ตอนที่ 2107

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,107 : กระบี่ 9 สวรรค์, กระบี่ไร้ลักษณ์!

 

อาจารย์ของปู้หงก็คือหลูเถี่ย

 

หลูเถี่ยผู้นี้ก็คืออาวุโสเพลิงทองที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งคนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ

 

ตัวตนเช่นนี้แน่นอนว่าย่อมมีศาสตราพันอาคมเซียนไว้ในครอบครอง

 

ด้วยเหตุนี้ปู้หงจึงพลอยมีความเข้าใจในพลังอำนาจของศาสตราพันอาคมเซียนไปด้วย “หากกระบี่ที่มันใช้เป็นกระบี่พันอาคมเซียน ด้วยพลังฝึกปรือของมันที่แม้จะได้รับการหนุนเสริมจากเวทย์พลังสนับสนุนแล้ว ต่อให้ใช้ออกด้วยวรยุทธ์เซียนระดับนภาโดดเด่นที่บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิผสานเวทย์พลังจู่โจมอันใด…กระบี่ของมันก็ไม่มีทางรวดเร็วได้ถึงขนาดนั้น!!”

 

“ต้องทราบด้วยว่าจะอย่างไรข้าก็คือเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน เปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณ สองตาของข้าคือเนตรวิญญาณแล้วแท้ๆ…แต่ข้ากลับมองแทบไม่เห็นกระบี่นั่นของมัน!”

 

“เช่นนั้นย่อมมีคววามเป็นไปได้ประการเดียวเท่านั้น…กระบี่ที่มันใช้…มีพลังอำนาจเหนือกว่าศาสตราพันอาคมเซียน!”

 

“และในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้…ที่เหนือยิ่งกว่ากระบี่พันอาคมเซียน ก็เห็นแต่จะมีแค่กระบี่หมื่นอาคมเซียน ยอดศาสตราเซียนประเภทกระบี่ในตำนานนั่น! และในบรรดายอดศาสตราเซียนในตำนานก็มีศาสตราประเภทกระบี่แค่ 2 เล่มเท่านั้น”

 

“นั่นคือ กระบี่ 9 สวรรค์ กับกระบี่ไร้ลักษณ์…ไม่ทราบกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนถือครองอยู่เป็นเล่มใดกันแน่?”

 

เมื่อพึมพำถึงจุดนี้ ลมหายใจของปู้หงก็เริ่มถี่รัวขึ้น

 

“หากรากวิญญาณของข้าไม่ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียน…เรื่องนี้ข้าไม่มีวันแพร่งพรายออกไปแน่! เพราะตราบใดที่ข้ามีพลังฝีมือเหนือมัน ข้าจักได้ท้ามันขึ้นสังเวียนเป็นตาย คราวนี้ก็จักได้รับกระบี่หมื่นอาคมเซียนนั่นมาเป็นของตัวเอง…”

 

พึมพำกล่าวถึงตรงนี้สองตาปู้หงก็ฉายประกายน่ากลัวออกมา

 

“ทว่าตอนนี้…พรสววรรค์รากวิญญาณข้าถูกทำลายไปแล้ว ชาตินี้ข้าไม่มีวันไล่ตามมันได้ทันอีก”

 

“เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องนี้…แต่จะไปบอกอาจารย์คนเดียว หรือกระจายไปให้ทั่วดี?”

 

พึมพำถึงจุดนี้ปู้หงก็ฉายความลังเลออกมา

 

“หากข้าเอาไปบอกอาจารย์ คนอย่างอาจารย์ไม่มีวันแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปแน่…จะอย่างไรนั่นมันก็กระบี่หมื่นอาคมเซียน ยอดศาสตราที่ติดอันดับ 1 ใน 10 รายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให้เป็นอาจารย์ก็ย่อมอยากได้มาครอบครองไว้ในมือ…”

 

ธรรมชาติของมนุษย์นั้นมีความเห็นแก่ตัว

 

ปู้หงย่อมรู้เรื่องนี้ดี

 

มันมั่นใจได้เลย

 

หากบอกข่าวเรื่องนี้กับอาจารย์ของมันจ้าวแท่นบูชามังกรครามล่ะก็

 

อาจารย์ของมันไม่มีวันกล่าวเรื่องนี้ออกไป และยังจะห้ามไม่ให้มันแพร่งพรายเรื่องราวออกไปอีกด้วย

 

ยอดศาสตราเซียน…ไม่ว่าผู้ใดล้วนอยากถือครอง!

