ส่วนที่ 5 สมรภูมิดอกไม้เหลือง ตอนที่ 52 แสงตะวันในลานบ้านสาดส่องลงบนยาริมหน้าต่าง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

โจวทงหยุดดวงตาหรี่ลง

แม้แต่ใต้แสงสลัวของโคมไฟ เขาก็ยังเห็นสีของเลือดนั้นได้อย่างชัดเจน เลือดสีดำดูเด่นชัดยิ่ง

เขารู้สึกว่าหัวใจใต้ฝ่ามือเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มือและแขนสั่นเทา จากนั้นบ่าไหล่ก็เริ่มสั่นแล้วก็สั่นไปทั้งร่าง

ใบหน้ากลายเป็นซีดขาวผิดปกติ ประหนึ่งถูกโรคร้ายกัดกร่อนในเวลาอันสั้น

เขาได้รับพิษ อีกทั้งยังเป็นพิษที่รุนแรงและหาได้ยาก

เขาได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็วว่านี่เป็นพิษที่หาได้ยากยิ่ง เพราะกรมอาญาเป็นที่ที่เชี่ยวชาญการใช้พิษที่สุด

พิษที่เขาเคยได้ใช้ได้เห็นมากับตาตัวเองนั้น มีมากมายเกินกว่าจำนวนอาหารต่างชนิดที่คนทั่วไปเคยกินตลอดชีวิตเสียอีก

เขาถูกพิษตั้งแต่เมื่อไหร่ แสงหม่นมัวในดวงตาหรี่ปรือยังคงกะพริบอย่างต่อเนื่องในยามที่เขาหวนคิดถึงช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่มีเบาะแสใด เขาก็ระบุได้อย่างรวดเร็วว่าใครเป็นคนวางยาพิษเขา และตอนไหนที่เขาได้รับพิษ นี่ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐาน แต่การอนุมานจากช่วงเวลาและรายละเอียดเล็กน้อยก็พอ

นักโทษของเขาคงยังอยู่ที่นั่น แต่เขาไม่ได้หันกลับไปเพราะสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำก่อนก็คือจากไป

เขาเอาผ้าเช็ดมือออกมาจากแขนเสื้อ เช็ดเลือดจากริมฝีปาก จากนั้นก็เดินต่อไปและหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

เมื่อเวลาผ่านไปเสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้นในความมืด โคมไฟสลัวบนผนังหินก็สว่างขึ้นส่องใบหน้าซีดขาวของเจ๋อซิ่วที่ลายพร้อยไปด้วยโคลนแห้ง

เขาคุกเข่าและแตะมือลงในเลือดเหม็นจากนั้นก็ยกขึ้นใกล้จมูกและดม

เลือดสีดำเหม็นส่งกลิ่นคาวจางๆ อยู่บนนิ้วที่เหมือนใบมีด มันส่องประกายเย็นเยียบ

เขาพึงพอใจมากและไล่ล่าต่อไปตามรอยพลังปราณ หายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

……

……

อุโมงค์ใต้กรมอาญากระจายออกไปราวกับใยแมงมุม มีความซับซ้อนอย่างมาก ทั้งยังมีความยาวมากกว่าที่คนคาดคิดไว้ นำตรงไปยังที่ที่อยู่ห่างไกลมาก หากนี่เป็นเวลาปกติโจวทงต้องใช้อุโมงค์ที่ยาวกว่านี้มาก อ้อมผ่านเส้นทางมากมาย กระตุ้นการทำงานของกลไกมากกว่านี้ ทั้งหมดนี้เพื่อในแน่ใจว่าตนเองปลอดภัย

แต่วันนี้ไม่อาจทำได้ เพราะมีพิษร้ายไหลอยู่ในกาย

พิษนี้ต่างไปจากพิษทั่วไปที่กรมอาญาใช้อย่างสิ้นเชิง มันไม่ได้โจมตีไปที่เส้นลมปราณ จุดลมปราณหรือห้วงแห่งจิต แต่กลับซึมเข้าสู่อวัยวะภายในเหมือนกับทราย ทำให้รู้สึกหยาบกระด้างจนเขานึกไปถึงที่ราบกว้างใหญ่ทางเหนือ

