บทที่ 446 เจออาฟิฟอีกครั้ง

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 446 เจออาฟิฟอีกครั้ง โดย Ink Stone_Fantasy

ที่แท้เจ้าชายอังกฤษก็มาร่วมงานไว้อาลัยด้วยนี่เอง ฉินสือโอวประหลาดใจมาก แต่นี่มันจะเหนือความคาดหมายไปแล้ว ถึงแม้ต้นปี 1867 แคนาดาจะแยกตัวจากการเป็นอาณานิคมอังกฤษมาปกครองตัวเองโดยสมบูรณ์ แต่ถ้าพูดถึงด้านการระบบการปกครอง ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่อาจตัดขาดความสัมพันธ์ได้

ตอนนี้แคนาดาเป็นของเครือจักรภพอังกฤษ ผู้นำประเทศเพียงในนามยังคงเหมือนเดิมก็คือสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถ้าแคนาดาเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเกี่ยวกับธรรมชาติหรือมนุษย์ ราชวงศ์อังกฤษต้องมาปรากฏตัวเพื่อแสดงความมีส่วนร่วม

ที่ฉินสือโอวประหลาดใจคือ เจ้าชายเฮนรีที่ราชวงศ์อังกฤษส่งมา ผู้ที่เพิ่งยุติการรับราชการในกองทัพ และผู้สืบทอดคนที่สี่ของราชวงศ์ ฉินสือโอวเคยเห็นตัวจริงแค่ในโทรทัศน์กับหนังสือพิมพ์เท่านั้น

เรือลาดตระเวนเข้าเทียบท่า เจ้าชายเฮนรีผู้ถือดีเดินยิ้มมาตรงหน้าฉินสือโอวที่ขึ้นฝั่งมาคนแรก เขายื่นมือจับทักทายกับเจ้าชาย ค่อนข้างน่าอายทีเดียว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอคนดังระดับสูงทางการเมือง

เฮนรีจับมือกับฉินสือโอว ก่อนเอ่ยอย่างสุภาพว่า “สวัสดีคุณกัปตัน ผมเฮนรี ชาลส์ อัลเบิร์ต เดวิด ถือเป็นเกียรติที่ได้มาพบคุณที่นี่”

ฉินสือโอวพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด พอใจสงบลงแล้วจึงยิ้มตอบว่า “สวัสดีครับ เจ้าชายเฮนรี ผมเองก็รู้สึกเป็นเกียรติและประหลาดใจไม่น้อยที่ได้มาพบท่าน ขอพระเจ้าคุ้มครองแคนาดา ขอพระเจ้าคุ้มครองสหราชอาณาจักร!”

นอกจากรอยยิ้มสั่นๆ บนหน้า ฉินสือโอวก็แทบจะบ้าตายแล้ว ใช่สิ เขากำลังอยู่ต่อหน้านักการเมืองอายุน้อยระดับโลกผู้เจิดจรัสนะ แต่แล้วยังไงล่ะ? เขายังมีจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอยู่นะ ในฐานะสายเลือดที่น่าเกรงขาม โลกนี้จะยังมีใครเทียบกับพระเจ้าได้อีกกันล่ะ?

หลังการจับมือกันอย่างสุภาพ ฉินสือโอวก็หลบไปด้านข้างให้เขาเดินผ่านไปหาชาร์คที่ขึ้นฝั่งมาเป็นคนต่อไป เจ้าชายเฮนรีจับมือเขาและกล่าวแนะนำตัวต่อ

เมื่อถึงท่าเรือ พวกนักข่าวก็เข้ามาล้อมฉินสือโอวรัวคำถามใส่

“คุณกัปตันคะ ปีนี้การเก็บเกี่ยวปลาเป็นยังไงบ้างคะ? พวกเราได้ยินว่าวันที่สองหลังเกิดพายุคุณก็ออกจากท่าเรือบาสก์ไปจับปลาต่อเลย?”

“คุณฉินครับ คุณเป็นชาวจีนย้ายถิ่นมาใช่ไหมครับ? ช่วยบอกความประทับใจของคุณที่มีต่อแคนาดาหน่อยครับ?”

