั่งวันหนึ่งที่นางเสียชีวิตลง

ข้ามองดูศพของนาง ควรจะมีความสุข ควรจะยินดี เพราะจากนี้ไปข้าก็เป็นอิสระและเข่นฆ่าต่อไปได้ กลืนกินต่อไปได้ ไม่มีใครรั้งข้าไว้อีก และจะไม่ต้องเห็นแววตาและความเมตตาที่น่าสะอิดสะเอียนนั่นอีกแล้ว

แต่…ทำไมข้าต้องปิดผนึกความทรงจำในวันนั้นด้วยนะ

ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ แต่หลังจากที่นางตาย ข้าก็นิ่งเงียบ ในใจดูเหมือนจะมีห้วงอารมณ์ที่ไม่สามารถปิดผนึกไว้ได้ มันหนักหนาสาหัสและบีบคั้นข้า

ในห้วงอารมณ์นี้ ข้ารู้สึกไม่สบายเนื้อตัวกับการเข่นฆ่า ข้าไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการอยู่กับเด็กสาวคนนั้นมาเพียงไม่กี่ร้อยปีกลับมีอิทธิพลต่อข้า และถึงแม้จะได้พบกับเจ้านายอีกมากมาย แต่กลับมีเจ้านายหลายคนที่เป็นฝ่ายละทิ้งข้า

เพราะข้าไม่เข่นฆ่าอีกแล้ว เพราะคมดาบของข้านั้นทื่อ เพราะอารมณ์ของข้าจมดิ่ง เพราะพลังของข้า…ค่อยๆ สลายไปตามอารมณ์ที่แผ่กระจายออกมา

หมื่นปีต่อมาข้าก็ไม่ใช่ทหารปีศาจอีกต่อไป กลับกลายเป็นเหล็กธรรมดา

ร่างกายของข้าเริ่มขึ้นสนิม ความยิ่งใหญ่ของข้ากลายเป็นอดีต ร่างกายของข้าทรุดโทรม และชีวิตของข้า…ก็ดูเหมือนจะค่อยๆ หายไป

ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นจนกระทั่งช่วงเวลาที่ชีวิตข้าสลายไปอย่างสมบูรณ์ ความทรงจำในวันนั้นที่ข้าปิดผนึกและทำให้ตัวเองลืมไปก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

บนยอดเขาสีแดง นางนอนอยู่ตรงนั้น และกำลังลูบไล้ข้าขณะมองดูจักรวาล แม้ว่านางจะมีผมสีขาวและรอยยับย่นกระจายเต็มทั่วใบหน้า แต่ดวงตาของนางก็ยังคงบริสุทธิ์

“เจ้ากำลังมองอะไร” ข้าเอ่ยถาม

“มองจักรวาล”

“มืดสนิทไปหมด มีอะไรน่ามองกัน”

“ในใจข้า ความมืดคือโลกใบนี้ ส่วนจักรวาลนั้นสว่างเจิดจ้าที่สุด”

“ข้าไม่เข้าใจ”

“เช่นนั้นก็มองให้มากกว่านี้ มองไปอีกพันปี…ชีวิตนี้มองไม่สำเร็จก็มองต่อในชาติหน้า ต้องมีสักวันที่เจ้าจะเข้าใจ”

“ข้ามีชาติหน้าด้วยหรือ ไม่รู้ว่าชาติหน้าของข้าจะได้เป็นทหารที่แข็งแกร่งกว่านี้หรือไม่”

“เจ้ารู้จักผีดิบไหม…เกิดจากความอาฆาตแค้น ใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมิดชั่วนิรันดร์ ข้าจะอยู่กับเจ้า นี่คือการชดใช้ของข้า”

“ชดใช้หรือ…ทำไมเจ้าถึงบอกว่าเจ้าติดหนี้บุญคุณข้าเสมอเลย” ข้าเงียบไปนานแล้วเอ่ยถาม

แต่ไร้ซึ่งคำตอบ เลือดของนางชโลมร่างข้า ครั้งนี้นางไม่เก็บไว้อีกแล้ว หรือบางที… อาจเป็นข้าเองที่ลืมข่มใจ

บางที…ไม่ใช่บางทีสิ

เป็นข้าที่ฆ่านาง

ข้ามองดูร่างของนางและเงียบไปนาน…ในที่สุดข้าก็รู้ว่าสิ่งที่ข้าปิดผนึกนั้นไม่ใช่นาง แต่เป็นคำพูดนั้น

“ข้าจะอยู่กับเจ้า”

ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าที่แท้ข้า…โดดเดี่ยวมาโดยตลอด ตั้งแต่เกิดจวบจนปัจจุบัน

และในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่านางก็คือคนที่ข้ารอคอยมาตลอด ยามที่ข้าสังหารนาง ชีวิตของข้าก็จบสิ้นแล้วเช่นกัน

เมื่อความทรงจำผุดขึ้นมา ข้าพยายามยกดาบเน่าๆ ขึ้น และพยายามมองดูจักรวาล…

น้ำตารินไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่บนดาบปีศาจที่ปรากฏในความทรงจำ แต่เป็นในดวงตาของหวังเป่าเล่อ ไม่รู้ว่าเขาลืมตาขึ้นตั้งแต่เมื่อไร

ทว่าเมื่อมันเปิดออก ความอยากกลืนกินไม่รู้จบก็ระเบิดขึ้นในจิตวิญญาณของเขา ทำให้เมล็ดพันธุ์กลืนกินในร่างกายเขาถูกกดข่มอย่างสมบูรณ์ในยามนี้ เต๋ากลืนกินในกฎเก้าข้อเพิ่มขึ้นทันทีในระดับปราณกังวาน จนกระทั่งขึ้นไปถึงระดับเก้าจุดแปดเจ็ดเช่นเดียวกับเต๋าแห่งแสง!

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกอะไรเลย ตอนนี้เขาก้มศีรษะลงอย่างว่างเปล่า มองที่มือของตนแล้วพึมพำ…

“ชาติก่อน…ทั้งหมดนี้มีอยู่จริงหรือ ทำไมชาติก่อนของข้า…มีเหตุและผลสัมพันธ์กัน…และยังมีนางอยู่ด้วยเสมอ…”

หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบ ทันใดนั้นก็ยกมือขวาขึ้นโบกสะบัด ฉับพลันก็มีเงาดำเลือนรางปรากฏขึ้นที่มือขวาของเขา ที่ตรงนั้นดาบปีศาจของชาติก่อน…ปรากฏขึ้น!

………………………