บทที่ 707 กลับถึงบ้านใหม่แล้ว

The king of War

“หล่อนยังคงเกลียดซูซานมาก”

หยางเฉินพูด

ฉินซีสีหน้าหมองลงไปในทันที ด้านหนึ่งก็น้องสาว อีกด้านก็เพื่อนสนิท ไม่ว่าใครคนไหนหล่อนก็ทิ้งไม่ได้

“เธอก็อย่าไปคิดมากเลย ในเมื่อเสี่ยวยีไม่ชอบซูซาน ก็ไม่ต้องให้พวกเขาพบกัน มันไม่มีความจำเป็นเลย ที่จะจับตัวเธอเองอัดไว้อยู่ตรงกลาง”

หยางเฉินปลอบ “เธอทำไมต้องถึงขนาดว่าดีกับใครแล้ว ต้องดีให้เหมือนดีกับพี่น้องกันเลยเชียว?”

ความจริงเขาก็อยากจะเตือนให้ฉินซีห่างออกจากซูซานให้มากหน่อย แต่การที่ฉินยีเกลียดซูซาน ก็ทำให้ฉินซีลำบากใจมากแล้ว ถ้าหากตัวเขาไปแสดงออกถึงความเกลียดที่มีต่อซูซานด้วย ฉินซีคงจะเสียใจยิ่งมากขึ้น

และแล้วทั้งคืนก็ผ่านไปไม่มีอะไร เช้าวันรุ่งขึ้น คนทั้งบ้านใครต้องไปทำงานก็ไป ใครต้องไปโรงเรียนก็ไป

หยางเฉินก็ไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป

การส่งมอบงานบริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอ ฉินต้าหย่งจัดการเกือบสมบูรณ์แล้ว งานในซานเหอกรุ๊ป ฉินซีก็จัดการเกือบเรียบร้อยแล้ว เวลานี้ก็คงเหลือแต่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป ที่ยังมีงานบางอย่างต้องสะสาง

คาดว่าอีกสองสามวัน ก็น่าจะเรียบร้อย ถึงเวลานั้นทั้งตระกูลก็จะได้ย้ายไปอยู่ที่เยี่ยนตู

สำหรับตระกูลกวนและตระกูลหาน ก็ได้ย้ายไปอยู่เยี่ยนตูแล้ว ส่วนทรัพย์สินธุรกรรมต่าง ๆ ของตระกูลกวนและตระกูลหานนั้น จะให้โอนย้ายไปเยี่ยนตูทันทีเลยนั้น คงยังเป็นไปไม่ได้

พวกเขาทั้งสองตระกูลใหญ่นี้ ตอนนี้คิดจะทำอะไร ก็คงต้องไปตั้งหลักที่เยี่ยนตูก่อน ให้หลังจากนั้นค่อยคิดอ่านวางแผนโยกย้ายทรัพย์สินธุรกรรมกันต่อไป

หยางเฉินก็ได้ฝากฝังไว้กับตระกูลเฉินให้ช่วยดูแลแล้ว ถึงหยางเฉินไม่อยู่ ตระกูลกวนกับตระกูลหานก็ปักหลักลงฐานในเยี่ยนตูได้อย่างรวดเร็ว

หลายวันนี้ ซูซานก็ไม่ได้มาให้เห็น ทำให้หยางเฉินสบายใจไปได้ไม่น้อย

รอให้ย้ายพ้นไปจากที่นี่ โอกาสเจอหน้าซูซานก็จะยิ่งน้อยลง ไม่เจอหน้าจะได้ไม่วุ่นวาย

ไม่นานนัก การส่งมอบงานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็เรียบร้อย หยางเฉินพาครอบครัวทั้งหมด มุ่งไปสู่เยี่ยนตู

“คุณพ่อขา ที่นี่เป็นเมืองใหญ่ที่บอกว่าพวกเราจะมาอยู่เหรอ?”

การเพิ่งได้มาเยี่ยนตู คนที่ตื่นเต้นมากที่สุดคงต้องเป็นเสี้ยวเสี้ยว ตลอดทางมามองผ่านหน้าต่างรถออกไป เทียบกับเจียงโจวแล้ว ที่เยี่ยนตูมีตึกสูงมากมาย การจัดพื้นที่สีเขียวก็สุดยอดจะดี หลายอย่างนี้ที่ทำให้เสี้ยวเสี้ยวชอบใจเอามาก

หยางเฉินหัวเราะพลางพูดว่า “นี่ไงเยี่ยนตู ต่อแต่นี้ไปพวกเราก็จะใช้ชีวิตกันที่นี่ เสี้ยวเสี้ยวชอบมั้ยหละ?”

“ชอบคะ!”

