ตอนที่ 647 กลุ่มก่อการร้าย Ink Stone_Fantasy
เมื่อเดินเข้าไปในงานเลี้ยงอันหรูหรา เยี่ยเทียนไม่ค่อยอยากเชื่อตัวเองว่าภายในเวลาไม่กี่วัน เขาได้กลายเป็นเศรษฐีพันล้านไปแล้ว?
ความรู้สึกของการรวยอย่างไม่รู้ตัวนั้นเป็นเพียงความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เขาอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น มิน่าเล่า เหล่าคนมีเงินมักจะชอบอยู่รวมกลุ่มกัน ไม่คิดว่าการหาเงินจะง่ายดายเช่นนี้?
“คนจีนคนนั้นมาแล้ว!”
“สุดยอด พักผ่อนแค่คืนเดียวก็ไม่เป็นไรแล้ว?”
“วงการมวยปล้ำต้องเปลี่ยนแปลงไป ต่อไปคงไม่มีใครกล้าหาเรื่องพวกคนเอเชียอีก!”
เมื่อเยี่ยเทียนก้าวเข้ามาในงาน สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาที่เขา
เมื่อคืนเป็นการแข่งขันนัดใหญ่แห่งศตวรรษ พลิกโฉมหน้าวงการมวยใต้ดินทั้งหมดภายในคืนเดียว
เจ้าสังเวียนอันดับหนึ่งอย่างแอนโทนี มาร์คัส และอันดับสองอย่างครากุลต่างถูกสยบลง เมื่อหมดยุคของแอนโทนี มาร์คัสแล้วทำให้ทั้งวงการต้องสั่นคลอน
ทุกคนในที่นี้ได้เห็นความโหดเหี้ยมของเยี่ยเทียนแล้วเชื่อว่าภายในสิบปีข้างหน้านี้ชายชาวจีนจะเป็นผู้เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งวงการมวยใต้ดิน
“คุณเยี่ย ยินดีที่ได้พบคุณ คุณเป็นผู้ริเริ่มยุคที่ยิ่งใหญ่ของเรา!”
เดินเข้ามาในงานเลี้ยงไม่นาน เบอร์นี่ย์ รอตซ์ชาลด์เข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม ตระกูลใหญ่ที่รุ่งเรืองมาตลอดหนึ่งร้อยปีนั้น เบื้องหลังของตระกูลนนี้ไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้
“ยุคที่ยิ่งใหญ่? คุณเบอร์นี่ย์ ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร?”
อยู่ต่างประเทศมานานขนาดนี้ ภาษาอังกฤษของเยี่ยเทียนยิ่งพัฒนาขึ้น เขาสามารถเอ่ยถึงความไม่เข้าใจในความหมายของเบอร์นี่ย์ได้อย่างตรงไปตรงมา
“ตามกฎของมวยใต้ดิน เมื่อชนะแอนโทนี่ มาคัสแล้ว คุณจะได้เป็นอันดับหนึ่ง พ่อหนุ่ม ต่อไปอีกสิบปีข้างหน้า วงการมวยใต้ดินนี้เป็นของคุณแล้ว!”
ในสังกัดของเบอร์นี่ย์ มีสำนักงานหนึ่งที่ตั้งขึ้นเพื่อประเมินฝีมือและค้นหานักมวยปล้ำหน้าใหม่โดยเฉพาะ การทำงานที่เข้มข้นของพวกเขาเมื่อคืน สามารถวิเคราะห์ออกมาได้ว่า เยี่ยเทียนสามารถครองแชมป์ได้อีกสิบปี
เบอร์นี่ย์มีเหตุผลที่เชื่อว่า ด้วยสถานภาพของเยี่ยเทียน การแข่งขันของเขาแต่ละนัด จะทำให้เกิดความสนใจมวยใต้ดินจากเหล่ามหาเศรษฐีทั่วโลก แค่เพียงเพิ่มการเข้าถึงข่าวสาร เยี่ยเทียนก็จะกลายเป็นบุคคลที่น่าจับตามองอันดับหนึ่งของวงการ
“เป็นของผม?”
เยี่ยเทียนยิ้มเยาะ ตอบว่า “คุณเบอร์นี่ย์ คุณคิดว่าคนอย่างผม จะต่อยมวยใต้ดินต่อไปอีกหรือ? เมื่อวานนั้นเป็นแค่การเล่นสนุกเฉยๆ!”
