ตอนที่ 644 ศักดิ์ศรี

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 644 ศักดิ์ศรี โดย Ink Stone_Fantasy

“บ้าเอ๊ย ไอ้ขี้หมา ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”

เมื่อคลีเมตสันมาถึงที่เกิดเหตุ มองดูร่างไร้วิญญาณของทั้งสองคน แล้วก็ทำเอาคนภูมิฐานสง่ามงามอย่างเขาร้องสบถคำหยาบออกมา

แน่นอนว่าคลีเมตสันไม่ได้โกรธเคืองที่แอนโทนี มาร์คัสจบชีวิตลง เขาได้เห็นมาตั้งแต่สมัยรุ่นถังหลง นักมวยผู้ยิ่งใหญ่หลายคนที่ถูกล้มมวย เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความเป็นความตายของเหล่านักมวยอยู่แล้ว

แต่การตายของโทนี่ กลับทำให้คลีเมตสันยุ่งยากใจ

แม้โทนี่จะเซ็นสัญญาความเป็นความตายไปแล้ว แต่ด้วยตำแหน่งพ่อทูนหัวของแก๊งค์มาเฟียอิตาลีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนั้น ทำให้ผลจากการตายของโทนี่ยิ่งร้ายแรงเข้าไปใหญ่

อย่างน้อยขบวนการใต้ดินในหลายๆเมืองของอเมริกาและอิตาลี จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ตระกูลของโทนี่จะได้รับการโจมตีจากอิทธิพลอื่น ไม่แน่ว่าเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง “ก๊อดฟาเธอร์” ยุค 60-70  จะเกิดซ้ำรอยอีกครั้ง

สีหน้าของคลีเมตสันหมองคล้ำ ชี้นิ้วสั่นๆไปที่ร่างไร้วิญญาณใบหน้าเปื้อนยิ้มของแอนโทนี มาร์คัส แล้วตะโกนสั่งว่า “เอาศพของเขาลากออกไป มอบให้รูดอล์ฟ….”

คลีเมตสันไตร่ตรองแล้วว่าเรื่องนี้ เรือสำราญควีนอลิซาเบธจะต้องออกหน้าจัดการ แต่โทนี่กลับตายด้วยฝีมือของนักมวยในสังกัดของรูดอล์ฟ แน่นอนว่าต้องให้รูดอล์ฟเป็นฝ่ายรับผิดชอบ

“คลีเมตสัน คุณหมายความว่าอย่างไร?”

รูดอล์ฟผู้กำลังตกตะลึงที่แอนโทนีถูกเยี่ยเทียนโจมตีจนเสียชีวิต ดึงสติกลับมาได้ยังไม่ทันคิดคำนวณถึงค่าความเสียหายที่จะตามมาเลย พอได้ยินคำประกาศของคลีเมตสันแล้ว

ทำให้รูดอล์ฟไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาไม่เกรงกลัวอิทธิพลเบื้องหลังของคลีเมตสันแม้แต่น้อย ระเบิดโทสะความอัดอั้นเข้าใส่คลีเมตสันเต็มที่

ตอนที่ทั้งสองกำลังมีปากเสียงกัน  มีเสียงเยียบเย็นเสียงหนึ่งขัดขึ้น  “พอแล้ว  พวกคุณไม่ต้องเถียงกัน เรื่องนี้ เรือ    ควีนอลิซาเบธจะต้องเป็นคนจัดการ รูดอล์ฟ คุณไม่ต้องกังวล!”

ผู้พูดคือบุรุษวัยกลางคนสวมชุดสูทสีขาวบริสุทธิ์ เขามองดูร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของแอนโทนี มาร์คัส บนพื้นด้วยสายตาขยะแขยง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากแล้วเอ่ยต่อว่า “รูดอล์ฟ คิดว่าคุณคงไม่อยากจะนำร่างนี้กลับไปด้วยหรอก? เอาโยนลงทะเลไปเลยดีไหม?”

ร่างของนักมวยที่สิ้นชีวิต แม้ตอนมีลมหายใจอยู่เขาได้เป็นถึงราชามวยเจ้าสังเวียนระดับโลก แต่เมื่อตายไปแล้วก็เป็นแค่ศพๆหนึ่งเท่านั้น ในสายตาของผู้มีอำนาจทั้งหลาย ร่างนี้ไม่ต่างอะไรกับร่างของสัตว์เลี้ยงที่ตายไป

ชายในชุดสูทสีขาวแสดงออกถึงสถานะของตนอย่างชัดเจน พอเอ่ยออกไปอย่างนี้ ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลงมือโดยที่ไม่รอความเห็นจากรูดอล์ฟ จัดการนำถุงใส่ศพออกมาแล้วยัดร่างของแอนโทนี มาร์คัสลงไป

“เดี๋ยวก่อน!”

