ตอนที่ 1023 ช่วยชีวิต

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 1023 ช่วยชีวิต

“มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ? ”

สวี่หยุนชิงถลึงตามองชายอ้วน จากนั้นก็เงยหน้ามองซูเจวี๋ยพร้อมกับเอ่ยถามอย่างเฉียบขาด

ทั้งสองวางชายอ้วนลง ซูเจวี๋ยแสดงความเคารพต่อสวี่หยุนชิงด้วยสีหน้าเศร้าโศก

“เรียนท่านอาจารย์อาหญิง คือท่านอาจารย์อารอง… ท่านอาจารย์อารองถูกซูฉางเซิงทำร้ายมาขอรับ ! ”

“ว่าเยี่ยงไรนะ… ? ” ดวงตากลมโตของสวี่หยุนชิงเบิกโพลงด้วยความตื่นตกใจ ปรากฏความสงสัยมากมายท่วมท้นขึ้นมาในใจ ทว่าสิ่งสำคัญและเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการช่วยชีวิตชายอ้วน

สวี่หยุนชิงนั่งคุกเข่าลงข้างกายของชายอ้วน บัดนี้นางถึงค้นพบว่าเขาบาดเจ็บสาหัส… หน้าท้องถูกฟันด้วยกระบี่ หากกรีดลึกลงไปอีกนิดไส้อาจจะทะลักออกมาก็เป็นได้

บริเวณบ่าของเขาถูกฟันด้วยกระบี่จนเห็นกระดูกขาว

ซูฉางเซิงใช้กระบี่ฟาดฟันชายอ้วนอย่างเลือดเย็น จนทำให้เกิดบาดแผลทั่วทั้งร่าง หากมิได้ซูเจวี๋ยช่วยทายาให้กับเขา…เขาก็คงมิอาจรอดพ้นจากพิษของบาดแผลครานี้ไปได้

บัดนี้ถึงจะอยากช่วยชีวิตของเขาเอาไว้… เมื่อคิดได้ดังนั้นสวี่หยุนชิงก็หายใจมิทั่วท้องขึ้นมาทันใด บัดนี้เกรงว่าแม้แต่สุ่ยหยุนเจียนก็จนปัญญาในการรักษา

มีเพียงยาเสริมกำลังภายในของฟู่เสี่ยวกวนเท่านั้นที่จะช่วยยื้อชีวิตชายอ้วนที่กำลังหายใจรวยรินให้กลับคืนมาได้

ให้ตายเถิด…ตาเฒ่านี่ ! หากเจ้าทานเข้าไป 1 เม็ดก็เกรงว่าฟู่เสี่ยวกวนคงไร้โอกาสบรรลุเป็นปรมาจารย์ได้อีกต่อไป !

สวี่หยุนชิงจ้องชายอ้วนตาเขม็ง “อายุปูนนี้แล้ว ยังคิดหาปัญหาใส่หัวอยู่อีก ! ”

ชายอ้วนฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาว “ช่วยด่าข้าอีกสักสองสามคำได้หรือไม่ เพราะข้ากลัวว่าอีกประเดี๋ยวจะมิได้ยินเสียงก่นด่าของเจ้าอีกแล้ว”

สวี่หยุนชิงหน้าแดงเรื่อพลางเอ่ยเหน็บแนมเขาว่า “เอ่ยราวกับว่าแต่ก่อนข้าดุเจ้าบ่อยเยี่ยงนั้นแหละ สบายใจได้…เจ้ามิตายง่าย ๆ หรอก ! ”

จะมิตายง่าย ๆ จริงหรือ ?

ชายอ้วนหันหน้ากลับมา จากนั้นก็จ้องมองดวงดาราบนท้องนภา เขาทราบถึงอาการบาดเจ็บของตนดี

เขารับมือกับการโจมตีของซูฉางเซิงได้ถึง 13 กระบวนท่า และถูกกระบี่ของซูฉางเซิงฟันเข้าที่ร่างทั้งสิบสามครา !

