ตอนที่ 883: การต่อสู้กับเซียนราชา
นูบิสเยาะเย้ยและพูด “เจ้าคิดว่าเจ้าจะจัดการกับพวกเราได้เพียงเพราะการเรียกจอมยุทธ 15 ดาว 2 คนมาเช่นนั้นหรือ ? ” ในขณะที่เขาพูดอย่างนั้น พลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่เริ่มที่จะเปล่งออกมาจากนูบิส มันครอบคลุมรัศมีไปหลายหมื่นกิโลเมตร
พลังแห่งการมีอยู่ได้ข้ามผ่านชั้นสวรรค์ที่ 9 ไป และไปถึงระดับที่สูงกว่านั้น มันดูเหมือนจะมีแรงกดดันอยู่ในพลังแห่งการมีอยู่ของเขา
ความตั้งใจในการต่อสู้ของนูบิสถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา เขารู้สึกไม่กลัวสิ่งใด เหมือนว่าเซียนราชา 2 คนข้างหน้าเขาไม่ใช่อะไรที่เอาชนะไม่ได้
จิตใจของซี่หวังสั่นไหวเมื่อเขารู้สึกได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่ของนูบิส “ไม่สงสัยเลยว่าเขานั้นทรงพลังจริง ๆ เขาเหลืออีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นก่อนที่จะสำเร็จ 15 ดาว เขาสามารถเป็นที่รู้จักกันดีในอาณาจักรทะเลได้อย่างง่ายดาย”
ใบหน้าของทูตทั้งสี่บิดเบี้ยวเล็กน้อย พวกเขาก็รู้สึกได้โดยธธรมชาติว่า ถึงแม้ว่านูบิสจะไม่ใช่จอมยุทธ 15 ดาวแต่เขาก็อยู่ไม่ห่างจากระดับนั้นแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาเหนือเกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถรับมือได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อพวกเขาเห็นชายชราทั้งสองที่อยู่ข้าง ๆ เขา พวกเขาเป็นผู้อาวุโสของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ พวกเขาเป็นจอมยุทธ 15 ดาวซึ่งแตกต่างจากนูบิส ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ กลุ่มคนทั้งสามของเจี้ยนเฉินก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
“ความแข็งแกร่งของเจ้าอยู่ในขีดจำกัดของ 14 ดาวแล้วจริง ๆ และอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นเจ้าก็จะถึงระดับ 15 ดาว น่าประทับใจ ค่อนข้างน่าประทับใจจริง ๆ ข้าเชื่อว่าการไปถึง 15 ดาวได้คงไม่เป็นปัญหาสำหรับเจ้าถ้าเจ้ามีเวลา พวกเราทั้งสองเป็นผู้อาวุโสของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ ข้าอยากรู้ว่าเจ้าสนใจที่จะเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่ ถ้าเจ้าปรารถนาที่จะเข้าร่วมจริง ๆ ข้าจะรายงานมันกับผู้อาวุโสประจำศาลาทันทีที่ข้ากลับไป ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสประจำศาลาจะต้องยินดีเป็นแน่ถ้าพวกเจ้าทั้งสองคนมาเข้าร่วม” ผู้อาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ เยิ่นเซินพูดพร้อมรอยยิ้ม เขาชื่อซิดและเพราะว่าเขามาจากศาลาเทพเจ้าอสรพิษ เขาจึงรู้ทักษะลับมากกว่าเซียนราชาคนอื่น ๆ เขาสามารถสัมผัสราง ๆ ได้ถึงปราณของผู้คุมกฎที่บริสุทธิ์ซึ่งออกมาจากเจี้ยนเฉินและนูบิสผ่านทางวิชาพิเศษ และเขาสันนิษฐานว่าพวกเขาต้องเป็นผู้คุมกฎของเผ่าบางเผ่าแน่ พวกเขามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมและมีโอกาสในการที่จะไปถึงจุดสูงสุดของ 16 ดาว
จอมยุทธที่อยู่ในระดับนั้นคงเหลืออีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นก่อนที่จะได้กลายเป็นเซียนจักรพรรดิ ดังนั้นแม้แต่ศาลาทั้งสามก็อยากที่จะดึงพวกเขาไปเข้าร่วมฝ่ายของตัวเอง
“พวกเจ้าเดินทางมาไกลเพื่อที่จะตามหาพวกเรา มันไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องนั้นใช่หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างปกติ
ชายชราอีกคนมีชื่อว่าเรนส์ก็พูดออกมาด้วย “ถูกต้อง พวกเราเดินทางมาไกลเพื่อที่จะมาตามหาพวกเจ้าและแน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้าปรารถนาที่จะเข้าร่วมศาลาเทพเจ้าอสรพิษของพวกเรา พวกเราก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันในอนาคต”
เยิ่นเซินเริ่มกังวลทันทีเมื่อผู้อาวุโสเรนส์และซิดทั้งคู่พยายามที่จะพูดเชิญชวนให้ทั้งสองคนที่ดูหมิ่นเขาเข้าไปร่วมที่ศาลาด้วย เขาพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส แต่พวกมันทั้งสอง….”
“พวกเรารู้ว่าพวกเรากำลังทำอะไร เจ้าไม่จำเป็นต้องยุ่ง” เยิ่นเซินถูกหยุดไว้โดยผู้อาวุโสเรนส์ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ผู้อาวุโสเรนส์จ้องไปที่เจียนและนูบิสเขม็ง
“เจ้าอาจจะผิดหวังถ้าพวกเจ้าอยากให้พวกเราเข้าร่วมศาลาเทพเจ้าอสรพิษ” เจี้ยนเฉินตอบกลับ
“เจ้าไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมงั้นหรือ ? ” ใบหน้าของผู้เฒ่าเรนส์มืดมน
“ถูกต้อง” เจี้ยนเฉินตอบกลับในขณะที่เขาจ้องไปที่ผู้อาวุโส เขารู้สึกไม่กลัวเลย
ผู้อาวุโสเรนส์พูด “ยังไงก็เถอะ เมื่อพวกเจ้าทั้งสองคนไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมกับพวกเรา พวกเราก็จะไม่บังคับพวกเจ้า สองสามวันที่ผ่านมา เจ้าได้ขโมยเอาแหวนมิติของทูตทั้งสี่ของพวกเราไป ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะคืนมันให้กับข้าได้ พวกเราจะไม่สร้างปัญหาให้กับพวกเจ้าถ้าพวกเจ้าทำแบบนั้น” แม้ว่าเขาจะพูดแบบนั้น จิตสังหารก็เป็นประกายลึกอยู่ในดวงตาของเขา เขาคิด “ผู้อาวุโสประจำศาลาบอกข้าว่าการมีอยู่ของสิ่งของนั้นต้องถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับและต้องไม่ให้คนนอกศาลาเทพเจ้าอสรพิษรู้ เมื่อเจ้าไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมกับพวกเรา พวกเราก็จำเป็นต้องกำจัดพวกเจ้า แม้ว่าพวกเจ้าจะมีปราณของผู้คุมกฎก็ตาม”