เสียงของเยี่ยเทียนดังขึ้น ไม่รู้ว่าเขาเดินผ่านรั้วเหล็กนั่นเข้ามาจนถึงจุดเกิดเหตุตั้งแต่เมื่อไหร่

สิ้นเสียงของเยี่ยเทียน สีหน้าของเหล่าบรรดามหาเศรษฐีก็เปลี่ยนไปทันที ต่างถอยหลังไปกันคนละหลายก้าว ความสามารถและความดุดันของเยี่ยเทียนที่แสดงออกตอนต่อสู้ ทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดเกรง

แม้แต่เจ้าหน้ที่รักษาความปลอดภัยที่ถือถุงใส่ศพอยู่ยังโยนถุงในมือทิ้ง แล้วยืนเท้าสะเอวกำบังเพื่อปกป้องชายสวมสูทขาวคนนั้น

“คุณเยี่ยเทียน คุณมีข้อข้องใจกับการจัดการศพแอนโทนีของผมอย่างนั้นหรือ?”

ชายวัยกลางคนเลิกคิ้วถาม ดวงตาดูสงบราบเรียบ แต่ด้วยคำพูดที่ต้องการหาเรื่องเยี่ยเทียน ด้วยสถานภาพอย่างเขา แม้แต่ตอนที่เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เขายังใช้ท่าทางแบบนี้เลย

เยี่ยเทียนส่ายหัว ตอบว่า “เขาตายอย่างมีเกียรติ พิธีศพนั้นช่างมันเถอะ ใช้ไฟเผาร่างแล้วเอาเถ้ากระดูกโยนลงทะเลแล้วกัน!”

จะว่ากันตามจริงแล้ว หลังจากเอาชีวิตแอนโทนีได้แล้ว เยี่ยเทียนไม่ได้รู้สึกยินดีเลย กลับรู้สึกหดหู่ใจมากกว่า

เขาไม่รู้ว่าอนาคตตนจะได้พบกับคู้ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อแบบนี้อีกไหม แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแอนโทนีชนะใจเยี่ยเทียนไปเต็มๆ เขาไม่อยากให้คนอื่นทำการลบหลู่ร่างของแอนโทนี

“คุณเยี่ยเทียน นี่บนเรือสำราญควีนอลิซาเบธ คุณควรเคารพกฎบนเรือบ้าง”

ชายวัยกลางคนไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของเยี่ยเทียน จึงตอบด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “บนเรือควีนอลิซาเบธลำนี้ สิ่งที่ผมพูดนั้นก็คือกฎเสมอ”

ดูภายนอกแม้จะไม่ได้โอ้อวดใหญ่โต แต่คำพูดกลับแสดงถึงอำนาจยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกแปลกใจคือ คนที่อยู่โดยรอบไม่มีใครแสดงท่าทีไม่พอใจในคำพูดของชายคนนี้เลย

“การแข่งมวยยังไม่จบ ผมสงสัยว่าแอนโทนี มาร์คัส ยังมีชีวิตอยู่  ผมว่า…การแข่งขันควรดำเนินต่อไปได้?”

เยี่ยเทียนไม่สนใจว่าชายตรงหน้าเป็นใคร มองเขาด้วยสายตาเย็นชา พูดว่า “พวกคุณเซ็นสัญญาความเป็นความตายแล้ว จะมีคนตายไปบ้างคงจะไม่เป็นไรใช่ไหม?”

การต่อสู้ที่ดุเดือดเพิ่งผ่านพ้นไป จิตสังหารรุนแรงในตัวเยี่ยเทียนยังไม่ทันเจือจาง คำพูดที่เปล่งออกไปทำให้อากาศโดยรอบเย็นลงหลายองศา

พลังจิตสังหารที่มีอานุภาพรุนแรงทำให้ภายในสถานที่นั้นรู้สึกราวกับมีลมหนาวยะเยือกพัดผ่าน ทุกคนต่างขนหัวลุกไปตามๆกัน ราวกับว่าไม่ได้เกิดจากเยี่ยเทียนเพียงคนเดียว แต่มีซาตานที่ขึ้นมาจากขุมนรกกำลังจะปรากฎตัวออกมา

เหล่ามหาเศรษฐีทั้งหลายถอยกรูดไปอีกคนละหลายก้าว แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนกำบังชายวัยกลางคนนั้นอยู่ยังควักเอาปืนพกออกมาเล็งไปที่เยี่ยเทียน

“ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้ ยิ่งไม่ชอบให้ใครเอาปืนมาจ่อที่ตัวผม!”

