บทที่ 1926 การตอบโต้ของภาคเหนือ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1926 การตอบโต้ของภาคเหนือ

 

“หยุดพวกเขาเร็ว!” ฟางตี้เฉิงตะโกน

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะของทะเลทรายตะวันตกพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อหยุดจ่าวซานและอวีจซื้อ

 

แต่ทั้งสองได้รับการปกป้องจากกลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์

 

“โฮก!”

 

จางเฟยซ่งในร่างมนุษย์หมีคำราม และกีดขวางคฤหาสน์วิญญาณอมตะของฝ่ายตรงข้าม

 

นักลงทัณฑ์กลายเป็นต้นไม้กินเนื้อและใช้กิ่งก้านของมันเฆี่ยนตีคฤหาสน์วิญญาณอมตะอย่างบ้าคลั่ง

 

ท่าไม้ตายอมตะทุกประเภทปะทุขึ้นราวกับดอกไม้ไฟ

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะของทะเลทรายตะวันตกถูกกีดขวางอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง

 

จ้าวซานอี้และอวจจอฉวยโอกาสปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะกินดื่มบนภูเขาที่ว่างเปล่า

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะของทะเลทรายตะวันตกถูกโจมตีอีกครั้ง จากนั้นแสงดาวก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าและนํากลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์ออกจากสนามรบ

 

พวกเขากลับไปยังวังสวรรค์

 

ผู้อมตะที่ได้รับบาดเจ็บได้รับการรักษา

 

“มันยากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะใช้ท่าไม้ตายอมตะกินดื่มบนภูเขาที่ว่างเปล่า”

 

“ท้ายที่สุดพวกเขาล้วนเป็นชนชั้นสูง พวกเขาไม่สามารถถูกประเมินต่ํา ดังคํากล่าวที่ว่า หลังจากคนโง่ผ่านประสบการณ์แห่งความสูญเสีย พวกเขาจะฉลาดขึ้น”

 

“แต่พลังการต่อสู้ของพวกเขาก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน พวกเราจะไม่สามารถต้านทานได้หากถูกโจมตีอีกสองครั้ง”

 

กลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์เต็มไปด้วยขวัญกําลังใจ ยิ่งต่อสู้มากเท่าใด จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขาก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเท่านั้น

 

“พรวด!”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฉันซ่งกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย

 

เลือดของเขาเป็นสีน้ําตาลเหลืองและมีแมลงจํานวนนับไม่ถ้วนกระโดดไปมาอยู่ในฟองเลือด

 

“ผู้อาวุโสฉิน ท่านได้รับบาดเจ็บนั้นหรือ?” โจวซ่งชิ้นที่ยืนอยู่ด้านข้างถาม

 

โจวซ่งซินอยู่ในชุดคลุมขาว เขามีใบหน้าสี่เหลี่ยมและคิ้วหนา ในชีวิตก่อนหน้าเขาใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะกรงข่าวลือต่อสู้กับฟางหยวน สุดท้ายฟางหยวนใช้การจัดเตรียมของนิกายเงาต่อต้านและสังหารเขา

 

แต่ครั้งนี้โจวซ่งซินยังมีชีวิตอยู่และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้อมตะที่พร้อมรบของวังสวรรค์

 

ฉันซึ่งส่ายศีรษะเล็กน้อย “นี่เป็นอาการบาดเจ็บเก่า มันไม่ได้มาจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้”

 

กลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์มารวมตัวกันเพื่อตรววจสอบสถานการณ์ของฉันซ่ง กระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยก็มาที่นี่

 

ฉินซึ่งเป็นบุคคลสําคัญ

 

เหตุผลที่วังสวรรค์สามารถใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะทางผ่านดาราได้ทรงพลังถึงระดับนี้ ไม่ได้เกิดจากพลังอํานาจของกระดานหมากรุกกลุ่มดาวเท่านั้น แต่มันยังพึ่งพาพลังอํานาจของฉันช่งผู้นี้อีกด้วย

 

ฉินซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนย้ายสถานที่

 

ในชีวิตก่อนหน้า เขานํากลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์เดินทางไปยังถ้ํามังกรเร้น ในเวลานั้นเขามีวิญญาณอมตะไม่ครบ เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะโดยไม่สนใจสภาพของตนเอง นั้นทําให้เขาตายก่อนเวลาอันสมควร

 

แต่ชีวิตนี้เขาตื่นขึ้นล่วงหน้า สถานการณ์ของเขาดีกว่ามาก นอกจากเขาจะมีวิญญาณอมตะครบถ้วน เขายังใช้วิธียืดอายุขัยขั้นสูงอีกด้วย

 

ฉินซึ่งอาวุโสมาก เขาจําศีลมานานมากแล้ว ระหว่างที่เขาจําศีลอยู่ในสุสานอมตะ วังสวรรค์ค้นพบวิธีการย ดอายุใหม่ๆมากมาย

 

