ราชันเร้นลับ 936 : ไม่อยากพลาด

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ท่ามกลางเสียงกุกกัก กระดาษมายาสีขาวถูกพ่นออกจากเครื่องรับสัญญาณโทรเลข ด้านบนถูกเขียนด้วยข้อความภาษาโลเอ็น

“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ อาโรเดส ข้ารับใช้ผู้ภักดีและถ่อมตนของท่าน มาหาท่านตามคำเรียกร้องแล้ว!”

“ท่านทราบหรือไม่ ลูกของอลัน·คริสต์คลอดแล้วเมื่อคืนก่อน?”

โชคดีที่ติดต่อกระจกวิเศษได้ทันเวลา… ไคลน์พยักหน้ารับแผ่วเบาพร้อมกับตอบ

“ตอนนี้ทราบแล้ว”

กุกกักกุกกัก กระดาษมายาสีขาวถูกพ่นออกมาเพิ่ม

“ตามหลักการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม ถึงตานายท่านถามข้าบ้างแล้ว”

ไคลน์อยากจะถามเกี่ยวกับอินซ์·แซงวิลล์ 0-08 และวิญญาณมาร ‘เทวทูตสีชาด’ แต่ฉุกคิดได้ว่าตนเคยล้มเหลวในการทำนายบนมิติหมอกมาแล้ว กระจกวิเศษก็คงมองเห็นอะไรไม่มาก อย่างเก่งก็ช่วยบอกข้อมูลของ 0-08 และการที่ไม่มีพลังของมิติหมอกช่วยกีดขวาง ตนก็จะเข้าข่าย ‘รู้จัก 0-08 และถูก 0-08 รู้จัก’ ทันที ซึ่งนั่นขัดต่อความประสงค์ที่จะซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังและกำกับละครเวที

ชายหนุ่มครุ่นคิดสองสามวินาทีก่อนจะตอบ

“มีวิธีเร่งการย่อยโอสถบ้างไหม?”

“สวมบทบาทให้ดีขึ้น” บนกระดาษมายาสีขาว ข้อความสองสามคำถูกเขียน

เมื่อได้เห็นคำตอบจากกระจกวิเศษ ไคลน์เงียบไปสักพักก่อน ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา

สำหรับตัวไคลน์ในปัจจุบัน อินซ์·แซงวิลล์ปรากฏตัวเร็วเกินไป!

กว่าโอสถนักเชิดหุ่นจะย่อยสมบูรณ์ก็ต้องใช้เวลาอีกเกือบสองเดือน เมื่อถึงตอนนั้น ตัวมันที่เตรียมวัตถุดิบพร้อมสรรพก็จะใช้การแก้แค้นเป็นเวทีสำหรับเลื่อนลำดับ คอยกำกับละครและสังหารครึ่งเทพอย่างอินซ์·แซงวิลล์ ยิ่งปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างไปกับเรื่องนี้อย่างสุดหัวใจ แต่กลับกลายเป็นว่า อินซ์·แซงวิลล์ ‘ปรากฏตัว’ ในตอนที่มันยังไม่พร้อม แผนการที่วางไว้จึงคลาดเคลื่อน

ตามความคิดแรกของไคลน์ มันต้องการรวบรวมข้อมูลจำนวนหนึ่ง ค้นหาว่าอินซ์·แซงวิลล์อยู่ที่ไหน รอจนกระทั่งสิ้นเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน จากนั้นก็วางแผนอย่างละเอียดตามข้อมูลแวดล้อม แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน มันพบว่าแผนดังกล่าวเกิดขึ้นได้ยาก อินซ์·แซงวิลล์ที่กำลังครอบครอง 0-08 นั้นไม่มีทางเปิดเผยตัวเอง ความพยายามในการค้นหาตัวจะล้มเหลวเนื่องจากความบังเอิญที่ซ้อนทับ หากไม่ฉวยโอกาสในตอนที่มันถูกวิญญาณมารเข้าสิงจนลงมือโฉ่งฉ่าง ไคลน์คงไม่มีโอกาสลงมือกับอินซ์·แซงวิลล์อีกเลยหลังจากอีกฝ่ายขจัดปัดเป่าวิญญาณมารสำเร็จ

และถ้าผู้ที่สิงร่างเป็นวิญญาณมาร ‘เทวทูตสีชาด’ จริง ไคลน์ยังกังวลว่าอินซ์·แซงวิลล์จะตายไปก่อนที่ตนกับเลียวนาร์ดจะได้ลงมือแก้แค้น เป็นความตายเนื่องจากถูกใช้เป็นเครื่องมือในแผนการ หรือไม่ก็เป็นความตายตลกๆ ที่ 0-08 กำหนดขึ้น มิได้ตายเพื่อชดใช้กรรมที่มันก่อน

