ตอนที่ 817 การเตรียมการของฉินอวี้โม่

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในเมืองเทียนหยวน หลานเผิงพาเหมียวเจินเจินมาที่ศูนย์การค้าจ้าวสมุทรในฐานะแขกและให้การต้อนรับเป็นอย่างดี

“ในโลกใบนี้มีเพียงพี่อวี้โม่เท่านั้นที่จะคู่ควรกับพี่หาน และแน่นอนว่ามีเพียงพี่หานเท่านั้นที่จะคู่ควรกับพี่อวี้โม่”

เหมียวเจินเจินและหลานเผิงนั่งอยู่ในห้องพิเศษและกำลังรับประทานขนมขบเคี้ยวอย่างสบาย ๆ

“จริงอย่างที่ว่า ก่อนหน้านี้ข้าเคยสงสัยใคร่รู้ว่าสามีที่ทำให้แม่นางอวี้โม่เฝ้าคำนึงหาจะเป็นบุรุษประเภทใด ทว่าตอนนี้ข้าเข้าใจอย่างกระจ่างแล้วล่ะ”

หลานเผิงกล่าวอย่างจริงใจเช่นกัน หลังจากได้พบหานโม่ฉือตัวจริง เขาก็เข้าใจว่าเหตุใดฉินอวี้โม่จึงยอมรับและรักเพียงแต่บุรุษผู้นี้

ทั้งสองมีความคิดความเข้าใจที่สอดคล้องตรงกันอย่างที่ไม่มีผู้ใดแทรกแซงได้

“ตอนแรกข้าก็รู้สึกชื่นชอบพี่หานอยู่เล็กน้อย ทว่าหลังจากได้ทราบว่าพี่หานมีภรรยาแล้ว ข้าก็ล้มเลิกความคิดทั้งหมดที่ไม่ควรมี ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคิดพิจารณาถึงตัวเอง ข้าก็ไม่คิดว่าข้าคู่ควรกับพี่หานเช่นกัน”

แม้นางและหลานเผิงเพิ่งได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก แต่เหมียวเจินเจินก็ไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าจนเกินไป ทั้งสองมีอายุไล่เลี่ยกันและมีนิสัยที่คล้ายคลึงกันจึงเข้ากันได้ดีและพูดคุยกันอย่างสนิทสนมในเวลาเพียงไม่นาน

ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ เหมียวเจินเจินเก็บบางสิ่งบางอย่างไว้ในใจอยู่ตลอดและไม่มีผู้ใดให้พูดคุยด้วย ทว่าเมื่อมาพบกับหลานเผิงที่ดูเป็นมิตรและมีอายุไล่เลี่ยกัน นางจึงอดที่จะระบายความในใจกับเขาไม่ได้

“อย่าดูแคลนตัวเองเช่นนั้นเลย มันมิใช่เรื่องที่ว่าผู้ใดคู่ควรหรือไม่ หานโม่ฉือเป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่งและนั่นมิได้แปลว่าเจ้าไม่คู่ควร เพียงแต่เจ้าอาจจะไม่เหมาะสมกันมากกว่า”

หลานเผิงกล่าวปลอบใจเหมียวเจินเจิน มีเพียงการที่คนสองคนได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันเท่านั้นที่พวกเขาจะทราบได้ว่าตนเองเหมาะสมกันหรือไม่

ความชื่นชมที่เหมียวเจินเจินมีต่อหานโม่ฉือ แท้จริงแล้วเป็นเพียงความสงสัยใคร่รู้และความชื่นชมของเด็กสาวเท่านั้น หาใช่ความรู้สึกชอบพอที่แท้จริง

“หลานเผิงกล่าวถูกแล้ว เจ้าเองก็เป็นสตรีที่น่าหลงใหล หากข้าเป็นบุรุษ…ข้าก็คงจะชอบเจ้ามากแน่ ๆ”

เสียงของฉินอวี้โม่ดังขึ้นหน้าประตูก่อนที่นางจะจับมือหานโม่ฉือเดินเข้ามา

เมื่อเห็นทั้งสองจับมือเคียงคู่กัน เหมียวเจินเจินก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที ไม่คิดเลยว่าหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่จะได้ยินสิ่งที่นางกล่าวออกไปเมื่อครู่และนั่นทำให้นางรู้สึกอายอย่างไม่กล้าสู้หน้า

“ท่านพี่สะใภ้ อย่าเข้าใจข้าผิดนะเจ้าคะ ข้าเพียงพูดไปเรื่อยเท่านั้น ตอนนี้ข้ามองพี่หานเป็นเพียงพี่ชายคนหนึ่งจริง ๆ”

เด็กสาวลุกขึ้นยืนและต้องการเดินเข้าไปจับมือฉินอวี้โม่และอธิบายกับนาง ทว่าด้วยกังวลว่าตนอาจจะทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร มือของนางจึงชะงักไปด้วยสีหน้าที่เก้อเขินอย่างชัดเจน