พิษชนิดนี้ใกล้เคียงกับธรรมชาติอย่างมากจนไม่อาจรักษาได้ด้วยวิชาแสงศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม น้อยคนในโลกที่มีความรู้ในพิษถึงเพียงนี้ เขาถึงกับเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ในเรื่องนี้ ต่อให้เขายังไม่เคยเห็นพิษชนิดนี้มาก่อน ก็รู้ว่าตัวเองควรรับมือเช่นไร เพื่อที่จะจัดการกับพิษแบบนี้ มีแต่ใช้ยาจึงจะได้ผล และต้องเป็นยาที่ทำจากสมุนไพร แม้แต่ในคุกโจว สมุนไพรพวกนั้นก็ยากที่จะหาได้ โชคยังดีเขารู้ว่ามีที่แห่งหนึ่งที่อาจจะมี และโชคดียิ่งกว่าเพราะมันเป็นที่ที่เขาต้องการจะไปพอดี

เขาเดินผ่านอุโมงค์ยาวที่เปียกชื้นและหนาวเย็น หักเลี้ยวหลายครั้ง พื้นดินไม่ราบเรียบอีกต่อไป แต่ค่อยๆ ลาดเอียงขึ้น เขามุ่งหน้าต่อไปและไปถึงปลายอุโมงค์ มือปักเข้าไปในช่องว่างของผนังอย่างแม่นยำ ปลดค่ายกลลง เขากดปุ่มและผลักมือออกไปข้างหน้า ประตูเปิดออก เขาเดินออกจากความมืด

แสงตะวันเจิดจ้ารอเขาอยู่ พร้อมกับใบหน้าอบอุ่นและอ่อนโยนราวกับแสงแดด

แสงตะวันส่องจากท้องฟ้าเหนือลานบ้าน เมฆมัวด้วยหิมะถูกพัดพาไป เผยให้เห็นท้องฟ้าสีคราม แสงอบอุ่นของตะวันฤดูหนาวปรากฏต่อหน้าเขาเช่นนี้เอง ใบหน้าอบอุ่นนั้นเป็นของสาวงามนางหนึ่ง

เมื่อได้เห็นแสงตะวันและใบหน้าสาวงาม โจวทงก็รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นขึ้นและจิตใจสงบลง ยิ่งไปกว่านั้นความกังวลและเป็นห่วงบนใบหน้าของนางก็ทำให้อกเขาร้อนวูบขึ้นมา มันเป็นอารมณ์ที่แตกต่างจากความกลัวและเกลียดชังอย่างสิ้นเชิง และยังเป็นอารมณ์ที่เขาขาดแคลนอย่างที่สุดและต้องการอย่างที่สุดในชีวิต

หญิงสาวพยุงเขาออกจากอุโมงค์ แล้วปิดมันลงอย่างยากลำบาก กดปุ่มกลไกอีกครั้งหนึ่ง

ลานบ้านนี้ไม่ใหญ่มาก ไม่ประณีตเท่าใด ทว่าทุกรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นชายคาสีดำ ผนังหรือรั่วไม้ไผ่ล้วนเปี่ยมไปด้วยคำว่า ‘สงบ’

ตอนที่เฉินฉางเซิงออกแบบลานบ้านแห่งนี้ในครั้งแรก นี่คือสิ่งที่เขามุ่งหวัง เขาเชื่อมาเสมอว่ามีแค่ความสงบเท่านั้นจึงจะทำให้ที่แห่งนี้มีความรู้สึกของบ้าน

ลานบ้านแห่งนี้คือบ้านของเขา บ้านที่แท้จริง ที่สุดท้ายที่เขาสามารถพักผ่อนร่างที่อ่อนล้าและใจที่อาบไว้ด้วยพิษอย่างสงบ

จิตใจของเขาถึงจะสงบลงได้ในที่สุด ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อได้กลับมายังลานบ้านแห่งนี้

เพื่อความปลอดภัยและรักษาความลับ ไม่ให้ความสงบที่หาได้ยากนี้ถูกรบกวน โจวทงได้สร้างลานบ้านนี้ขึ้นด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง

ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงที่แห่งนี้ แม้แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีที่สุดของกรมอาญา เฉิงจวิ้นและแปดพยัคฆ์คนอื่น รวมถึงจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ก็ไม่รู้

คนเดียวที่รู้ว่าลานบ้านแห่งนี้เกี่ยวข้องกับเขา ก็ได้ตายไปแล้ว

ทุกครั้งที่เขากลับมายังลานบ้านแห่งนี้ ได้ฟังเสียงด้านนอกแนวไผ่เขียวซึ่งดังมาจากลานบ้านของเพื่อนบ้าน โจวทงจะนึกถึงความทรงจำหนึ่งเสมอ

หลายปีที่ผ่านมาเซวียสิ่งชวนหวังว่าโจวทงจะถือว่าจวนเซวียเป็นบ้านที่แท้จริงของเขา แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะคนรับใช้หรือผู้เยาว์ในจวนเซวียล้วนมองเขาด้วยความหวาดกลัวและไม่สบายใจ เขาปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้นก็เพราะแซ่ของเขา พี่ใหญ่อาจไม่ต้องการแซ่นี้แต่เขาต้องการ