เยี่ยเทียนส่ายหน้า เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้คนเหล่านั้นได้ทันตั้งตัว เข้าไปเสียบตรงกลางระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคน ทันใดนั้นปืนในมือของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งก็ตกมาอยู่ในมือของเยี่ยเทียนอย่างง่ายดาย

เยี่ยเทียนจับที่ด้ามปืน มือขวาค่อยๆออกแรง ปืนสีเงินกระบอกนั้นงอลงทันที

ผ่านไปสิบกว่าวินาที ปืนกระบอกนั้นถูกบิดดัดเป็นวงกลม ทำเอาผู้คนที่ยืนอยู่ตื่นตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น ถ้ามือของเยี่ยเทียนมาอยู่บนร่างกายใครก็แล้วแต่ จะไม่ถูกบิดเนื้อให้เละเป็นเนื้อบดเลยหรือ?

“เก็บปืนให้หมด คุณเยี่ยเทียนเป็นแขกของเรา ใครให้พวกแกทำแบบนี้?”

เห็นการเคลื่อนไหวของเยี่ยเทียนแล้ว ในที่สุดชายวัยกลางคนได้เอ่ยออกมา แม้รอบข้างตัวเขาจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายล้อมไว้ แต่เขารู้สึกได้ว่า สายตาที่เยี่ยเทียนมองเขานั้น ราวกับว่าตัวเขาเป็นแพะที่กำลังจะถูกสังเวย

ถึงจะไม่พอใจนัก แต่เขาไม่อาจเอาชีวิตของตัวเองไปล้อเล่น ในสายตาของคนฉลาด ชีวิตนั้นสำคัญกว่าหน้าตาเป็นไหนๆ

อีกอย่างชายวัยกลางคนๆนี้แม้อายุดูราวประมาณสี่สิบต้นๆ แต่ความจริงแล้วเขาอายุเกินหกสิบปีแล้ว แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องไปถือสาหาความเด็กหนุ่มอย่างเยี่ยเทียน จึงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “คุณเยี่ย ผมสามารถทำตามความต้องการของคุณได้ นำศพของแอนโทนี มาร์คัสไปเผา แล้วนำเถ้ากระดูกโปรยลงทะเล!”

“อย่างนี้สิถึงจะถูก ผลการประลอง คุณสามารถประกาศได้แล้วในตอนนี้!”

ในที่สุดเยี่ยเทียนก็ยิ้มออกมา พลังจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขาสูญสลายหายไปทันที ความเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้ผู้ที่อยู่รอบข้างจับความรู้สึกไม่ทัน

และทำให้มุมมองของผู้ชมคนๆอื่นที่มีต่อเยี่ยเทียนนั้นเปลี่ยนไป ความองอาจอาจหาญนั้นไม่สำคัญ พวกเขามีวิธีเป็นร้อยๆวิธีที่จะทำให้เยี่ยเทียนสูญหายไป

แต่เมื่อเยี่ยเทีนเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน กลับเป็นสิ่งพื้นฐานที่ผู้ชนะพึงมี ในสมัยนี้ ใบหน้ายิ้มแย้มแต่วาจาบาดลึกนั้นถึงจะเป็นสิ่งที่น่าเกรงกลัว

รูดอล์ฟจากตอนแรกที่ใช้สายตาโกรธแค้นอาฆาตมองเยี่ยเทียน พอเห็นดังนี้อดรู้สึกสะท้อนใจไม่ได้ จึงรีบขับไล่ความคิดชั่วร้ายทั้งหลายออกไปจากสมอง

รูดอล์ฟเข้าใจดีว่าถ้าตนเองเกิดไปกระทำการเป็นปฏิปักษ์กับเยี่ยเทียน คนที่ตายคงจะเป็นตนเองเสียมากกว่า รูดอล์ฟไม่อาจรับผลที่จะตามมาได้

เยี่ยเทียนรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ตึงเครียดคลี่คลายลงแล้ว จึงยิ้มแย้มแล้วทักท้วงว่า  “ผลการตัดสินล่ะ คุณคงไม่อยากทนเห็นผมที่กำลังบาดเจ็บหนักอยู่ เฝ้ารอให้คุณประกาศผลอยู่อย่างนี้ใช่ไหม?”

คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้ดึงดูดสายตาหมั่นไส้หลายคู่ อย่าว่าแต่บาดเจ็บสาหัสเลย แม้แต่รอยขีดข่วนสักเล็กน้อยยังไม่มี พวกเขาไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนใช้มือบิดกระบอกปืนที่ทำจากเหล็กกล้าให้กลายเป็นวงกลมได้

“อ้า มาแล้ว มาแล้ว!”

เยี่ยเทียนออกปากเตือนถึงสองครั้ง ในที่สุดกรรมการที่ยืนตะลึงอยู่ในกลุ่มคนถึงรู้สึกตัว รีบแหวกกลุ่มคนเข้ามา ยื่นมือขวารองที่ใต้จมูกของแอนโทนี มาร์คัสเพื่อตรวจสอบลมหายใจ แล้วตะโกนออกมาว่า “แอนโทนี มาร์คัสตายแล้ว การแข่งขันครั้งนี้ นักมวยที่มาจากประเทศจีน….คุณเยี่ย เป็นผู้ชนะ!”

กรรมการมองดูเยี่ยเทียนอย่างลังเล อย่างไรก็ไม่กล้าเดินเข้าใกล้เยี่ยเทียนเพื่อชูมือขึ้นตามธรรมเนียม เพราะตัวกรรมการเองก็ได้เซ็นสัญญาความเป็นความตายไว้เหมือนกัน หากเยี่ยเทียนเกิดไม่พอใจขึ้นมา เขามิได้ตายเปล่าหรอกหรือ

“ผมกลับได้แล้วใช่ไหม?”

จนถึงตอนนี้ ใบหน้าของเยี่ยเทียนแสดงออกถึงความอ่อนล้า เขาโบกมือแล้วพูดว่า “เหล่าต่ง คุณกับรูดอล์ฟไปคุยกันเถอะ พี่จู้ คุณกลับห้องพักไปกับผม!”

ต่งเซิงไห่ผู้ยินดีปรีดารีบผงกหัวรับคำ “ได้ครับ ท่านเยี่ย วางใจเถอะ คำสัญญาที่ผมเคยให้ไว้ผมจะทำตามนั้นแน่นอน!”

การแข่งขันมวยธรรมดา อย่างน้อยยังต้องใช้เวลาแข่งเกินกว่าห้านาที แต่เยี่ยเทียนกับแอนโทนี มาร์คัสใช้เวลาต่อสู้กันนานถึงสิบนาที

แม้สิบนาทีจะเป็นเวลาไม่นาน แต่กลับทำให้ต่งเซิงไห่ใจเต้นตุ้มตุ้มต่อมต่อม จนลูกถีบสุดท้ายของเยี่ยเทียนนั่นเอง จึงทำให้ต่งเซิงไห่สามารถหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง

“ไปเถอะ!”

เยี่ยเทียนกวาดตามองทางผู้ชมโดยรอบอีกครั้ง กลุ่มชนที่ตอนแรกห้อมล้อมเขาไว้อย่างแน่นหนานั้น ค่อยแหวกทางเปิดออกเป็นทางเดินให้เยี่ยเทียนผ่านออกไป

ตอนที่กรรมการประกาศให้เยี่ยเทียนชนะนั้น ทุกคนถึงเข้าใจว่า โลกของมวยใต้ดินตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ซาตานที่ขึ้นมาจากนรกนั้นต่อไปในอนาคตจะเปลี่ยนจากแอนโทนี มาร์คัสเป็นเจ้าหนุ่มคนจีนคนนี้แล้ว

อีกทั้งสถานะของเยี่ยเทียนยิ่งสำคัญมาก เขาจะไม่ถูกควบคุมให้เข้าสังกัดใครง่ายๆแน่นอน เยี่ยเทียนเป็นคนในชนชั้นสูงเป็นมหาเศรษฐีเช่นเดียวกันกับพวกเขา

หรือจะกล่าวได้อีกอย่างว่า ขอเพียงต้องการ เยี่ยเทียนจะลงแข่งขันในการต่อสู้ครั้งไหนก็ได้ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงฐานอำนาจในพื้นที่นั้นๆได้ทันที  และนี่ส่งผลอย่างมากต่อกลุ่มมวยใต้ดินทั่วโลกเลยทีเดียว

……………………………………………………..