ด้วยทุกสิ่งประกอบกัน ไคลน์จึงไม่มีทางเลือกนอกจากหาวิธีย่อยโอสถให้เร็วขึ้น เสร็จภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์ได้ยิ่งดี ดังนั้น คำตอบของกระจกวิเศษจึงทำให้มันสิ้นหวัง เพราะตระหนักว่าตนคงเร่งความเร็วในการย่อยมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

ภายในสองสัปดาห์ หรือในอีกสองสามวันถัดไป มันจะหาโอกาสสวมบทบาทอย่างลึกซึ้งได้จากที่ไหน?

ท่ามกลางความเงียบ ไคลน์ตัดสินใจหนักแน่น มันจะไม่นำการแก้แค้นกับโอกาสในการเลื่อนลำดับมาปะปนกัน หลังจากนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะทำเพื่อให้แก้แค้นอินซ์·แซงวิลล์สำเร็จ

มันไม่อยากพลาดโอกาสอันแสนหายากครั้งนี้

แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬจะเพิ่งผ่านมาได้สิบเดือน ยังไม่ครบหนึ่งปีถ้วน แต่ไคลน์กลับรู้สึกว่ามันคือช่วงเวลาที่ยาวนาน นานจนอดทนรอไม่ไหวอีกต่อไป

หลังจากชำเลืองเครื่องรับสัญญาณโทรเลขที่มีบรรยากาศมืดมน ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าวเสียงขรึมด้วยใบหน้าขึงยัง

“ในตอนที่เราจ้องมองตัวเองด้วยดวงตาของหุ่นเชิด ‘ผู้ชนะ’ เราได้ทราบว่าทำไมผู้วิเศษเส้นทางโชคชะตาถึงต้องมีปฏิกิริยาเช่นนั้นทุกครั้งที่ได้พบเรา… คำถามก็คือ เจ้าเห็นอะไรจากเรา”

ประโยคดังกล่าวเป็นราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ทุกสิ่งพลันเงียบสงัดรวมถึงเครื่องรับโทรเลข จนกระทั่งผ่านไปสักพัก เสียงกุกกักดึงขึ้นอีกครั้ง

กระดาษมายาสีดำถูกพ่นออกมา ถ้อยคำทั้งหมดเป็นสีขาว

“ข…ข้าเห็นการค้ำจุนและปกครองจากท่าน…”

“คำตอบเช่นนี้ ท่านพอใจหรือไม่?”

ค้ำจุน ปกครอง… หมายความว่ายังไง? ไคลน์อยากจะถาม แต่คิดว่าอาโรเดสคงอธิบายได้ไม่ชัดเนื่องจากขาดความรู้ที่เกี่ยวข้อง

เมื่อตระหนักว่ามารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายอาจกำลังมองมา ไคลน์พยักหน้าและพูด

“พอใจ… วันนี้พอแค่นี้ เจ้ากลับไปได้”

เสียงกุกกักของเครื่องรับโทรเลขดังอย่างมีชีวิตชีวา แม้กระทั่งกระดาษที่พ่นออกมาก็กลับไปเป็นสีขาว

“ลาก่อน นายท่านผู้ยิ่งใหญ่~ ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของท่าน อาโรเดส ยินดีให้บริการท่านทุกเมื่อ”

ในคราวนี้ ดูเหมือนว่ากระจกวิเศษจะลืมส่งเครื่องหมายโบกมือ

เผ่นเร็วชะมัด… ไคลน์พึมพำพลางเดินถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าสู่สายหมอกสีเทา เสกเดอะเวิร์ลขึ้นมาพร้อมกับบอก ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาว่า เลือดสัตว์ในตำนานที่เธอต้องการพร้อมแล้ว ได้โปรดแจ้งวิธีฟื้นพลังชั่วคราวขณะอยู่ในสภาพอ่อนแอ

ผ่านไปไม่นาน พลเรือเอกดวงดาวประกอบพิธีกรรมสังเวยสิ่งของให้เดอะฟูล และบอกให้ตัวตนอันยิ่งใหญ่ส่งต่อให้เดอะเวิร์ลพร้อมกับแจ้งให้ทราบว่า วิธีฟื้นฟูพลังในสภาพที่ร่างกายอ่อนแอก็คือ ให้ยืมพลังจากตัวเองในประวัติศาสตร์หรืออดีตเป็นการชั่วคราว!