 

“ช่างเถอะ…เพียงบอกเรื่องนี้กับท่านอาจารย์ก็พอ อย่างไรก็ตามด้วยพลังฝีมือของอาจารย์คิดฆ่าต้วนหลิงเทียนแย่งชิงกระบี่หมื่นอาคมเซียนมาย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร นั่นก็เหมือนกับล้างแค้นให้ข้าแล้ว”

 

ในไม่ช้า ปู้หง ก็สามารถตัดสินใจได้

 

มันเลือกจะแจ้งให้อาจารย์ได้รู้ ว่าต้วนหลิงเทียนมีกระบี่หมื่นอาคมเซียนไว้ในครอบครอง

 

‘หากท่านอาจารย์ได้กระบี่นั่นมาครองจริงๆ วันหน้าท่านอาจารย์ต้องรู้สึกติดค้างข้าแน่…หลังจากนั้นท่านอาจารย์ย่อมนึกถึงข้าทุกครั้งยามเห็นกระบี่!’

 

ปูหงลอบกล่าวในใจ

 

สำหรับปู้หงแล้ว ขอแค่ต้วนหลิงเทียนตายอนาถก็พอ ไม่สำคัญว่าใครเป็นคนฆ่า

 

และหากผู้ลงมือเป็นอาจารย์ของมันเช่นนั้นก็เหมือน  ‘น้ำปุ๋ยอันอุดมไม่ไหลเข้าที่นาผู้อื่น’ จึงมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษต่อมัน

(น้ำปุ๋ยอันอุดมไม่ไหลเข้าที่นาผู้อื่น = เรือล่มในหนองแล้วทองจะไปไหน)

 

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ปู้หง ก็เร่งไปหาอาจารย์ของมันทันที

 

“ท่านอาจารย์”

 

ปู้หงไปหาอาจารย์ที่สวนด้านหลังทันที

 

และอาจารย์ของมัน จ้าวแท่นบูชามังกรคราม หลูเถี่ย ก็กำลังตัดแต่งต้นไม้อยู่

 

เมื่อได้ยินเสียงเรียกของปู้หง มันก็หยุดมือทันที ค่อยหันกลับมามองถามปู้หง “หงเอ๋อ เจ้ามีอันใดหรือ?”

 

ความสงสัยฉายขึ้นบนใบหน้าหลูเถี่ย

 

ศิษย์เอกของมันคนนี้ตั้งแต่ที่ได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนสมควรลอบออกจากลัทธิบูชาไฟอย่างเงียบๆเมื่อวันก่อน อีกฝ่ายก็เอาแต่ปิดประตูไม่รับแขกอยู่ในบ้าน

 

วันนี้เพื่อไม่ให้ปู้หงอุดอู้มันยังส่งรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดไปให้ปู้หง

 

คาดไม่ถึงจริงๆว่าไม่ทันไร ปู้หง ก็ยอมออกจากบ้านแล้ว

 

“ท่านอาจารย์ ข้าพึ่งนึกถึงเรื่องราวสำคัญได้ออก!”

 

ปู้หงกล่าวออกเสียงเข้ม

 

“หือ? เรื่องอันใดรึ?”

 

หลูเถี่ยย่อมรู้ดีว่าศิษย์มันคนนี้ไม่ใช่คนที่ชอบพูดเพ้อเจ้อไม่เป็นเรื่อง ลองอีกฝ่ายกล่าวมาเช่นนี้ย่อมหมายความว่านั่นเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ

 

“ท่านอาจารย์…ข้าสงสัยว่าที่ต้วนหลิงเทียนมันสามารถเอาชนะข้าได้ อาจเป็นเพราะมันมียอดศาสตราเซียน!”

 

ปู้หงกล่าวออกมาตรงๆ

 

ยอดศาสตราเซียน!

 

วาจาปู้หงดังไม่ทันขาดคำ ลูกตาหลูเถี่ยก็หดเล็กลง ใบหน้าเผยความตกใจไม่น้อย

 

ขณะเดียวกันใจของมันก็เต้นรัวขึ้นมา

 

ยอดศาสตราเซียนนั้น ให้กวาดตามองไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ทั้งหมดก็มีอยู่แค่ 10 ชิ้น และติด 10 อันดับแรกของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น

 

กระทั่งเป็นลัทธิบูชาไฟของมัน ทว่าก็มียอดศาสตราเซียนไว้ครอบครองเพียงแค่หนึ่งเดียว และเป็นยอดศาสตราที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของลัทธิบูชาไฟ ส่งต่อกันในชนชั้นจ้าวลัทธิจากรุ่นสู่รุ่น

 

จากเรื่องนี้ย่อมเห็นชัดว่ายอดศาสตรามีค่ามากมายเพียงใด

 

ทว่าตอนนี้ศิษย์ของมันเข้ามาบอกว่าต้วนหลิงเทียนมียอดศาสตราเซียน!