“คุณกัปตัน วันที่เผชิญหน้ากับพายุคราเคน18 วันที่คุณยืนสั่งการอยู่หน้าหัวเรือ คุณช่วยอธิบายปณิธานที่จะตามหาผู้รอดชีวิตเมื่อตอนนั้นหน่อยครับ”

นักข่าวพวกนี้พูดจาชัดเจนแต่พูดเร็วมาก ฉินสือโอวฟังออกแต่ก็ตอบไม่ทัน

จนในที่สุดเขาก็ตามคำถามสุดท้ายทัน ตอนที่กำลังจะพูดลูกหมาสองตัวก็เบียดฝูงคนวิ่งกระโดดมาด้านหน้า

พวกนักข่าวตะลึง ฉินสือโอวทำหน้าตกใจ เขาคว้าหู่จือกับเป้าจือขึ้นมาก่อนมองไปรอบๆ และเห็นวินนี่ยืนต้อนรับอยู่ตรงหน้าฝูงคนที่มองมาอย่างริษยา

“เฮ้ ที่รัก” ฉินสือโอวดันนักข่าวเข้าไปกอดวินนี่แล้วจูบอย่างดูดดื่ม

ทั้งนักข่าวและคนแถวนั้นทยอยปรบมือให้ คนยุโรปอเมริกันล้วนชื่นชอบฉากซาบซึ้งของพระนางที่เพิ่งผ่านเรื่องราวมา ซึ่งเห็นได้บ่อยในหนังฮอลลีวูด

เออร์บักก็มาด้วย ทนายเฒ่าเสยผมขาวจนเรียบ เล็มหนวดเครามาอย่างดี สวมชุดสูทแบบผู้ดียุโรปในยุคกลาง

เจ้าชายเฮนรีกับพวกชาวประมงที่จับมือทักทายกันเสร็จแล้ว เดินเข้ามากลุ่มสุดท้าย พอเห็นฉินสือโอวกับวินนี่ยืนด้วยกัน ดวงตาเขาก็ฉายความประหลาดใจ ก่อนเอ่ยถามว่า “กัปตัน นั่นภรรยาคุณเหรอ?”

ฉินสือโอวไม่คิดว่าจะได้เห็นฉากแบบในละครที่ตัวเจ้าชายมาแย่งนางไม้ไป จึงตอบไปตรงๆ ว่า “ใช่ครับ ภรรยาผมเอง”

“พวกคุณดูเหมาะกันดีนะ” ดูท่าเจ้าชายเฮนรีจะพูดด้วยความจริงใจจริงๆ

แต่ฉินสือโอวระแวงกับท่าทีนั้น เพราะคำวิจารณ์ของหลานชายเฮนรีนั้นไม่ค่อยดีเท่าไร ฉินสือโอวเคยเห็นภาพวีรกรรมของเขาบนอินเทอร์เน็ต ทั้งทุบตีนักข่าว สวมชุดทหารนาซี เรื่องอื้อฉาวต่างๆ

ฉินสือโอวกับวินนี่จับมือแสดงความขอบคุณ เจ้าชายเฮนรีพูดอีกว่า “คุณกัปตัน ไม่ทราบว่าคู่หูของคุณ ฮีโร่ในใจกลางพายุล่ะ?”

“ใครนะครับ?”

“ผู้นำฝูงแกะของพระเจ้าน่ะ”

ฉินสือโอวเข้าใจว่าเจ้าชายเฮนรีพูดถึงนิมิตส์ แต่เจ้าตัวนั้นไม่รู้ว่าบินไปไหนแล้ว ตอนเรือเข้าเทียบท่าก็ยังเห็นพักผ่อนอยู่ข้างเรือ น่าจะเพราะเห็นคนเยอะ เลยบินหนีไปหาอิสระแทน

เจ้าชายเฮนรีได้ฟังเขาอธิบายก็ถอนหายใจด้วยความเสียดาย สุดท้ายก็หันมามองพลางพูดว่า “หวังว่าพรุ่งนี้จะได้เห็นนกฟรีเกตในตำนานนะกัปตัน ได้โปรดพามันมาที่งานไว้อาลัยพรุ่งนี้ด้วย เพราะมันจะเป็นตัวหลัก”

ฉินสือโอวรับปาก เขาจับมือกับฉินสือโอวอีกครั้งก่อนเดินทางกลับพร้อมข้าราชการประจำพื้นที่นั้น