หากมิใช่เพราะเนื้อหนังที่หนา ถ้ามิใช่เพราะซูฉางเซิงก็บาดเจ็บเช่นเดียวกัน ป่านนี้เขาคงถูกแทงตายไปแล้ว

บัดนี้เขายังพอมีเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายอยู่ ก่อนตายจากไปเขาอยากเจอฟู่เสี่ยวกวนที่เขาเฝ้าเลี้ยงดูจนเติบใหญ่มากับมืออีกสักครา ฟู่เสี่ยวกวน บุตรชายที่เขามิได้เป็นผู้ให้กำเนิด

“ซูฉางเซิงเองก็บาดเจ็บพอควร เขา…ข้าใช้ทั้งชีวิตของข้าแลกกับครึ่งชีวิตของเขา เจ้าหมอนั่น…เป็นเลิศทางวรยุทธอย่างแท้จริง ท้ายที่สุดพวกเราทั้งสามคนร่วมมือกันก็ยังจับตัวเขามิได้อยู่ดี”

สวี่หยุนชิงจ้องมองใบหน้าของชายอ้วน บัดนี้สีหน้าของเขาดูจริงจังเป็นอย่างยิ่ง

“แล้วลูกชายของข้าเล่า ? ”

“เขากำลังจำศีลอยู่”

“จำศีลเยี่ยงนั้นหรือ ? อ่า…เขาน่าจะบรรลุแล้ว น่าเสียดายที่ข้ามิได้เห็นหน้าเขาเป็นคราสุดท้าย”

“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าจะมิตายโดยง่าย สุ่ยหยุนเจียนจวนจะมาถึงแล้ว เจ้าแข็งใจเอาไว้ก่อนเถิด ! ”

สวี่หยุนชิงรู้สึกลังเลใจเป็นอย่างยิ่ง หากสุ่ยหยุนเจียนสามารถรักษาชายอ้วนให้หายดีได้ ก็มิต้องสิ้นเปลืองยาเสริมกำลังภายใน เว้นเสียแต่สุ่ยหยุนเจียนจนปัญญาในการรักษา เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องจำใจสละยา 1 เม็ดเพื่อช่วยชีวิตชายอ้วน

ทว่าชายอ้วนมิได้รับรู้เรื่องนี้ เพราะเขาคิดว่าตนคงใกล้มอดม้วยเต็มที

“เจ้ามิรู้หรอกว่าเส้นพลังลมปราณของข้าถูกกระบี่ของเขาฟันจนแหลกแล้ว สุ่ยหยุนเจียน…คงมิอาจรักษาข้าได้”

สวี่หยุนชิงใช้นิ้วทาบทับไปที่เส้นชีพจรของชายอ้วน คิ้วคู่งามขมวดแน่นเป็นปมทันใด ชีพจรของชายอ้วนเต้นเบาดั่งแสงเทียนน้อย ๆ ท่ามกลางสายลมพัดโหมกระหน่ำ ซึ่งสามารถมอดดับได้ทุกเวลา

สุ่ยหยุนเจียนพำนักอยู่ที่ศูนย์วิจัยทางการแพทย์บนที่ราบหลีลั่ว กว่าเขาจะเดินทางมาถึงก็เกรงว่าศพของชายอ้วนคงแข็งพอดี

มิได้การ ! มิอาจรอได้อีกต่อไป !

สวี่หยุนชิงยืนขึ้น เมื่อหันไปมองประตูของพระตำหนักก็พบว่ามันถูกเปิดออกแล้ว

ฟู่เสี่ยวกวนเดินออกมาพร้อมกับความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า เขาหันไปมองสวี่หยุนชิงแล้วยิ้มร่าออกมา “ท่านแม่…ข้าบรรลุเป็นผู้มีฝีมือขั้นสองแล้ว บัดนี้ข้ารู้สึกว่า…”

“เจ้าอย่าเพิ่งเอ่ยอันใดเลย จงมาดูนี่”

สวี่หยุนชิงเอ่ยขัดจังหวะฟู่เสี่ยวกวน จากนั้นฟู่เสี่ยวกวนถึงได้เห็นศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่สองในสภาพสะบักสะบอมและดูโศกเศร้ามากยิ่งนัก

ใจของเขากระตุกวูบ เมื่อเห็นว่าคนที่นอนอาบโลหิตเป็นบิดาอ้วน !