เยี่ยเทียรรู้ว่าถ้าเขาไม่แสดงจุดยืนให้ชัดเจนเสียแต่เนิ่นๆ คงทำให้ใครหลายๆนั่งไม่ติดที่ จึงอาศัยโอกาสนี้ประกาศถอนตัวออกจากวงการ
คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้คนที่นั้นฮือฮากันใหญ่ พวกเจ้าของค่ายมวยที่คาดเดากันในตอนแรก กลัวว่าเยี่ยเทียนจะมาท้าประลองในถิ่นพื้นที่ของตน พวกเขาแสดงท่าทีตื่นเต้นดีใจ
โดยเฉพาะรูดอล์ฟที่กราดตามองต่งเซิงไห่และจู้เหวยเฟิงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เขาทั้งสองเป็นผู้ควบคุมค่ายมวยใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ใครๆก็อยากได้ส่วนแบ่งเนื้อชิ้นใหญ่นี้ทั้งนั้น
“ท่านเยี่ย คุณ?”
ต่งเซิงไห่ไม่คิดว่าเยี่ยเทียนจะประกาศออกมาแบบนี้ เขาหน้ามุ่ยลงทันที อันเดรวิชออกจากวงการไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีนักมวยในสังกัดสักคนที่สามารถออกโรงสู้ได้
เยี่ยเทียนโบกมือใส่ต่งเซิงไห่ หันไปเอ่ยกับเบอร์นี่ย์ยิ้มๆว่า “คุณเบอร์นี่ย์ ผมยังมีหุ้นอยู่ในค่ายมวยใต้ดินของญี่ปุ่น จีน และมอสโค หลังจากนี้สามปี ผมจะนำหุ้นของผมถ่ายโอนออก ก่อนจะถึงตอนนั้นหวังว่าผมจะได้อยู่อย่างสงบสุขนะครับ!”
เยี่ยเทียนพูดอย่างไม่อ้อมค้อม เป็นคำประกาศที่ดับความหวังของพวกจู้เหวยเฟิงที่คิดจะไปท้าประลองกับชาติอื่น ถ้ายังมีเยี่ยเทียนผู้เป็นเทพแห่งนักฆ่าอยู่ทั้งคน
เมื่อได้ยินที่เยี่ยเทียนพูดแล้ว ต่งเซิงไห่กับจู้เหวยเฟิงพอคลายใจลงบ้าง มีเวลาถึงสามปีถ้าพวกเขาไม่สามารถทำให้วงการมวยใต้ดินพัฒนาขึ้นได้ ก็ไม่ควรโทษเยี่ยเทียนแล้ว
อีกทั้งสามปีนี้เป็นช่วงเวลาเพื่อให้ผู้อาวุโสในวงการยอมรับ คำพูดประโยคเดียวของเยี่ยเทียน สามารถทำให้วงการมวยใต้ดินทั่วโลกสงบสุขไปอีกสามปี เริ่มยุคแห่งการไม่มีแชมป์เจ้าสังเวียนและนี่เป็นสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น
เยี่ยเทียนปฏิบัติตามสัญญา ทำให้บรรยากาศในที่นั้นราบรื่นขึ้น พวกรูดอล์ฟที่ส่งสายตาชิงชังให้ต่งเซิงไห่ยังต้องแสร้งทำหัวเราะพูดล้อเล่น
ในสายตาของพวกเขา ความแค้นล้วนเกิดจากการเสียผลประโยชน์เท่านั้น เมื่อผลประโยชน์สมดุล ความแค้นก็ย่อมจางหายไป
เยี่ยเทียนมักจะหลบหนีจากงานเลี้ยงในสถานที่แบบนี้ เขาอยู่รับแขกผู้อัธยาศัยดีได้ไม่นานก็หลบมุมไปอยู่คนเดียวรองานเลี้ยงเลิก
“คุณเยี่ย ว่างไหม? ผมขอแนะนำเพื่อนคนหนึ่งให้รู้จัก…” ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังนั่งย่อยอาหารอยู่นั้น เสียงของเบอร์นี่ย์ก็ดังขึ้น
เยี่ยเทียนพิจารณาดูคนที่ยืนอยู่ข้างเบอร์นี่ย์อย่างแปลกใจ ถามว่า “คุณเบอร์นี่ย์ คุณคนนี้คือ?”