……

……

นอกจากผู้บัญชาการมารแล้ว โจวทงเป็นคนที่ผู้คนอยากให้ตายมากที่สุด บางทีอาจเพราะเหตุนี้ สิ่งที่เขากลัวที่สุดจึงเป็นความตาย นอกจากลานบ้านแห่งนี้ เขายังมีที่ซ่อนอื่นอีกสองสามแห่งในจิงตู อย่างไรก็ตาม ไม่มีที่ใดที่ปลอดภัยเท่า สำคัญเท่า หรือสุขสบายเท่านี้

เขารู้สึกเช่นนี้เพราะลานบ้านแห่งนี้มีสตรีที่อ่อนหวานและอ่อนไหว ซึ่งมีความเคารพรักเขาอย่างจริงใจ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือมีของมีค่ามากมายเก็บเอาไว้ อย่างเช่นสมุนไพรหายากมากมาย สมุนไพรเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้มาจากการส่งคนไปเอามาจากสวนร้อยหญ้า ส่วนอื่นก็เป็นของขวัญที่หอความลับสวรรค์มอบให้เขา

เขาหยิบผ้าที่นึ่งเอาไว้ออกมาปิดใบหน้าและเริ่มไออย่างหนักหน่วง ไม่แน่อาจเพราะถูกอากาศร้อนกระตุ้น

เมื่อเอาผ้าออกมา เขาก็เห็นว่าบนผ้ามีจุดเลือดสีดำ ดูเหมือนดอกไม้ที่วาดขึ้นด้วยหมึก ดูลวงตาแต่ก็น่าหวาดกลัว

ผู้หญิงคนนั้นเป็นกังวลอย่างมาก แต่โจวทงดูเหมือนจะสงบเฉยชาผิดธรรมดา เขาให้นางฝนหมึกในขณะที่เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ หลับตาสงบใจแต่ดูเหมือนกับกำลังลิ้มรสอะไรบางอย่าง

เขากำลังลิ้มรสความรุนแรงของพิษในร่างที่บรรจุไว้ด้วยรสชาติของความเจ็บปวดอย่างกว้างขวาง

หลังจากเวลาผ่านไปเขาก็ลืมตาขึ้น หญิงคนนั้นพยุงเขาเดินไปที่โต๊ะที่ริมหน้าต่าง เขายกพู่กันและเขียนด้วยความมั่นใจราวกับกำลังคัดลายมือ

ลายเส้นบนกระดาษซึมซาบด้วยหมึก ลายมือชัดเจนอย่างมาก  ไม่ใช่บทคัดลายมือแต่เป็นเทียบยา

จะใช้สมุนไพรใด ใช้น้ำกี่ชาม เคี่ยวอย่างไร ใช้ไฟแบบไหน ใช้เตาแบบใด ฟืนชนิดไหน น้ำชนิดใด กรองน้ำยาอย่างไร เติมผลึกเมื่อไร ทุกอย่างเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน

ผู้หญิงคนนั้นเห็นสีหน้าของเขาและรู้ว่าเขาจะปลอดภัยสักระยะหนึ่ง จิตใจนางผ่อนคลายรับเอาเทียบยามาและไปยังห้องครัวเพื่อต้มยา

เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นนางจึงมีประสบการณ์

ไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นกับชนิดและจำนวนของสมุนไพรที่ใช้ และนางก็ควบคุมความร้อนของเตาได้อย่างราบรื่น

ณ จุดหนึ่งหญิงงามในชุดชาววังก็ปรากฏขึ้นที่ข้างเตาไฟ ไฟส่องต้องใบหน้าของนาง เผยให้เห็นใบหน้างดงาม

สาวชาววังผู้นี้งดงามอย่างแท้จริง

อันที่จริงหลายปีที่ผ่านมา นางได้รับการยอมรับว่าเป็นหญิงที่งามที่สุดในราชวงศ์ต้าโจว

หญิงรับใช้ต้มยาด้วยสีหน้าสงบ แบ่งสมุนไพรและกรองน้ำยาด้วยความมั่นคงอย่างยิ่ง ประหนึ่งว่านางไม่เห็นสาวงามในชุดชาววัง

สาวงามใส่บางอย่างลงในหม้อยา

หญิงรับใช้ก็ยังทำราวกับว่าไม่เห็นอะไร

ห้องเงียบงันมีแต่เสียงเดือดปุดๆ ของน้ำยาในหม้อ