เสี้ยวเสี้ยวพูดด้วยยิ้มหวานแหวว

ฉินต้าหย่งก็ดีใจมาก อยู่เจียงโจวมาเกือบทั้งชาติ ไม่คิดว่ายามแก่ จะได้มาใช้ชีวิตในเยี่ยนตู

กับตัวเขาแล้ว เจียงโจวมันก็ไม่เคยได้มีอะไรที่มีค่าพอให้เขาอาวรณ์ด้วยเลย

อยู่ในตระกูลฉิน ตัวเองก็ไอ้ลูกนอกสมรส ไม่เคยได้รับการดูแลเอาเลย

แม้กระทั่งเมียเขาเองแท้ ๆ สุดท้ายก็ยังจะเอาเขาให้ตาย ถ้าไม่ได้หยางเฉิน น่ากลัวป่านนี้คงตายดับไปแล้ว

เปลี่ยนชีวิตมาใช้ในเมืองรุ่นใหม่ ปล่อยอดีตที่ผ่านมาทั้งหลาย ให้มลายหายไปกับสายลม

ครึ่งชั่วโมงให้หลังจากนั้น รถก็จอดตรงหน้าอาคารส่วนตัวหรูหราหลังหนึ่ง

“ยอดเมฆา?”

เห็นตัวอักษรไม่กี่ตัวที่แขวนไว้หน้าประตูอาคาร ฉินต้าหย่งความรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก

“คุณพ่อ ที่นี่ล้วนถอดแบบมาจากยอดเมฆาที่เจียงโจว ทั้งการออกแบบตกแต่งภายใน ทุกอย่างเหมือนกันหมด อยู่กันที่นี่ ก็จะเหมือนตอนอยู่ที่เจียงโจว”หยางเฉินพูดพลางหัวเราะ

“คุณพ่อ ไหนคุณพ่อว่าเราจะไปอยู่บ้านใหม่ไง?ทำไมยังให้มาอยู่บ้านแบบเดิมหละ?”

เสี้ยวเสี้ยวก็ใช่ว่าจะรู้อะไรมากมาย ยังคิดว่าที่นี่ก็ยังคือยอดเมฆาที่เจียงโจว

หยางเฉินพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “ก็ที่นี่งัยบ้านใหม่เรา!ไม่เชื่อหนูลองไปดูที่ห้องหนูสิ”

ได้ยินคุณพ่อพูดดังนั้น เสี้ยวเสี้ยวก็รีบวิ่งไปหาห้องที่อยู่ในความฝันของเขา

พอหล่อนเข้ามาถึงห้อง ความตื่นตาเต็มใบหน้า “คุณพ่อ ป็นบ้านใหม่จริง ๆ ด้วย สุดยอดเลย เสี้ยวเสี้ยวชอบบ้านใหม่นี้มากที่สุดเลย”

ทุกคนพอได้ยินก็แห่กันเข้ามา พอได้เห็นห้องของเสี้ยวเสี้ยว การตกแต่งที่ดูแสนน่ารัก ดูจริง ๆ ก็น่าจะเป็นห้องของเจ้าหญิงในนิยายชัด ๆ ทั้งห้องสีชมพูล้วน

ภายในห้อง ยังมีตุ๊กตาของเล่น ภาพบนผนังที่แสดงก็เป็นตัวการ์ตูนของดิสนีย์

การจัดวางตกแต่งภายในห้อง ก็ช่างจะดึงดูดความสนใจสาวน้อยเป็นอย่างมาก

“พี่เขย พี่นี่ใจไม่เป็นกลางนะ จัดวางห้องเสี้ยวเสี้ยวให้ดีจนล้นหลาม”

ฉินยีดูสภาพห้องของเสี้ยวเสี้ยวแล้ว กลับมองห้องตัวเอง สีหน้าออกอาการไม่พอใจเต็ม ๆ

หยางเฉินหัวเราะแล้วพูดไปว่า “นี่ก็เพราะกังวลไม่กล้าจัดการให้หรอก เดี๋ยวจะออกแบบจัดวางห้องให้ไม่ได้อย่างใจไม่ใช่เหรอ? ฉะนั้นจึงยังเหลือส่วนที่ไม่กล้าจัดให้เธอ ก็เพื่อให้เธอออกแบบตกแต่งให้เป็นที่พอใจกับตัวเธอเองเลยงัย”

“ไม่สนอ่ะ ยังไงก็เพราะคุณลำเอียง!”ฉินยีพูดด้วยความไม่สบในอารมณ์

“ฮา ฮา…….”

ฉินต้าหย่งหัวเราะลั่นขึ้นมา

รูปแบบของครอบครัวที่ปรองดองกัน ทำให้ใบหน้าของฉินต้าหย่งให้เห็นมีแต่ความสุข

“คุณสามีคะ ขอบคุณนะคะ!”