รูม่านตาของฟู่เสี่ยวกวนหดลงด้วยความตื่นตกใจ เขามาหยุดอยู่เบื้องหน้าของชายอ้วนภายในก้าวเดียว จากนั้นก็คว้ามืออีกฝ่ายขึ้นมาจับไว้แน่น “เกิดอันใดขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ชายอ้วนส่งยิ้มให้กับเขาด้วยความรักใคร่

“มิใช่เรื่องใหญ่อันใด พ่อ…คงต้องไปแล้ว ก่อนไปเพียงอยากพบเจ้าอีกสักครา อยากถามคำถามที่ค้างคาในใจของพ่อมาแสนนาน”

หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้จะมาเอ่ยถามอันใดอีกกัน ฟู่เสี่ยวกวนหันหลับไปแล้วเอ่ยถามอย่างใจเย็น “ส่งคนไปเชิญสุ่ยหยุนเจียนมาแล้วหรือยัง ? ”

“ส่งคนไปเชิญมาแล้ว แต่เกรงว่าจะมามิทันการ บัดนี้เห็นทีคงมีแค่ยาเสริมกำลังภายในของเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนหยิบกล่องหยกใบนั้นออกมาโดยมิลังเล สวี่หยุนชิงจึงรีบกำชับทันทีว่า “แค่เม็ดเดียว… จำเอาไว้ว่าใช้แค่เม็ดเดียวเท่านั้น หลังจากได้หลับไป เขาจะตื่นขึ้นมากระโดดโลดเต้นได้ดังเดิม ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนหยิบยาวิเศษขึ้นมา 1 เม็ด ส่วนชายอ้วนตกตะลึงจนต้องเบิกตาโพลง แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ดีว่านี่คือสิ่งใด มันเป็นยาวิเศษหายากและหากนำมาช่วยชีวิตเขาก็จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์มิใช่หรือ ?

“เจ้าเก็บเอาไว้เถิด เมื่อทานเข้าไปแล้ววรยุทธของเจ้า…”

ฟู่เสี่ยวกวนบีบกรามของชายอ้วนให้เปิดออก จากนั้นก็ยัดยาเข้าไปแล้วใช้สองมืออุดปากจนแน่น เม็ดยาจึงถูกกลืนลงคอในจังหวะที่ชายอ้วนกลืนน้ำลาย

“วรยุทธกับผีน่ะสิ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย “บัดนี้จงไปพักผ่อน จงรักษาตัวอยู่ในตำหนักหยางซินนี้ให้สบายใจเถิด… หลิวจิ่น ! ”

“จงเรียกคนมาพาจักรพรรดิพระเจ้าหลวงไปพักผ่อน… แล้วเอาเสื้อผ้าที่ขาดรุ่ยนี้…ช่างเถิด ! ให้นอนทั้งอย่างนี้เลยก็แล้วกัน เอาไว้เขาดีขึ้นค่อยว่ากันอีกที”

ฟู่ต้ากวนจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยแววตาปลาบปลื้มใจ น้ำตาเอ่อคลอเบ้า เขาถอนหายใจออกมายาวเหยียด จากนั้นก็ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง… ฟู่เสี่ยวกวน บุตรชายของข้า !

