บทที่ 1849 ความขัดแย้งเก่าคลี่คลาย
สืออีไม่ได้โง่ หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ซือป๋ออี้!?”
“พี่ใหญ่เหรอ” หลินเชวียถามอย่างสงสัย
สืออีขมวดคิ้วพลางพยักหน้า พี่ใหญ่ออกจากตระกูลซือไปนานแล้วและไม่ได้บอกเขาว่าอยู่ที่ไหน…
“เพราะงั้นพี่เจ็ด ผมก็บอกพี่นานแล้วว่าปากพี่ใหญ่นอกจากพูดเหลวไหลก็คือพูดไร้สาระ…พี่เจ็ดคิดดู ซือป๋ออี้คือพี่ใหญ่ของตระกูลซือ แต่ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลกลับถูกพี่เก้าขึ้นนั่ง ในใจของเขาจะยินดีได้เหรอ ตัวเองไม่ยักกะมีความสามารถอะไร ที่เก่งที่สุดก็คือความสามารถในการยุแยงตะแคงรั่ว” หลินเชวียเอ่ยอย่างระอาใจ
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น ทำไมไม่ฆ่าพี่ใหญ่เสียล่ะ” สืออีเอ่ยถาม
“ฆ่าซือป๋ออี้?” หลินเชวียเบ้ปาก “พี่เจ็ด พูดอะไรของพี่น่ะ พี่เก้าจะไปฆ่าพี่ใหญ่เพราะพี่ใหญ่ชอบยุแยงตะแคงรั่วไม่ได้หรอกนะ และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำเรื่องเกินเลยอะไรสักหน่อย”
“หมายความว่า…ความหมายพวกนายคือ ฉันถูกพี่ใหญ่หลอกแล้ว…” ดวงตาของสืออีฉายแววเย็นเยียบวาบผ่าน
“นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“พี่เจ็ด จากนี้ตระกูลซือมอบให้พี่แล้ว” เมื่อซือเยี่ยหานเห็นว่าเรื่องเข้าใจผิดถูกคลี่คลายแล้ว ก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ และหันไปเอ่ยกับสืออี
“เจ้าเก้า…ฉัน…แต่ไม่ว่ายังไง นายก็ยังฆ่าเจ้าแปด…” สืออีกัดฟันพูด
เมื่อได้ยินดังนั้นซือเยี่ยหานก็เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เขาอยากฆ่าฉัน ฉันให้โอกาสเขาหลายครั้งแล้วแต่ก็เปล่าประโยชน์”
“อย่างงั้นเองเหรอ…” สืออีเหมือนพึมพำกับตัวเอง
ถ้าเป็นอย่างที่ซือเยี่ยหานพูดจริงๆ งั้นเจ้าแปดก็สมควรตายแล้ว…คนที่ทำลายพี่น้องไม่ใช่ซือเยี่ยหาน แต่เป็นเจ้าแปด…ซือเยี่ยหานแค่ถูกบีบบังคับ…
“พี่เจ็ด ดูแลคุณย่าดีๆ …จากนี้ ตระกูลซือต้องพึ่งพี่แล้ว” เมื่อซือเยี่ยหานพูดจบ สายตาก็ตกลงบนตัวของเยี่ยหวันหวั่น “ยังจำสัญญาของพวกเราได้ไหม”
เยี่ยหวันหวั่นมองไปยังซือเยี่ยหานเหมือนยิ้มแต่กลับไม่ยิ้ม “รู้แล้ว ฉันจะอยู่ประเทศจีนรอคุณกลับมา”
“อืม…”
ดวงตาของซือเยี่ยหานปรากฏแววอ่อนโยน และหลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาก็พาพวกหลินเชวียหันกายจากไป ส่วนความระเนระนาดที่เบื้องบนตระกูลซือพวกนี้ก่อไว้ ทั้งหมดก็ถูกโยนให้กับสืออีที่ยังไม่ได้สติเต็มที่
รอจนซือเยี่ยหานจากไปโดยสมบูรณ์แล้ว เป่ยโต่วก็จ้องไปที่เยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “พี่เฟิ…พี่หวันหวั่น ไม่มั้ง หรือว่าพวกเราจะอยู่ประเทศจีนตลอดไป…แม่ผมยังอยู่ที่โรงพยาบาลนะ ผมทิ้งแม่ไม่ได้…”
เยี่ยหวันหวั่นกลอกตาหนึ่งที หมอนี่สมองหมูเหรอ ยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้สะสางมากมายในรัฐอิสระ พวกเขาจะอยู่ประเทศจีนตลอดไปได้ยังไง
“อะ…อาจารย์…”
เวลานี้สายตาของสืออีตกลงบนตัวของเยี่ยหวันหวั่น “ขอโทษครับ…”
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มน้อยๆ ให้กับสืออี “นายยอมรับฉันอาจารย์คนนี้ งั้นมีอะไรน่าขอโทษกัน นายก็ถูกพี่ใหญ่หลอกเหมือนกันนะ”
“ผมรู้ว่าพี่ใหญ่ยังอยู่จีน ผมจะต้องหาเขาให้เจอ…” สืออีขบกราม เขาจะต้องทำให้ปากอันต่ำช้าของซือป๋ออี้จ่ายราคาให้จงได้!
เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ได้อยู่ในตระกูลซือนาน หลังจากซือเยี่ยหานจากไป สืออีก็คงจะกวาดล้างตระกูลซืออย่างหมดจดหนึ่งรอบ ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ
…
สามวันต่อมา ที่สาขาซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์
สืออีมาเยี่ยมเยียน
“ทำไมนายเหมือนผีเลยล่ะ” ภายในห้องทำงาน เป่ยโต่วจ้องมองสืออีด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความดูถูก
“ฉันมาหาอาจารย์ของฉัน นายหุบปาก” สืออีเอ่ยอย่างรำคาญ
“เชอะ” เป่ยโต่วเบ้ปาก คร้านจะสนใจสืออี
“มีอะไรเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นมองสืออีและเอ่ยถาม
——————————————————————————————
บทที่ 1850 ใครคือมือมืด
“อาจารย์…ผมเจอที่อยู่ของพี่ใหญ่แล้วครับ อาจารย์จะไปกับผมไหม”
เพราะซือป๋ออี้ดึงเยี่ยหวันหวั่นมาเกี่ยวด้วย เวลานี้สืออีจึงอยากให้เยี่ยหวันหวั่นไปกับเขาด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของสืออี หลังจากเยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเราก็ไปดูด้วยกัน”
จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็พาเป่ยโต่ว ชีซิง ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามขับรถออกไป โดยมีสืออีคอยบอกทาง
แต่ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของซือป๋ออี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ให้สมาชิกหัวกะทิของพันธมิตรอู๋เว่ยตามไปด้วยเผื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
บทบาทในตระกูลซือของซือป๋ออี้แต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอด ชอบยุแยงตะแคงรั่ว อีกอย่างซือป๋ออี้ก็ไม่เคยปกปิดว่าตัวเองชอบยุแยงตะแคงรั่ว กลับกันเขาทำให้ทุกคนรับรู้…ดูท่าว่า เรื่องของสืออีครั้งนี้ ซือป๋ออี้คงเป็นคนก่อ แต่ไม่รู้ทำไม เยี่ยหวันหวั่นมักจะรู้สึกว่าใจไม่สงบชอบกล
ผ่านไปไม่นาน ในคฤหาสน์เขตชานเมืองที่ห่างไกลจากเมืองหลวงมากแห่งหนึ่ง
คนหลายคนจอดรถใกล้กับคฤหาสน์ และพากันเดินเข้าไปข้างใน
ภายในคฤหาสน์ มีเสียงนกร้องและดอกไม้ส่งกลิ่นหอม มีที่นาปลูกพืชผักและผลไม้ไม่น้อย
เพิ่งเข้ามาในตัวคฤหาสน์ ก็เห็นพี่ใหญ่ของตระกูลซือซือป๋ออี้สวมชุดจีนสีขาวกำลังรดน้ำทุ่งนาอยู่
“ซือป๋ออี้!”