“พวกเราจะคืนมันให้กับพวกเจ้าถ้าพวกเจ้าอยากได้มัน” นูบิสโยนแหวนทั้งสี่วงออกไปอย่างปกติ
ผู้อาวุโสทั้งสองยินดีในใจเมื่อพวกเขาเห็นว่าพวกเจี้ยนเฉินทั้งสองมอบแหวนมาให้ดีดี พวกเขารับแหวนไว้คนละ 2 วงและเริ่มที่จะมองดูเข้าไปในมัน
ในตอนนี้เอง เจี้ยนเฉินและนูบิสก็พุ่งเข้าไปที่ผู้อาวุโสทั้งสองทันที ในขณะที่พวกเขากำลังมองดูในแหวนมิติอยู่ มันเหมือนกับว่าพวกเขาได้วางแผนเรื่องนี้มาล่วงหน้าแล้ว
มือของนูบิสย้อมไปด้วยสีทอง เขาไม่เก็บงำความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้เลย และคว้าหนึ่งในคอของชายชราเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เจี้ยนเฉินชักเอากระบี่สังหารมังกรออกมาซึ่งปกคลุมไปด้วยแสงสีดำ มันเปล่งประกายไปด้วยพลังงานแห่งการทำลายล้างในขณะที่เขาแทงเข้าไปที่ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง เขาแทงออกไปอย่างเต็มกำลังและถึงขีดสุดของความเร็วของเขา มันเร็วอย่างเหลือเชื่อมาก
กระบี่ที่ดูเหมือนจะตัดผ่านเวลาและกระโดดข้ามมิติได้ มันพุ่งเข้ามาถึงที่หน้าผากของผู้อาวุโสทันที
ผู้อาวุโสทั้งสองไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินและนูบิสจะเข้ามาจู่โจมพวกเขาเพราะว่าพวกเขาเป็นผู้อาวุโสที่น่านับถือในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ ความสนใจของพวกเขาส่วนใหญ่อยู่ที่แหวนมิติ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ทันระวังตัวจากการโจมตีโดยสิ้นเชิง
มือของนูบิสจับไปที่คอของผู้อาวุโสซิดอย่างเลือดเย็น มือของนูบิสฉีกไปที่คอของเขาอย่างดุเดือดและรุนแรง มันเผยให้เห็นหลอดลมและเส้นพลังบางส่วน พิษจากมือของนูบิสได้คืบเข้าไปอย่างรวดเร็วที่ร่างกายของผู้อาวุโสและคอของเขาก็เริ่มที่จะส่งกลิ่นรุนแรงออกมา
กระบี่ของเจี้ยนเฉินแทงเข้าไปที่กลางหว่างคิ้วของผู้อาวุโสเรนส์ด้วยความแม่นยำสูง ตอนที่มันกำลังจะเข้าไปถึงที่วิญญาณดั้งเดิมของเขา ผู้อาวุโสเรนส์ก็จับกระบี่เอาไว้แน่นด้วยมือที่เหี่ยวย่นของเขา มันป้องกันไม่ให้กระบี่แทงลึกเข้าไปมากกว่านั้น จากนั้นเรนส์ก็คำรามระเบิดออกมาในขณะที่เขาดึงเอากระบี่ออกมาขากหน้าผากของเขา