นี่ทําให้ฉันซึ่งสามารถยึดอายุขัยออกไปได้อีกเล็กน้อย แต่การต่อสู้ที่ดุเดือดทําให้ร่างกายของเขาทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว อายุขัยของเขาลดลงอย่างมากเช่นกัน

 

“จากสภาพร่างกายในปัจจุบันของท่าน ข้าเกรงว่าท่านจะสามารถใช้วิธีการขนส่งได้อีกไม่เกินสี่ครั้ง หากเกินกว่านั้นร่างกายและดวงวิญญาณของท่านจะพังทลาย” เทพธิดาจอเว่ยคํานวณก่อนกล่าว

 

“สี่ครั้ง?” ฉินซึ่งยิ้มและกระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งคํา “มันเพียงพอที่จะเอาชนะผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตก บางทีเราอาจสามารถจัดการกับผู้อมตะภาคใต้และกระทั่งผู้อมตะของทะเลตะวันออก หลังจากข้าตาย ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับพวกเจ้า”

 

กลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์เงียบ

 

มีเพียงนักลงทัณฑ์เท่านั้นที่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่ากังวล ผู้อาวุโสฉิน ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”

 

ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาทําได้เกี่ยวกับฉันซ่ง สาเหตุที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คืออาการบาดเจ็บเก่าของเขา

 

อย่างไรก็ตามเทพธิดาจอเว่ยไม่ได้ออกคําสั่งให้โจมตีทันที นางกําลังวางแผน

 

หากปราศจากฉันซ่ง วังสวรรค์จะไม่สามารถขนส่งกลุ่มผู้อมตะ การใช้เพียงค่ายกลวิญญาณอมตะทางผ่านดารากับกระดานหมากรุกกลุ่มดาวมีประสิทธิภาพต่ําเกินไป นอกจากนั้นมันจะทําให้ความสามารถในการอนุมาน ของนางลดลงอย่างมาก

 

หากเทพธิดาจอเว่ยให้ความสนใจการขนส่งกลุ่มผู้อมตะมากเกินไป นางจะไม่มีเวลาและพลังงานเหลือพอที่จะมองดูภาพรวม

 

เห็นได้ชัดว่ามันไม่คุ้ม

 

มันจะดีกว่านี้หากมีเพียงสนามรบเดียว แต่ตอนนี้วังสวรรค์กําลังต่อสู้ไม่ต่ํากว่าสามสนามรบ พวกเขากําลังเผชิญหน้ากับผู้อมตะจากสี่ภูมิภาค สิ่งสําคัญก็คือฟางหยวนยังไม่ปรากฏตัว

 

ในฐานะผู้นําและนักวางกลยุทธ์ เทพธิดาจอเว่ยต้องดูแลสถานการณ์ทั้งหมด

 

น่าเสียดายที่ไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาตื่นขึ้นจากสุสานอมตะในครั้งนี้

 

“ฟางหยวนยังไม่เคลื่อนไหว บรรพชนทะเลปราณก็ไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน หากเราสูญเสียฉินซึ่งก่อนเวลาอันสมควร มันจะไม่เป็นผลดีต่อการต่อสู้ในอนาคต”

 

เทพธิดาจอเว่ยไม่เต็มใจที่จะใช้งานฉินซ่งในเวลานี้

 

นางคํานึงถึงวิญญาณท่องแดนอมตะและค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศของฟางหยวน

 

หากวังสวรรค์ยังสามารถใช้วิธีการขนส่งกลุ่มผู้อมตะ พวกเขาจะสามารถจัดการฟางหยวนได้อย่างง่ายดาย

 

“ตอนนี้เรามีสีสนามรบ สนามรบวงสวรรค์ สนามรบภูเขาขนดก สนามรบเมืองจักรพรรดิ และสนามรบถ้ํามังกรเร้น” เทพธิดาจอเว่ยกล่าว

 

“ท่ามกลางสนามรบทั้งสี่ สนามรบวงสวรรค์สําคัญที่สุด หากแผนการของเราถูกทําลายโดยถ้ําสวรรค์นิรันดร ความหวังทั้งหมดจะหายไป”

 

“สนามรบที่สําคัญเป็นอันดับสองคือสนามรบภูเขาขนดก หากแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติถูกทําลาย เราจะสูญเสียร่องรอยของพลังงานแห่งเต่ความสําเร็จ มันจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม เราไม่สามารถเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามแม้แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติจะถูกทําลาย แต่วิญญาณชะตากรรมยังอยู่ในอนาคต เราสามารถหาวิธีอื่นเพื่อฟื้นฟูมัน”

 

“สนามรบต่อมาคือสนามรบเมืองจักรพรรดิ ผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกกําลังมุ่งหน้าไปยังเมืองจักรพรรดิ แต่พวกเขาถูกโจมตีและสูญเสียกําลังรบไปมาก ขณะที่เมืองจักรพรรดิได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา กระทั่งมันจะถูกทําลาย ชนชั้นสูงจะเสียชีวิต แต่ในอนาคต ชนชั้นสูงจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง”

 

“สนามรบสุดท้ายคือสนามรบถ้ํามังกรเร้น แม้ผู้อมตะระดับแปดหลายคนของทะเลตะวันออกจะอยู่ที่นั่น แต่พวกเขาต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เท่านั้น ค่ายกลวิญญาณอมตะและเฒ่าไปเฟิงสามารถต่อต้านพวกเขา เราไม่จําเป็นต้องไปสนับสนุนสนามรบนี้อีก”

 

บางคนถาม “แล้วท่านตัดสินใจอย่างไร?”