หลังจากเห็นซือป๋ออี้ สืออีก็ตะโกนด้วยความโกรธ
เมื่อได้ยินดังนั้น ซือป๋ออี้ก็เผยสีหน้างุนงง เขาวางวัชพืชในมือและมองมาทางนี้
“เจ้าเจ็ด…แล้วก็น้องสะใภ้…ทำไมถึงมาที่นี่กันล่ะ” พอซือป๋ออี้เห็นสืออีกับเยี่ยหวันหวั่นก็เดินก้าวใหญ่ๆ เข้าไปหาทันที
ในเวลานั้นซือป๋ออี้ยกเก้าอี้หลายตัวมาให้ทุกคนนั่ง
ซือป๋ออี้เช็ดเหงื่อบนหน้าผากและเอ่ยว่า “พวกแกมาหาฉันทำไม…”
“หึ…พี่ใหญ่ หาแกง่ายจะตายไม่ใช่เหรอ” สืออีเอ่ยพลางแค่นหัวเราะ
“พี่ใหญ่ ซือเซี่ยล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นมองซือป๋ออี้และเอ่ยถามอย่างสงสัย
หลังกลับสู่ตระกูลซือครั้งนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ยังไม่เห็นซือเซี่ยเลย
“เด็กนั่นหยาบคายมาก ใครจะรู้ว่าวิ่งไปหยาบคายที่ไหนแล้ว บ้านหลังนี้สำหรับเด็กนั่นไม่ใช่แค่โรงแรมหรอกเหรอ อยากมาก็มาอยากไปก็ไป” ซือป๋ออี้เอ่ย
“พี่ใหญ่ ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว…ก่อนหน้านี้แกพูดกับฉันว่าเจ้าเก้ากำลังไล่ล่าฉัน แถมแฟนของฉันหลินอวิ๋นยังตายด้วยน้ำมือของซือเยี่ยหาน ถูกไหม” สืออีจ้องซือป๋ออี้พลางเอ่ย
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของซือป๋ออี้ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเจ็ด ฉันแค่คาดเดากับวิเคราะห์ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน…”
“แกว่ายังไงนะ!” สืออีพลันเดือดดาล คว้าลำคอของซือป๋ออี้
“ตอนนี้แกบอกฉันว่าแค่คาดเดากับวิเคราะห์…แกรู้ไหมว่าเพราะคำพูดสั่วๆ ของแก เกือบทำให้ฉันกับเจ้าเก้าฆ่ากันตาย!” สืออีเอ่ยอย่างโมโห
“หึๆ ฉันบอกแกว่า พวกเจ้าสองกับเจ้าแปดต่างก็ตายด้วยน้ำมือของซือเยี่ยหาน เรื่องนี้ถูกใช่มั้ยล่ะ…ถ้าเขาอยากไล่ล่านาย นั่นก็มีเหตุผลนะ” ซือป๋ออี้ไม่ได้โกรธเคือง
“ของกินกินมั่วได้ แต่คำพูดจะพูดมั่วไม่ได้” สืออีชี้หน้าซือป๋ออี้ “แกไม่มีสมควรเป็นพี่ใหญ่เลยจริงๆ”
“ไม่ใช่มั้ง…”
จู่ๆ เยี่ยหวันหวั่นก็เอ่ยขึ้น จ้องซือป๋ออี้ด้วยท่าทางครุ่นคิด
“ไม่ใช่เหรอ?” สืออีขมวดคิ้วเล็กน้อย
“สืออี นายได้บอกพี่ใหญ่เรื่องที่แฟนนายตายไปหรือเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม
เมื่อได้ยินดังนั้นสืออีก็ส่ายหน้า “ไม่ได้บอก พี่ใหญ่มาหาผมแล้วบอกผมว่า…ซือเยี่ยหานทำ”
สิ้นเสียงของสืออี สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป ชั่วพริบตานั้นก็เข้าใจความหมายแฝงในของคำพูดเยี่ยหวันหวั่นแล้ว
ตัวเองไม่ได้บอกพี่ใหญ่เรื่องที่หลินอวิ๋นตายสักหน่อย…พี่ใหญ่รู้ได้ยังไง…บอกว่าเจอตัวเอง บอกว่าซือเยี่ยหานเป็นคนทำ!?
เวลานี้ ขณะมองซือป๋ออี้พี่ใหญ่ตระกูลซือที่ดูไร้พิษสง เยี่ยหวันหวั่นหรี่ตาลงเล็กน้อย