 

จะไม่ให้มันตกใจได้อย่างไรไหว?!

 

“หงเอ๋อ…เจ้าแน่ใจหรือว่าต้วนหลิงเทียนมียอดศาสตราเซียนจริงๆ?”

 

มองปู้หงอีกครั้ง สีหน้าแววตาของหลูเถี่ยยังกลายเป็นจริงจังถึงขีดสุด พาลให้บรรยากาศในสวนด้านหลังกดดันบีบขั้นขึ้นทันที

 

“ท่านอาจารย์ เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น วันนั้น…”

 

หลังจากนั้นปู้หงก็กล่าวเล่าเรื่องราวตอนที่มันประมือกับต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างละเอียด

 

และจากวาจาของมันก็ทำให้หลูเถี่ยเองบังเกิดความสงสัยในทำนองเดียวกัน

 

“หากไม่ใช่ กระบี่ 9 สวรรค์ เช่นนั้นในมือต้วนหลิงเทียนสมควรเป็น กระบี่ไร้ลักษณ์ไม่ผิดแน่!”

 

หลูเถี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกยาว ค่อยกล่าวออก “ฟังจากที่เจ้าเล่ามา กระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนมี…สมควรเป็นกระบี่ไร้ลักษณ์มากกว่า เพราะอานุภาพของมันยากจะรับมือได้นัก!”

 

“พลังฝึกปรือของเจ้าบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนแล้วแถมเจ้าเองก็มีเนตรวิญญาณ…ทว่ากลับมองแทบไม่เห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียน…หมายความว่ามันใช้กระบี่ไร้ลักษณ์ไม่ผิดแน่ และคนทั่วไปจะไม่เห็นกระบี่ของมันก็ไม่แปลก เพราะยังมิมีเนตรวิญญาณ”

 

หลูเถี่ยกล่าว “เช่นนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็เข้าเค้าลงตัว! ในอดีตผู้คนส่วนใหญ่ล้วนไม่อาจแลเห็นกระบี่ของมันได้ ที่แท้มิใช่เพราะยอดวรยุทธ์วิชาอันใด เป็นเพราะกระบี่ในมือมันคือกระบี่ไร้ลักษณ์นี่เอง ไร้ลักษณ์ ไร้ร่องรอย ตกตายไม่เห็นกระบี่!”

 

“ที่ศิษย์น้องหญิงของเจ้าเสียท่ามันก็เพราะกระบี่ไร้ลักษณ์ไม่ผิดแน่ หากไม่มีกระบี่นั่นแค่ศิษย์น้องหญิงของเจ้าก็สมควรเอาชนะมันได้!”

 

วาจาประโยคหลังนั้นหลูเถี่ยมั่นใจมาก

 

ศิษย์น้องหญิงของปู้หงย่อมเป็นเวินเยี่ยน

 

“กระบี่ไร้ลักษณ์…โชคของมันยอดเยี่ยมนัก! มันกลับได้รับกระบี่ไร้ลักษณ์ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนมาถือครองจริงๆ!”

 

ปู้หงอดไม่ได้ที่จะอิจฉา

 

หลังได้รับการยืนยันจากอาจารย์แล้ว ปู้หงก็มั่นใจอย่างถึงที่สุดว่ากระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้เอาชนะมัน สมควรเป็นกระบี่ไร้ลักษณ์ไม่ผิดแน่!

 

“โชคดี? น่าเสียดายที่ตอนนี้โชคดีของมันคือตัดชุดวิวาห์ให้ข้า!”

 

สองตาหลูเถี่ยทอประกายเจิดจ้า ยังฉายแววเย้ยหยันออกมาไม่น้อย มุมปากยกยิ้มแสยะ ทำราวกับกระบี่ไร้ลักษณ์ในมือต้วนหลิงเทียนได้อยู่ในกระเป๋าของมันแล้ว

 

และใจมันก็คิดไปแบบนี้จริงๆ

 

ต้วนหลิงเทียนแม้พลังฝีมือจะไม่ธรรมดา แต่ยังอ่อนด้อยกว่ามันมาก

 

“หงเอ๋อหากอาจารย์ได้กระบี่ไร้ลักษณ์ เจ้านับว่ามีความดีความชอบอันใหญ่หลวง!”