 

เทพธิดาอเว่ยมองไปยังแท่นบูชาแห่งโชคที่ติดอยู่ในกําแพงปราณ “มาดูแลถ้ําสวรรค์นิรันดรกันก่อน หากวังสวรรค์ปลอดภัย แม้สถานการณ์ภายนอกจะเลวร้าย เราก็ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

นางหยุดก่อนกล่าวต่อ “นอกจากนี้เรายังสามารถเก็บพลังอํานาจของผู้อาวุโสฉินซึ่งไว้ใช้ในยามที่ฟางหยวน และบรรพชนทะเลปราณเคลื่อนไหว”

 

“ยอดเยี่ยม!”

 

“สมกับเป็นนักยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่”

 

“ข้ารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นแท่นบูชาแห่งโชคอยู่ในฐานทัพใหญ่ของเรามานานแล้ว ท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นทายาทของเทพอมตะตะวันเดือด พวกเขาอาจมีวิธีการที่ไม่คาดคิด”

 

“เราจะทําตามคําสั่งของท่าน!”

 

กลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์เห็นด้วยกับแผนการนี้

 

จากนั้นพวกเขาก็พุ่งเข้าไปในกําแพงปราณและต่อสู้กับถ้ําสวรรค์นิรันดรอย่างดุเดือด

 

ผู้อมตะของวังสวรรค์สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในกําแพงปราณ ขณะที่ผู้อมตะของถ้ําสวรรค์นิรันดรจะถูกกดดัน

 

ด้วยเหตุนี้กลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์จึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

อย่างไรก็ตามในฐานะคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะตะวันเดือด แท่นบูชาแห่งโชคแข็งแกร่งมาก

 

สิ่งที่สามารถกีดขวางมันไม่ใช่กลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์แต่เป็นราชันมังกร

 

ร่างกายของราชันมังกรค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อกีดขวางแท่นบูชาแห่งโชค

 

ไม่ว่าแท่นบูชาแห่งโชคจะปลดปล่อยพลังอํานาจใดออกมา ราชันมังกรก็ยังไม่สะทกสะท้าน

 

ในชีวิตก่อนหน้า ราชันมังกรได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เพื่อแย่งชิงวังมังกรในทะเลตะวันออก

 

แต่ครั้งนี้เนื่องจากฟางหยวนชิงวังมังกรไปก่อน ราชันมังกรจึงไม่ต้องต่อสู้ เขาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และสามารถปลดปล่อยพลังอํานาจที่น่าตกตะลึงออกมาตั้งแต่เริ่มต้น

“ราชันมังกร…แข็งแกร่งนัก!” ปิงช่ายฉวนหน้าซีด

 

ปีศาจกระทิง ท่านหญิงดอกไม้ และปรมาจารย์ห้าธาตุพยายามอย่างเต็มที่เพื่อซ่อมแซมแท่นบูชาแห่งโชค

 

“หากเราไม่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้า เราจะไปไม่ถึงหอคอยดวงตาสวรรค์” ในแท่นบูชาแห่งโชค เหมาลีชิวที่นอนอยู่บนพื้นตะโกนด้วยความไม่พอใจ

 

ปิงชายฉวนถอนหายใจ “ไม่มีทางอื่นแล้ว เราต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอดีต”

 

แท่นบูชาแห่งโชคหยุดนิ่งและระเบิดแสงสีทองออกมา

 

“ครัน…”

 

เสียงคลื่นน้ําดังขึ้นในสนามรบ

 

ภาพมายาของสายธารแห่งกาลเวลาปรากฏขึ้นรอบๆแท่นบูชาแห่งโชค

 

“นี่คือ…” หัวใจของราชันมังกรสั่นสะท้นขึ้นเล็กน้อย

 

จากนั้นกลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์ก็เห็นผู้อมตะของภาคเหนือเดินออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาที่ละคน

 

“เข้ามากินสายฟ้าของข้า!” นูเอ๋อเปาซ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

 

“ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะสามารถเดินทางมายังอนาคตและมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งใหญ่ ข้าช่างโชคดีนัก!” ไห่ฟานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“โอ้ ช่างเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่นัก สวรรค์ ข้าควรซ่อนตัวอยู่บางแห่ง” หลิวหลิวหายตัวไป ณ จุดนั้น