น่าเสียดายที่เขามิใช่บุตรแท้ ๆ ของข้า

ข้ามิได้เลี้ยงเจ้าให้เปลืองข้าวสุกอย่างแท้จริง หากมิใช่เพราะยาวิเศษเม็ดนี้ของเจ้า ตัวข้าคงมิอาดรอดพ้นราตรีนี้ไปได้

ยาเสริมกำลังภายในเม็ดนี้ช่วยต่อลมหายใจของเขาอีกครา มากสุดก็อาจจะใช้เวลาเพียงครึ่งเดือน แผลทั้งร่างคงหายเป็นปลิดทิ้งและวรยุทธก็คงพัฒนาตามไปด้วย

ชายอ้วนเข้าไปนอนพักผ่อนด้วยใจที่ไร้กังวล ส่วนสุ่ยหยุนเจียนได้วิ่งปรี่เข้ามาอย่างร้อนรน “คนเจ็บอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“ส่งเข้าไปพักผ่อนแล้ว”

“รีบพากระหม่อมไปดูประเดี๋ยวนี้”

“ข้าให้ท่านพ่อทานยาเสริมกำลังภายในไป 1 เม็ด เขาจะอาการดีขึ้นหรือไม่ ? ”

สุ่ยหยุนเจียนตกตะลึงขึ้นมาทันใด จางนั้นก็จ้องมองไปที่ฟู่เสี่ยวกวนด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “ทูลฝ่าบาท…พระราชวังไป๋ฮวาสกัดยาเสริมกำลังภายในสำเร็จแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ยาชนิดนี้ได้หายสาบสูญจากยุทธภพไปเนิ่นนานแล้ว หากพระองค์กลัวว่าจะถูกหลอก กระหม่อมจะรีบเข้าไปดูบาดแผลขององค์จักรพรรดิพระเจ้าหลวงประเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนส่งกล่องหยกไปให้เขา เพราะฟู่เสี่ยวกวนเองก็ต้องการมืออาชีพมาพิสูจน์ว่ามันมีพลังวิเศษเหมือนที่สวี่หยุนชิงได้เอ่ยเอาไว้หรือไม่

สุ่ยหยุนเจียนจ้องกล่องหยกตาเขม็ง หรี่ตาลงแล้วรับกล่องหยกมาถือไว้ จากนั้นก็สำรวจอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็นำมาดมอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดเขาก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ “เป็นของจริงพ่ะย่ะค่ะ เมื่อได้ยาวิเศษนี้ต่อให้จักรพรรดิพระเจ้าหลวงใกล้สิ้นลมก็สามารถช่วยฟื้นคืนมาได้…ฝ่าบาททรงได้ยานี้มาจากที่ใดพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“ซีเซี่ยมอบให้…ยานี้สามารถทำเลียนแบบได้หรือไม่ ? ”

“ทูลฝ่าบาท จำต้องวิเคราะห์ส่วนผสมของมันเสียก่อนเพราะต่อให้เลียนแบบได้ ทว่าอานุภาพของมันอาจจะอ่อนลงบ้างเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม…นี่เป็นยาเม็ดสุดท้าย เจ้าจงรับเอาไว้ อานุภาพของยาน้อยกว่าเดิมก็มิเป็นไร ขอเพียงแค่ให้มันช่วยชีวิตคนได้ก็พอ”

ฟู่เสี่ยวกวนต้องการให้ผลิตยาชนิดนี้ขึ้นมา แม้ว่ามิอาจเพิ่มพูนกำลังภายในหรือมิอาจฟื้นคืนชีพผู้ที่สิ้นลมไปแล้วได้ เพียงแค่สามารถยื้อชีวิตคนเจ็บได้ก็พอ เขาจะได้นำไปใช้ในสนามรบเพื่อช่วยชีวิตทหารให้รอดพ้นจากความตาย

สุ่ยหยุนเจียนตกตะลึงขึ้นมาทันใดเพราะยาเม็ดนี้แม้มีเงินทองมากมายก็ใช่ว่าจะหาซื้อได้ง่าย ๆ ทว่าฝ่าบาทกลับมอบให้เขาอย่างง่ายดาย !

นี่คือความไว้เนื้อเชื่อใจของฝ่าบาท เขาต้องรีบให้ศูนย์วิจัยทางการแพทย์วิเคราะห์ส่วนผสมออกมาโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้น…ก็คงมิรู้แล้วว่าจะตอบแทนความไว้วางพระทัยในครานี้ของฝ่าบาทได้เยี่ยงไร ?