บทที่ 527

อู๋ตงไห่พอใจท่าทางของหลิวกว่างมาก จึงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินเข้าไปในเทียนเซียงฝู่

ด้านในเทียนเซียงฝู่นั้น หงห้าได้จัดเตรียมอาหารไว้อย่างเรียบร้อย และคนที่ได้รับเชิญก็มาถึงกันก่อนแล้ว แถมยังมารอนานมาก

ไม่ว่าจะเป็นหงห้า หรือฉินกาง หวังเจิ้งกาง ทั้งสามคนมีท่าทางเหมือนกันหมด ที่ดูไม่ได้มีท่าทีประจบสอพอ แต่ก็ยังไว้หน้าเขาอยู่

ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรับคำเชิญจากสองพ่อลูกตระกูลอู๋ และเข้ามาร่วมในงานนี้

ที่จริงพวกเขาพอจะเข้าใจทุกอย่าง เพราะพวกเขาได้หารือกันในเรื่องนี้แล้ว ทุกคนเพียงแค่ ให้เกียรติตระกูลอู๋ และเกรงใจเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ก็ยังหวังที่จะติดตามเย่เฉินหรืออาจารย์เย่

สำหรับคนอื่นนั้น แค่ต้องการที่จะเกาะตระกูลอู๋จึงมาร่วมงาน

ในเมื่อตระกูลอู๋ถือเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเจียงหนาน สำหรับตระกูลระดับน้อยนั้น ก็เหมือนเป็นต้นไม้ที่เต็มไปด้วยผลผลิต ลิงทุกตัวล้วนแต่หวังว่าจะได้เกาะสอยห้อยตามต้นไม้ต้นนี้

ดังนั้น พอเห็นสองคนพ่อลูกตระกูลอู๋เดินเข้ามาด้านในห้อง คนตระกูลอื่นจึงพากันก้มหัวให้ด้วยความเคารพพวกเขา

และหนึ่งในนั้น ก็คือหัวหน้าตระกูลจ้าวที่พูดขึ้นอย่างประจบสอพลอ: “ประธานอู๋ ช่างมีสง่าราศีจริงๆ คุณชายอู๋เองก็ดูมีความสามารถ มิน่าถึงเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงหนาน ราศีต่างกันจริงๆ !”

แล้วตระกูลขงก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้นตาม: “ใช่!เมื่อก่อนเห็นประธานอู๋ในรายงานค่อนข้างน้อย พอวันนี้ได้เห็นตัวจริง ถึงได้รู้ว่าประธานอู๋ดูเด่นกว่าในข่าวมาก!”

อู่ตงไห่ตอบรับครั้งหนึ่ง ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วกวาดตาไปมองรอบๆ

คนที่นั่งในนี้ ล้วนแต่เป็นคนใหญ่โตในจินหลิง ทั้งตระกูลจ้าว ตระกูลขง แล้วก็ตระกูลหลิว ตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างเคารพเขาอย่างมาก และก็มีท่าทางเลียแข้งเลียขาอย่างชัดเจน

แต่สำหรับเจิ้งกาง ฉินกาง หงห้า สามคนนี้ กลับมีสีหน้านิ่งเงียบ และมีท่าทางสงบมาก ยังดูมีความเกรงใจอยู่ แต่ก็เหมือนท่าทางที่เห็นทั่วไป ซึ่งไม่ได้ดูมีท่าทางที่มาจากใจเลย

แม้ว่าอู๋ตงไห่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา แต่ในใจเขารู้สึกไม่พอใจพวกหวังเจิ้งกาง ทั้งสามคนนั้นเลย

หลิวกว่างทำเหมือนเป็นหลานที่เดินตามหลังอู๋ตงไห่ พอเข้ามาถึง ก็มองเห็นหงห้าที่อยู่ด้านใน พลันใช้สายตาโกรธแค้นและจ้องไปที่หงห้า

ในสายตาของเขานั้น หงห้ากับเขามีเรื่องโกรธแค้นกันมาแต่แรก!

ลูกชายคนเดียวของเขา ต้องมาถูกเขาสักบนหน้าผากแบบนั้น จนตอนนี้กลายเป็นเรื่องตลกของคนในจินหลิง

และเรื่องตลกอีกเรื่องก็คือ ลูกชายคนที่สองของตระกูลอู๋ อู๋ฉีที่กินขี้

แต่ เพราะทุกคนเกรงในอำนาจและศักดิ์ศรีของตระกูลอู๋ จึงกล้าพูดแค่ลับๆ กัน แต่พอเทียบกันแล้ว อำนาจของตระกูลหลิวนั้นธรรมดามาก ดังนั้นเรื่องราวของหลิวหมิงลูกชายหลิวกว่าง จึงโดนนำมาพูดต่อกันมากมาย ทั้งในร้านน้ำชากาแฟต่างก็เอามาพูดกันอย่างหนาหู

และวันก่อน ตอนที่หลิวกว่างทำงานข้างนอก ก็บังเอิญไปเจอเด็กสองคนอายุสิบกว่าปีทะเลาะกันอยู่ อีกคนด่าอีกคนว่าเป็น คนจนจนตาย แล้วอีกคนก็ด่ากลับว่า : “หลิวหมิงต่างหากที่เป็นคนจนจนตัวตาย ไม่ใช่ฉัน!”

พอหลิวกว่างได้ยินแบบนั้น ก็เดินเข้าไปตบหูเด็กคนนั้นทันที เด็กคนนั้นโดนตบจนยืนไม่ไหว แล้วล้มลงไปที่พื้น พ่อของเด็กคนนั้นจึงมาเอาเรื่องเขา แต่ก็ถูกคนขับรถของเขากับบอดี้การ์ดอัดจนไปกองที่พื้น สุดท้ายก็ได้หามส่งโรงพยาบาล

แต่ว่า คนทั้งจินหลิง ต่างพากันหัวเราะเยาะหลิวหมิงกันมากมาย เขาจะจัดการไหวได้ไงล่ะ?

และยิ่งไปกว่านั้น คนส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่หลิวกว่างไม่สามารถต่อกรได้

ความอับอายนี้ แทบทำให้หลิวกว่างอยากจะฆ่าคนตาย ถ้าหากว่าหงห้าไม่ได้มีอิทธิพลมากมายละก็ เขาคงพาลูกน้องไปสับหงห้าเป็นชิ้นๆ แล้ว

ดังนั้น พอเขามองเห็นหงห้า เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเป็นธรรมดา จนดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟเลย

หงห้าเองก็ไม่คิดว่าหลิวกว่างจะมาด้วย เพราะอู๋ตงไห่บอกแค่ให้เขาเตรียมงานเลี้ยงรับ แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเชิญใครมาร่วมงานบ้าง