“เจ้าโจมตีพวกเราอย่างกะทันหัน ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเพวกเจ้า” ผู้อาวุโสเรนส์โกรธมากและคำรามเสียดหูออกมา เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโทสะ แม้ว่ากระบี่จะพลาดที่จะทำให้วิญญาณดั้งเดิมของเขาได้รับบาดเจ็บเพราะมันอยู่ห่างออกไป 1 นิ้ว แต่มันก็ฝากพลังงานที่แปลกและทรงพลังเอาไว้ในหัวของเขา มันทำให้เกิดความบ้าคลั่งในสมองของเขา และทำให้เขาได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก
ผู้อาวุโสเรนส์ใช้วิญญาณดั้งเดิมที่ทรงพลังของเขาในการกดพลังของพลังบรรพกาลเอาไว้ในหัวของเขา มือของเขาหวดไปที่หน้าอกของเจี้ยนเฉินเหมือนสายฟ้าฟาด
เจี้ยนเฉินใช้ทักษะมายาพริบตาและกลายเป็นภาพติดตา เขาหายไปทันทีจากระยะสายตาของเรนส์และปรากฎอีกครั้งด้านหลังเขา เขาแทงกระบี่ที่เหมือนภาพพร่ามัวออกไปอีก 3 ครั้ง
พลังงานมหาศาลหลั่งไหลออกมาจากร่างกายของผู้อาวุโส และกลายเป็นเกราะที่แข็งแกร่งที่ป้องกันการโจมตีที่รวดเร็วดุจสายฟ้าของเจี้ยนเฉินเอาไว้
กระบี่แทงไปที่เกราะของผู้อาวุโสเรนส์ด้วยพลังบรรพกาลทำลายล้าง การแทงครั้งแรกทำให้เกิดรอยร้าว ในขณะที่การแทงครั้งที่สองทำให้เกราะแตกกระจายไปหมดสิ้น
การแทงครั้งที่สามแทงผ่านผู้อาวุโสเรนส์ไปเหมือนมีดร้อนพุ่งผ่านเนย มันแทงผ่านร่างของเขาและปลายกระบี่ที่ชุ่มไปด้วยเลือดก็ปรากฎขึ้นที่อีกด้านหนึ่งของร่างของเขา
ในเวลาเดียวกัน พลังบรรพกาลที่บ้าคลั่งได้พุ่งพวยผ่านกระบี่และระเบิดขึ้นในร่างกายของผู้อาวุโส
“อ้าก ! ” ผู้อาวุโสส่งเสียงร้องอย่างโหยหวนและน่ากลัว เขาสูญเสียการควบคุมที่หน้าอกของเขาในขณะที่พลังบรรพกาลได้ฉีกเปิดเป็นรูขนาดเท่าชามที่นั่น มันทำให้อวัยวะภายในของเขาหายไป
เจี้ยนเฉินไม่ได้หยุด เขารู้ดีว่าเขาจะให้เวลาผู้อาวุโสในการตั้งตัวไม่ได้ ดังนั้นแขนของเขาจึงกระตุกออกไปอย่างรุนแรง กระบี่แทงออกไปอีกครั้งกลายเป็นแสงสีดำและพุ่งไปที่ด้านหลังหัวของผู้เฒ่า เขาต้องการที่จะทำให้วิญญาณดั้งเดิมของผู้อาวุโสได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
“ข้าจะทำให้เจ้าตายซะที่นี่เดี๋ยวนี้ ! ” ผู้อาวุโสร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง มิติรอบ ๆ ถูกพันธนาการทันทีและหยุดเจี้ยนเฉินและกระบี่ของเขาเอาไว้
ใจของเจี้ยนเฉินตกไปถึงตาตุ่มในขณะที่เขาคิด “บ้าเอ้ย” เขาไม่ได้หยุดและบังคับให้พลังบรรพกาลภายในเขาพุ่งพวกออกมา มันทำให้มิติที่ถูกพันธนาการแตกสลายไป
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขาหลุดออกมาได้ มือของผู้อาวุโสก็ได้เลี้ยวมาที่เขาและกระแทกเขาเข้าไปอย่างแรงที่หน้าอกของเขา
พรวด !