ชายที่ยืนข้างเบอร์นี่ย์เป็นคนรูปร่างสันทัด ไว้หนวดเคราเต็มหน้า ส่วนบนศีรษะของเขามีผ้าสีขาวโพกอยู่ ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นคนอาหรับ
“อ๋อ เขาชื่ออุซามะห์ อับดุลลาห์ มาจากประเทศซาอุดิอารเบีย คุณเยี่ย อับดุลลาห์มีเรื่องขอคุยกับคุณหน่อย”
ท่าทางของเบอร์นี่ย์ดูผิดปกติ พอแนะนำผู้มาใหม่จบแล้ว ก็รีบขอตัว “พวกคุณค่อยๆคุยกันนะครับ ผมขอตัวไปรับแขกคนอื่นก่อน!”
“คุณอับดุลลาห์ เชิญนั่ง ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับผมหรือ?”
เยี่ยเทียนมองเบอร์นี่ย์ด้วยความแปลกใจ แล้วเรียกอับดุลลาห์เข้ามานั่งใกล้ๆ เขามองออกว่า การให้เบอร์นี่ย์พาเขาเข้ามาแนะนำตัว อับดุลลาห์คนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา
ในโลกสมัยใหม่เมื่อเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ ประเทศอาหรับกลางทะเลทรายตั้งแต่หลังยุคสงครามครูเสดได้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจขึ้นบนโลกได้ก็เพราะใต้พื้นดินของพวกเขามีบ่อน้ำมันจำนวนมหาศาล
น้ำมันดิบพวกนี้ทำให้เหล่าประเทศที่ครอบครองเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก อีกทั้งราชวงศ์ที่ควบคุมอำนาจในดินแดนท้องทะเลทรายได้กลายเป็นกลุ่มคนที่มีเงินมากที่สุดในโลก
ตั้งแต่ยุคปี 70-80 คนอาหรับได้รับฉายาว่ามหาเศรษฐีเป็นผู้ที่มีทั้งเงินและทองมากที่สุด คนอย่างเบอร์นี่ย์ ไม่กล้ามีเรื่องกับพวกเขาแน่นอน
“คุณเยี่ย พูดตามตรง ผมไม่ใช่คนซาอุดิอาระเบีย สัญชาติของผมคืออัฟกานิสถาน!”
มองออกว่าอับดุลลาห์ได้รับการอบรมเรื่องมารยาทมาเป็นอย่างดี นอกจากผ้าโพกหัวที่แสดงถึงศาสนาที่เขานับถือแล้ว อากัปกิริยายังบอกว่าเป็นผู้ดีมีสกุล
“อ่อ ไม่ทราบว่าคุณอับดุลลาห์ต้องการบอกอะไรกับผมหรือครับ?”
เยี่ยเทียนเลิกคิ้ว สิ่งที่เขาสัมผัสได้จากฝ่ายตรงข้ามคือความเป็นหนุ่มบ้าคลั่ง ภายใต้ใบหน้าที่สงบเสงี่ยมของอับดุลลาราวกับเหมือนมีภูเขาไฟที่เตรียมจะระเบิดซ่อนอยู่
สิ่งที่เยี่ยเทียนแปลกใจคือ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าการเผชิญหน้ากับใครคนหนึ่ง ในใจราวกับมีหนามทิ่มแทง
อับดุลลาห์ฟังคำถามของเยี่ยเทียนแล้ว หันไปมองรอบข้าง ลดเสียงลงกระซิบว่า “ผมเป็นตัวแทนกลุ่มกองกำลังจากอัฟกานิสถาน อยากเชิญคุณเยี่ยเข้าร่วมในกองกำลังท้องถิ่นของเรา ช่วยพวกเราฝึกซ้อมพลทหาร ไม่ทราบว่าคุณเยี่ยจะเห็นด้วยไหม?”
“กองกำลังท้องถิ่น เป็นกลุ่มอะไรกัน?” เยี่ยเทียนรู้สึกไม่แน่ใจนัก เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“คุณเยี่ยไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของกลุ่มเราหรือ?”