คุ้นหูชะมัด… เหมือนกับความสามารถของลำดับ 3 เส้นทางนักทำนาย ‘ปราชญ์โบราณ’ … ‘เดอะฟูล’ ไคลน์ประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะหยิบวัตถุที่มาดามเฮอร์มิทสังเวยขึ้นมา

นี่คือส่วนหัวของไม้ค้ำ ฝังอัญมณีสีใส ถูกแกะสลักด้วยสัญลักษณ์ซับซ้อนและลึกลับ ยากต่อ นี่คือหัวของอ้อย ฝังพลอยใสเป็นแถบยาว มันถูกแกะสลักด้วยสัญลักษณ์สามมิติที่ซับซ้อน ลึกลับ และน่าอัศจรรย์จนยากอธิบาย

ไคลน์ยังจดจำได้แม่น หนึ่งคือเนตรไร้รูม่านตาที่ไม่สมบูรณ์ และอีกหนึ่งคือ ‘เส้นเกลียว’ ที่ไม่สมบูรณ์

นี่คือวัตถุที่ชี้นำไปหาลำดับ 0 ‘เดอะฟูล’ ? แต่มันไม่ซับซ้อนไปหน่อยหรือ? เรารู้สึกคุ้นเคยกับหัวไม้ค้ำอันนี้มาก มันคล้ายกับลูกบอลคริสตัลที่เดอะซันน้อยสวดวิงวอนถึงเรา! เป็นวัตถุที่สอดคล้องกับดวงดาวสีแดงเข้ม? ไคลน์พยายามมองออกไปนอกวังโบราณด้วยสีหน้าครุ่นคิด พบดวงดาวพร่างพราวกำลังลอยอยู่บนฟ้าอย่างเงียบงัน ไม่มีสิ่งใดผิดปรกติ

เมื่อพิจารณาว่าน่าจะเป็นวัตถุที่ใช้ครั้งเดียวแล้วหายไป คล้ายกับยันต์ ชายหนุ่มละทิ้งความคิดที่จะทดลอง เพียงเสกกระดาษออกจากกองขยะ เขียนสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนและผิดปรกติบนหัวไม้ค้ำลงไป

อาณาจักรโลเอ็น บ้านของนายแพทย์อลัน·คริสต์

ภายในห้องนอนใหญ่ แม่บ้านคนหนึ่งกำลังดูแลทารกตัวน้อยที่หลับใหล โดยที่ห้องโถงด้านล่างมีแขกทยอยเข้าร่วมงานแล้วกว่าครึ่ง

ทันใดนั้น ณ มุมหนึ่ง ร่างของสามบุคคลก่อตัวจากความว่างเปล่าอย่างพร้อมเพรียง ผู้ที่นำหน้าสุดสวมหมวกผ้าไหม้ สูททางการสีดำ ไม่ใช่ใครนอกจากไคลน์·โมเร็ตติที่ปราศจากการแปลงโฉม

มันหยิบยันต์ออกมา กระซิบภาษาเฮอร์มิสโบราณ

“แดงฉาน!”

เปลวไฟสีแดงเข้มลุกโชนและดับมอด ท่ามกลางเสียงระเบิดแผ่วเบา ความสุขสงบพลันท่วมท้น แม่บ้านคนดังกล่าวมิอาจหักห้ามอาการง่วง หลบลึกลงข้างๆ เตียง

ไคลน์มิได้บังคับหุ่นเชิดทั้งสอง ใช้ร่างต้นเดินยังทางแปลทารกและมองเข้าไป

อีกฝ่ายคือทารกที่ถูกห่อด้วยผ้าไหมสีเงิน ผิวขาวราวกับหิมะ มืออวบอ้วน

เด็กคนนี้มิได้หวาดกลัว ‘คนแปลกหน้า’ เพียงดูดนิ้วและมองหน้าไคลน์กลับ

“แฮ่ม…” ไคลน์ยิ้มโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะถอดหมวกทำความเคารพ “ขอแสดงความยินดีที่ได้เกิดมา”

“คำพูดเหล่านั้นต้องพูดกับพ่อและแม้ของข้า!” เด็กน้อยดึงนิ้วออกจากปาก กล่าวด้วยโทนเสียงและสำเนียงที่ไม่เข้ากับวัย

ไคลน์หัวเราะในลำคอ ไม่มัวเสียเวลากับถ้อยคำไร้สาระของอสรพิษแห่งชะตา เพียงกล่าวเข้าประเด็น