กลับถึงห้องส่วนตัว เหลือกันเพียงสองคนสามีภรรยา ฉินซีพูดขอบคุณด้วยใจจริง

ทุกขณะนี้ของฉินยี และอีกฉินต้าหย่งที่ได้มีครอบครองทั้งหมด ล้วนหยางเฉินให้มา

อีกทั้งหยางเฉินก็รักหล่อนเป็นอย่างมาก นี้คือให้ความรู้สึกเป็นสุขที่เต็มอิ่มอย่างพอเพียงของหล่อน

หยางเฉินยิ้มนิด ๆ “ระหว่างเราด้วยกัน ยังมีจะต้องพูดสองคำนี้ด้วยหรือ?”

พูดจบ หยางเฉินก็กอดดึงฉินซีล้มลงบนเตียง

“คุณสามี ไม่นะ ไว้คืนนี้คุณคิดเอายังไง ฉันก็ว่าตาม ตกลงนะ…อูว์ ๆ…..”

ฉินซีพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกหยางเฉินปิดปาก

นานไม่รู้นานเท่าไหร่ จนให้เห็นหยางเฉินกับฉินซีเดินออกจากห้อง ฟ้าก็ค่ำลงแล้ว

“หน้าไม่อาย!”

ฉินยีที่อุ้มกอดเสี้ยวเสี้ยวนั่งดูทีวีกันอยู่ ถลึงตาใส่หยางเฉิง

ตอนที่อยู่เจียงโจว ห้องของฉินยีกับห้องหยางเฉินกับฉินซีก็อยู่ติดกัน ที่เยี่ยนตูนี่ก็เหมือนกัน

เมื่อครู่นี้ฉินยีกำลังง่วนอยู่กับการจัดห้องตัวเองอยู่ แล้วอยู่ ๆ ก็มีเสียงกุ๊กกิ๊กเบา ๆ ดังอยู่ข้างห้อง แล้วจะให้หล่อนทำใจปลงอยู่ในห้องฟังต่อได้ยังไง จึงต้องออกมานอกห้องทำทีอยู่เล่นเป็นเพื่อนกับเสี้ยวเสี้ยว

ได้ยินฉินยีต่อว่ามาอย่างนั้น ฉินซีหน้าแดง แล้วค้อนขวับกระแทกใส่หยางเฉินอย่างแรง

หยางเฉินก็ให้เขินเอาทำตัวไม่ถูก เดิมว่าระบบเก็บเสียงของวัสดุกั้นห้องนี่น่าจะดีแล้วเชียว ไม่คิดว่ามันจะไม่ได้เรื่องเอาเลย

“เดี๋ยวไว้วันหลัง ฉันจะสั่งให้เขามาทำระบบเก็บเสียงใหม่”หยางเฉินก็ว่าไป

“ผุย!”

ฉินยีทำเสียงถุยใส่ “หน้าไม่อาย!”

“พี่สาว พี่ก็โอ๋เขาเกินไปแล้วนะ กลางวันแสก ๆ ยัง……….”

ฉินยีก็ยังพุ่งเป้าใส่ฉินซีอีก พูดใส่ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “พี่ไม่รู้หรือว่าฉันยังโสดในวัยเหมือนสุนัขติดสัด?”

“ฉันไปทำอาหารละ!”

ฉินซีก็คงนั่งไม่ติดแล้ว รีบมุ่งเข้าไปหาครัว

“คุณภรรยาครับ ไม่ต้องทำเผื่อนะ ผมต้องออกไปข้างนอกหน่อย”

หยางเฉินพูดจบ หันตัวกลับจากออกไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หยางเฉินมาถึงร้านอาหารแซ่เฉิน

“นี่คือหยางเฉินไม่ใช่หรือ?”

หยางเฉินเพิ่งเดินถึงหน้าประตู เสียงคุ้น ๆ เสียงหนึ่งดังเข้ามา

“ท่านคือ……”

หยางเฉินมองไปที่คนอยู่ข้างหน้า ให้รู้สึกคุ้น ๆ แต่นึกชื่อไม่ออก

“ผมเป็นเพื่อนนักเรียนสมัยมัธยมของคุณ สวีเหว่ยไฉงัย!”

“ที่แท้เพื่อนเก่าสมัยนักเรียน ไม่ได้พบกันนานหลายปี คุณแค่มองปุ๊บก็จำผมได้ ร้ายกาจจริง!”

หยางเฉินหัวเราะแล้วพูดไป

เขาลืมไปนานแล้วว่าในสมัยเป็นนักเรียนมัธยม จะมีคนที่ชื่อสวีเหว่ยไฉเพียงแต่ว่าหน้าตาคนคนนี้ดูคุ้นมากอยู่ แล้วยังมารู้จักชื่อเขา หยางเฉิงจึงเชื่อมั่นได้ว่าเป็นเพื่อนสมัยเป็นนักเรียนด้วยกันมา