 

จากนั้นหลูเถี่ยก็หันไปมองปู้หงอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม เห็นชัดว่ามันพอใจในศิษย์เอกคนนี้ขนาดไหน

 

“ท่านอาจารย์หากท่านต้องการกระบี่ไร้ลักษณ์ ท่านก็ต้องชิงลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ได้ก่อนผู้ใด…ตอนนี้หากต้วนหลิงเทียนมันกลับมาไม่พ้นต้องถูกอาวุโสคุมกฏจับไปแน่ เพื่อยืนยันว่ามันทำลายพรสวรรค์ผู้อื่นได้จริงหรือไม่!”

 

ทันใดนั้นคล้ายนึกอะไรได้ออก ปู้หงเร่งกล่าวบอกอาจารย์ของมันออกมาทันที “และหากเรื่องนี้ได้รับการยืนยัน ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องโดนหอคุมกฏลงโทษแน่นอน…หากมีแค่คดีของข้ามันอาจไม่โดนหอคุมกฏพิพากษาโทษตาย”

 

“อย่างไรก็ตามมันสร้างความขุ่นเคืองใจให้ต่งหยวนจิ้นรองจ้าวหอคุมกฏ เช่นนั้นยามตัดสินโทษ ไม่พ้นต่งหยวนจิ้นต้องุขุดเรื่องเก่าๆของกู่ชุนศิษย์หลี่อันมาเล่นงานมันซ้ำแน่ คราวนี้ก็ไม่ยากที่ต่งหยวนจิ้นจะอ้างกฏประหารมัน!”

 

“หากมันตายในหอคุมกฏ เรื่องราวทั้งหมดก็เหมือนอยู่ในกำมือต่งหยวนจิ้น…เช่นนั้นกระบี่ไร้ลักษณ์ที่ท่านต้องการ ก็ไม่มีโอกาสได้รับแล้ว”

 

ปู้หงกล่าวออกมารวดเดียวจบ ยังมีความกังวลไม่น้อย

 

“จริงสิ!”

 

ได้ยินคำปู้หง คิ้วของหลูเถี่ยขมวดเป็นปมทันที เพราะมันตระหนักได้ว่าเรื่องที่ปู้หงกล่าวมีโอกาสเป็นไปได้สูงนัก

 

รองจ้าวหอคุมกฏต่งหยวนจิ้นนับเป็นชนชั้นอำมหิตผู้หนึ่ง อีกทั้งพลังฝีมือของอีกฝ่ายยังเหนือกว่ามันอยู่เล็กน้อย

 

หากกระบี่ไร้ลักษณ์ตกไปอยู่ในมือต่งหยวนจิ้นล่ะก็ มันไม่มีวันชิงมาได้แน่

 

และถ้ากระบี่ไร้ลักษณ์ตกอยู่ในหอคุมกฏ มันก็เลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย

 

“หงเอ๋อ”

 

ชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบ หลูเถี่ยก็หันมองไปยังปู้หงเร่งกล่าว “เช่นนั้นอาจารย์คิดไปถอนฟ้องต้วนหลิงเทียนที่หอคุมกฏ…แล้วค่อยอ้างว่าที่พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าหายไป เป็นเพราะบ่มเพาะพลังผิดพลาด จึงเผลอทำลายมันไป…”

 

“แต่ขอเจ้าอย่าได้กังวล…แม้ไม่มีหอคุมกฏลงมือเพื่อเจ้า แต่อาจารย์ผู้นี้จะฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นล้างแค้นให้เจ้าให้จงได้”

 

วาจาท้ายประโยคของหลูเถี่ย กล่าวให้สัญญาต่อปู้หง

 

“ข้าย่อมเชื่อในตัวท่านอาจารย์”

 

ปู้หงพยักหน้า

 

มันรู้ดีว่าการทำเช่นนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด และอาจารย์ของมันจะได้ถือครองกระบี่ไร้ลักษณ์ของต้วนหลิงเทียน!

 

ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่ที่นี่…

 

ไม่งั้นจังหวะนี้เขาคงหมดคำจะพูด

 

เขาไปมีกระบี่ไร้ลักษณ์ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนตั้งแต่เมื่อไหร่?

 

ไฉนเขาไม่เห็นรู้เรื่องเลย!