“ผมนำวิธีฟื้นฟูความแข็งแกร่งในเวลาสั้นๆ มาให้… ช่วยส่งเลือดจากสายสะดือมาหนึ่งหยดด้วย”

วิล·อัสตินกางฝ่ามือพลางกล่าว

“แสดงวัตถุชิ้นนั้นให้ข้าดูก่อน”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นวัตถุ?” ไคลน์ถามด้วยความประหลาดใจ

วิล·อัสตินพ่นลม

“สัญชาตญาณแห่งชะตากรรม”

ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด… ไคลน์นำหัวไม้ค้ำที่ซ่อนไว้ข้างหลังส่งให้อีกฝ่าย

ทารกสัมผัสพลางจ้องมองสักพัก ก่อนจะขึ้นเสียง

“ใช้ได้เพียงครั้งเดียว!”

“ใช่ แค่ครั้งเดียว มีปัญหาตรงไหนหรือ?” ไคลน์เรียบเรียงคำพูดสักพัก “ด้วยระดับและความสามารถของคุณ การจดจำสัญลักษณ์ที่แกะสลักคงไม่ใช่เรื่องยาก จากนั้นก็รวบรวมวัตถุดิบที่เกี่ยวข้อง ประกอบพิธีกรรมอย่างถูกต้อง ก็สามารถใช้ได้หลายครั้งไม่ใช่หรือ…”

วิล·อัสตินตัดบท

“เข้าใจแล้ว ข้าจะยอมรับก็ได้… แต่จงอย่าลืมว่า เจ้าเป็นคนเสนอวิธีการเมื่อครู่!”

ไคลน์สับสนไปพักหนึ่ง จนกระทั่งเริ่มเข้าใจบางสิ่งและตระหนักว่า ตนที่มาที่นี่เพื่อเอาเปรียบทารก กลับกลายเป็นฝ่ายถูกทารกเอาเปรียบ

“อา… ผมเป็นคนแนะนำเอง” ไคลน์ถอนหายใจพลางพยักหน้า

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอวบอิ่มของทารก กางมืออีกข้างออก

“ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว… ทั้งหมดสองหยด หนึ่งหยดให้คู่ค้า อีกหนึ่งหยดสำหรับเจ้าที่คอยเป็นธุระในการแลกเปลี่ยน”

ค่านายหน้า? ไคลน์เผยความประหลาดใจ รีบจ้องไปบนฝ่ามือวิล·อัสติน

ที่นั่นมีเลือดสีเงินจำนวนสองหยด แต่ละหยดคล้ายกับมีกงล้อเล็กๆ จำนวนมากกำลังหมุน เชื่อมต่อกันในลักษณะหัวถึงหางจนครบหนึ่งรอบ

เพียงได้มอง ไคลน์รู้สึกราวกับจะสูญเสียความสามารถในการคิด สมองแทบจะสั่งการแต่เรื่องซ้ำๆ

ชายหนุ่มรีบส่ายหน้า นำกล่องบุหรี่โลหะที่บรรจุนกหวีดทองแดงอะซิกออกมาเปิดฝา บรรจุเลือดสองหยดที่ถูกผนึกอย่างเรียบร้อยเข้าไป

“ขอบคุณสำหรับความใจกว้าง” ไคลน์กล่าวด้วยสีหน้าท่าทีจริงใจ ก่อนจะหันไปถาม “สิ่งนี้นำไปใช้สร้างเป็นยันต์ได้ไหม?”

ทารกดูดนิ้วอีกครั้งพลางกล่าว

“แน่นอน… สำหรับสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้อง เจ้าเคยเห็นมาหมดแล้ว สามารถเลือกนำมาผสมได้ตามที่ต้องการ ส่วนจะได้ผลอย่างไรนั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้า”

ไคลน์พยักหน้า ถามอีกครั้ง

“แล้วต้องสวดวิงวอนถึงใคร? คุณคงไม่พร้อมตอบสนองพิธีกรรมระดับสูงไปอีกสักพัก ส่วนการสวดวิงวอนถึงโอโรเลอุสก็ค่าเท่ากับการยั่วยุ… ผมควรสวดวิงวอนถึงลำดับ 2 แห่งเส้นทางโชคชะตาใช่ไหม? แต่ผมไม่ทราบนามเต็มของใครเลย”

วิล·อัสตินยิ้ม

“มีคนที่ง่ายกว่านั้น”

“ใคร?” ไคลน์ถามอย่างตื่นเต้น

ทารกตอบด้วยรอยยิ้ม

“ราชินีแห่งความอับโชคและความกลัว”

……………………………………..