การป้องกันของเกราะไหมบรรพกาลถูกทำลายลงทันที เจี้ยนเฉินกระอักเลือดออกมา ในขณะที่เขาลอยกระเด็นถอยไปเหมือนอุกกาบาต
“ข้าจะกำจัดเจ้าซะ ! ” ใบหน้าของผู้อาวุโสบิดเบี้ยวอย่างดุร้าย เลือดจากแผลหน้าผากของเขาย้อมหน้าของเขาเป็นสีแดงจนทั่ว เมื่อรวมเข้ากับช่องว่างใหญ่ที่อยู่ที่หน้าอกของเขาแล้ว เขาดูเหมือนปีศาจที่มาจากนรก เขาดูน่ากลัวอย่างมาก
เขาหลอมรวมกับมิติรอบ ๆ และจับเจี้ยนเฉินเอาไว้ทันทีโดยใช้พลังมิติ เขาโจมตีเจี้ยนเฉินอย่างไม่ปราณีด้วยฝ่ามือ
เจี้ยนเฉินกระอักเลือดออกมาหลายครั้ง ร่างบรรพกาลของเขาถูกทำลายลงด้วยการโจมตีของผู้อาวุโส เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในอีกด้านหนึ่ง นูบิสก็ทำให้ผู้อาวุโสซิดได้รับบาดเจ็บอย่างหนักโดยโจมตีเขาอย่างกะทันหันตอนที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ในตอนนี้เขาไล่ตามโจมตีมากกว่าเดิม ก่อนที่จะเห็นเจี้ยนเฉินอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ เขาเลิกโจมตีผู้อาวุโสซิดและมุ่งตรงไปที่ผู้อาวุโสเรนส์และเริ่มต่อสู้กับเขา พวกเขาสู้กันอย่างสูสีกลางอากาศ
จิตสังหารที่ทรงพลังปรากฏขึ้นใกล้ใกล้ มันคือจิตสังหารของผู้อาวุโสซิดซึ่งพุ่งเข้ามาหานูบิสด้วยคอที่ชุ่มเลือดของเขา แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่เขาก็ยังเป็นเซียนราชา พลังชีวิตของเขานั้นมีมหาศาล ดังนั้นเขาจึงยังมีความสามารถในการต่อสู้ที่น่าประทับใจอยู่
“ข้าจะกันพวกนั้นเอาไว้ เจ้าไปซะเดี๋ยวนี้” นูบิสต่อสู้กับเซียนราชาทั้งสองคนด้วยตัวของเขาเองในขณะที่เขาตะโกนไปที่เจี้ยนเฉิน แม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะได้รับบาดเจ็บสาหัส นูบิสต่อสู้กับคนทั้งสองอย่างยากลำบากมาก เขาใช้พลังที่เขามีทั้งหมด เหลือแค่แปลงเป็นร่างที่แท้จริงของเขาเพราะเขาอายก็เท่านั้น
ผู้อาวุโสซิดและเรนส์เป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 1 เท่านั้นแต่ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของศาลา พวกเขาก็ยังมีความสามารถที่โดดเด่น ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกเขาเหนือกว่าเซียนราชาธรรมดามาก ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขาใกล้เคียงกับชั้นสวรรค์ที่ 2 แม้ว่าระดับการฝึกฝนของพวกเขายังไม่ถึงขั้นนั้น
สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกาย เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะล้มเลิกความคิดในการที่จะร่ายเทพจุติเพื่อที่จะสังหารพวกผู้เฒ่าทั้งสอง เขาเริ่มที่จะหนีทันที
สิ่งที่ต้องเสียไปในการร่ายทักษะต้องห้ามนั้นมากมายเกินไป แม้ว่าเขาจะฆ่าทั้งสองคนนั้น ผู้อาวุโสที่ทรงพลังมากกว่านี้ก็อาจจะตามมาในทีหลัง การสังหารพวกนั้นทั้งสองไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาใดใดเลย
“ของอาจจะอยู่ที่เขา อย่าให้เขาหนีไปได้” ทูตทั้งสี่ที่กำลังมองดูตาปริบ ๆ ก็กลับมาตั้งสติได้ทันที พวกเขาไล่ตามเจี้ยนเฉินไปและต้องการที่จะต่อสู้กับเขา
เจี้ยนเฉินได้รับการโจมตีจากเซียนราชามา ดังนั้นเขาจึงบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเขาจะมีความสามารถในการฟื้นฟูของร่างบรรพกาล แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะฟื้นฟูได้ชั่วคราว เขารู้สึกกดดันขึ้นเล็กน้อยทันทีเพราะเขาต้องสู้กับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 8 สามคนและเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 อีก 1 คน เขาไม่สามารถที่จะสลัดหลุดออกมาได้ เพราะว่าเจี้ยนเฉินไม่มีกำลังพอที่จะสู้กับเซียนราชาได้เหมือนนูบิส