พวกนักข่าวเองก็กลับไปไล่ตามเจ้าชายเฮนรีต่อ

ทางรัฐบาลแคนาดาได้จัดการเรื่องรถและที่พักให้เรียบร้อย แล้วพาทุกคนไปยังโรงแรมฮาเบอร์การ์เด้น โรงแรมสี่ดาวเพียงแห่งเดียวของท่าเรือบาสก์

เย็นนั้นมีสัมภาษณ์กับสื่อใหญ่ของเจ้าชายเฮนรีและตัวแทนรัฐบาลแคนาดา มารายงานเรื่องความเสียหายจากพายุ และตอบคำถามนักข่าว

ฉินสือโอวไม่ต้องเข้าร่วม เลยอยู่ในห้องหวานกับวินนี่ ปรากฏมีคนมาเคาะห้อง พอเขาเปิดประตูก็เห็นชายชาวอาหรับหน้าตาดีสวมชุดยาวขาวยืนอยู่ด้านนอก

เมื่อเห็นหน้าพี่รูปหล่อชัดๆ ฉินสือโอวก็ตะโกนด้วยความตกใจ “เฮ้ย อาฟิฟ?!”

นายอาหรับคนนี้ก็คือเศรษฐีอาหรับ อาฟิฟ ซีค ลีฟะฮ์ บิน ซายิด อัลนะฮ์ยาน และเป็นคนที่ประมูลรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ ‘เพอร์ซิอัสกับเมดูซ่า’ ด้วยราคาสูงสุดในงานประมูลของบริษัทประมูลริชชี่นั่นเอง

อาฟิฟจับมือกับเขา แล้ววางมือขวาตรงหัวใจพร้อมโค้งให้เขา “ขอบคุณคุณมาก เพื่อนฉินสือโอว ผมต้องขอบคุณที่คุณช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติของผมไว้ด้วย!”

ฉินสือโอวนึกถึงชาวอาหรับในชุดขาวบนเรือวันนั้น ถามว่า “นั่นเป็นคนของเอมิเรตส์งั้นเหรอ?”

อาฟิฟพยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว พวกเขาทุกคนล้วนเป็นครอบครัวของอัลเลาะห์ โชคดีที่ได้คุณช่วยไว้ พี่น้องของผม ไม่งั้นคงเกิดโศกนาฏกรรมไปแล้ว”

ฉินสือโอวเชิญอาฟิฟเข้ามาในห้อง วินนี่ให้หู่จือกับเป้าจือทำตัวดีๆ รออยู่ในห้องนอน แล้วออกมารับอาฟิฟ

อาฟิฟเป็นถึงเศรษฐี มีไหวพริบ ความจำดี มีความสามารถ พอเขาเห็นวินนี่ก็จำได้ว่าทั้งสองเคยเห็นกันหลายครั้งที่ท่าเรือต่างๆ และเป็นธรรมดาที่จำชื่อไม่ได้

ระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างพูดคุยกัน นิมิตส์ก็บินเข้ามาทางหน้าต่าง ยืนร้องแกว๊กๆ บนเท้าแขนโซฟา

วินนี่หยิบจานใส่อาหารกระป๋องให้ นิมิตส์คายปลาตัวเล็ก มันเคยชินกับการเอาของขวัญมาให้ฉินสือโอวทุกครังที่กลับมา

ทันทีที่เห็นนิมิตส์ สีหน้าของอาฟิฟพลันเคร่งขรึมขึ้น ถามว่า “สหายฉินสือโอว นี่คือผู้นำฝูงแกะของอัลห์งั้นเหรอ? เป็นนกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! มิน่าเขาถึงสามารถฝ่าพายุนำทางพวกคุณได้!”

ฉินสือโอวยืดแขนให้นิมิตส์บินมาเกาะ เขาเห็นอาฟิฟท่าทางสนใจมาก เลยปล่อยลงตรงหน้าให้เขาได้ดูใกล้ๆ

ทีแรกๆ ไม่รู้สึกเลยว่าอาฟิฟจะเป็นคนที่เคร่งศาสนา เขายื่นแขนให้นิมิตส์ขึ้นมาเกาะ แล้วจูบลงบนปีกนกฟรีเกตครู่หนึ่ง แสดงความมุ่งมั่น

……………………………………………………