อับดุลลาห์ไม่พึงพอใจที่เยี่ยเทียนบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อกลุ่มของเขามาก่อน อธิบายต่อว่า “กองกำลังท้องถิ่นดั้งเดิมมีชื่อเรียกว่ากองกำลังกลุ่มอิสลาม จีฮาด เพื่อช่วยเหลืออัฟกานิสถานในการต่อต้านสหภาพโซเวียต
ในปี 1988 บิดาของผมก่อตั้งกองกำลังนี้ขึ้นมา พวกเราสาบานว่าเราจะสู้เพื่อต่อต้านอำนาจแทรกแซงอันโสมมจากอเมริกา คุณเยี่ย เมื่อวานผมได้ดูการแข่งขันของคุณแล้ว ได้โปรดรับคำขอไปช่วยฝึกกองกำลังทหารของเราด้วยเถอะ!”
เมื่อเอ่ยถึงจุดมุ่งหมายของกลุ่มกองกำลังท้องถิ่นนั้น ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยของอับดุลลาห์หลุดความบ้าคลั่งออกมา ยิ่งกว่านั้นเขายกแขนขึ้นราวกับจะร่ายรำเพื่อช่วยส่งเสริมคำพูดให้หนักแน่น
“เดี๋ยวก่อน คุณอับดุลลาห์ ผมควรจะต้องรู้ก่อน พวกคุณทำเรื่องอะไรที่เป็นการต่อต้านอำนาจอเมริกาอย่างนั้นหรือ?”
เยี่ยเทียนรู้สึกสนใจมากขึ้น แม้ว่าที่นี่จะเป็นน่านน้ำสากล แต่ระยะห่างจากอเมริกานั้นใกล้มาก ไม่คิดว่าชายคนนี้จะกล้าเหิมเกริมแสดงการต่อต้านอเมริกาออกมา
อับดุลลาห์ได้ฟังเยี่ยเทียนเทียนถามดังนั้นแล้วก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย ตอบว่า “คุณเยี่ย ตอนปี 98 กองกำลังของเราเคยฝึกหัดคนอเมริกาที่ประเทศเคนย่า แล้วสถานทูตของพวกเขาก็ถูกทำลายย่อยยับ ไม่ทราบว่าคุณเคยได้ยินข่าวไหม?”
“โจมตีสถานทูต?” เยี่ยเทียนตกตะลึง “โอ้โห นี่มันไม่ใช่เรื่องที่พวกผู้ก่อการร้ายทำกันหรอกหรือ?”
เยี่ยเทียนกระจ่างในทันที คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ เกรงว่าจะเป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้ายที่มาเชิญเขาไปฝึกทหารเพื่อไปกระทำเหตุวินาศกรรม
ดวงตาของอับดุลลาฉายแววบ้าคลั่งขึ้นอีกครั้ง ตอบว่า “ใช่แล้ว พวกเราต้องทำให้คนอเมริกาได้สูญเสีย คุณเยี่ย ขอเชิญคุณเข้าร่วมกับเราเถอะ!”
“อ่อ ไม่ คุณอับดุลลาห์ ผมเป็นพลเมืองที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ผมมีครอบครัวที่ผาสุข สำหรับปณิธานและความเชื่อของพวกคุณนั้นผมเข้าใจ แต่ขออภัยด้วยจริงๆ ผมไม่ได้มีความสนใจในเรื่องแบบนี้”
ยังไม่ทันรอให้อับดุลลาพูดจนจบ เยี่ยเทียนชิงขัดขึ้นก่อน ล้อเล่นหรือเปล่า? มีชีวิตดีๆไม่ชอบ อยากจะไปใช้ชีวิตเสี่ยงตายทำไม? เยี่ยเทียนยังอยากใช้ชีวิตอยู่จนแก่เฒ่า
อีกอย่าง เยี่ยเทียนฝึกลัทธิเต๋ามา ซึ่งมักมุ่งเน้นเรื่องความสงบสุข แล้วจะยอมรับเงื่อนไขบ้าบอพวกนั้นได้อย่างไร?
“คุณเยี่ย ผมรู้ว่าคุณมีอคติกับกลุ่มของเรา รอดูต่อไปก็แล้วกันอีกไม่นานคุณจะรู้ถึงการตัดสินใจที่เด็ดขาดของพวกเรา!”
ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม มักมีนิสัยดื้อรั้นหัวแข็ง เมื่อถูกเยี่ยเทียนปฏิเสธอย่างละม่อมแล้ว ท่าทีของอับดุลลาห์ต่อเยี่ยเทียนก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
…………………………………………….