“เด็กทึ่มเอ๋ย ข้าไม่ถือสาหรอก ข้าอยากจะขอบคุณเจ้าเสียมากกว่าที่ช่วยโม่ฉือไว้มากมาย”

ฉินอวี้โม่จับมือเหมียวเจินเจินและกล่าวด้วยสีหน้าอบอุ่นเป็นมิตร

“สำหรับข้า หากเป็นใครที่ไม่คู่ควรจริง ๆ นั่นก็คือโม่ฉือต่างหากที่ไม่ดีพอสำหรับเจ้า ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังเด็กมาก ทว่าเขามีอายุมากพอที่จะเป็นบิดาของเจ้าได้แล้ว ฮ่า ๆ ๆ”

นางกล่าวอย่างติดตลกและทำให้ทุกคนอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้

“ไม่หรอกเจ้าค่ะ พี่หานเด็กกว่าบิดาของข้ามากนักและเขาก็ดูหล่อเหลากว่ามากเช่นกัน”

เหมียวเจินเจินอดหัวเราะไม่ได้ พวงแก้มของนางแดงระเรื่อและความร่าเริงสดใสของนางก็กลับคืนมาอีกครั้ง

“หากบิดาของเจ้ามาได้ยินเข้า เขาอาจจะเขกหัวเจ้าก็เป็นได้”

หลานเผิงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เหมียวเจินเจินเป็นสตรีที่ตลกขบขันยิ่งนัก เขาเคยพบสตรีมากมาย ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเด็กสาวที่เรียบง่ายและร่าเริงอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้

“เขาทำไม่ลงหรอก ยิ่งไปกว่านั้น คราก่อนบิดาของข้าก็บอกให้พี่หานเรียกเขาว่าท่านลุง นั่นหมายความว่าเขายอมรับว่าตนเองแก่แล้วมิใช่รึ ?”

เหมียวเจินเจินนำเรื่องราวที่น่าอับอายของบิดาออกมาแฉโดยที่ไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย

“ฮัดชิ่ว ! ฮัดชิ่ว !”

ในเวลานี้ เหมียวเหรินจวินผู้ซึ่งอยู่ในเมืองเทียนยินที่ห่างไกลออกไปก็จามออกมาหลายครั้งพลางคิดในใจว่าบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนคงกำลังกล่าวนินทาตนเป็นแน่…

เหมียวเจินเจินจับมือฉินอวี้โม่มานั่งลงและกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง “พี่หานเคยเอาภาพวาดของพี่อวี้โม่ให้ข้าดูก่อนหน้านี้ เพียงภาพวาดของท่านก็ทำให้ข้าตกตะลึงมากแล้ว ทว่าตอนนี้เมื่อได้พบท่านตัวเป็น ๆ พี่อวี้โม่ช่างงดงามกว่าในภาพวาดหลายเท่าเลยเจ้าค่ะ”

เมื่อมองฉินอวี้โม่ในระยะประชิด สตรีอ่อนวัยผู้นี้ก็อดกล่าวด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นไม่ได้ ต้องกล่าวเลยว่ารูปลักษณ์ของฉินอวี้โม่ผู้นี้งดงามชวนมองจนเกินไป เหมียวเจินเจินเคยคิดว่าตนดูดีพอสมควร ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าฉินอวี้โม่ นางก็อดรู้สึกด้อยค่าไม่ได้

กล่าวได้ว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้คือสตรีงดงามที่สุดเท่าที่นางเคยพานพบมาทั้งชีวิต หากเทียบฉินอวี้โม่กับเถียนเยี่ยนจือที่หมายปองหานโม่ฉือก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายก็เทียบไม่ติดฝุ่นเลยด้วยซ้ำ

“เจินเจิน เจ้าเองก็งดงามมากเช่นกัน”

ฉินอวี้โม่หยิกแก้มเด็กสาวอย่างเอ็นดู ใบหน้าของเหมียวเจินเจินมีแก้มป่องเล็ก ๆ ที่นุ่มนิ่มจนนางอยากจะหยิกเบา ๆ อีกหลายครา

“แม่นางอวี้โม่ ไม่ทราบเลยว่าตอนนี้จอมยุทธ์ปีศาจนั่นไปอยู่ที่ใด ทว่าในเมื่อเมืองเทียนหยวนมีบางสิ่งที่พวกเขาต้องการ เกรงว่าคนพวกนั้นไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่”

เมื่อนึกถึงจอมยุทธ์ปีศาจ หลานเผิงก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้าสั่งให้อสูรมายาของข้าสืบหาเบาะแสแล้วทว่าไม่พบร่องรอยของเขาเลย จอมยุทธ์ปีศาจผู้นั้นคงจะหนีไปไกลแล้ว หรือไม่เขาก็ซ่อนตัวอยู่ในที่ที่เราไม่รู้จัก ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายืนยันได้แล้วว่าเขามิใช่คนเดียวกันกับที่ติดต่อและมีส่วนร่วมในการแผนชั่วร้ายของเฝิงรุ่ยเฉิงก่อนหน้านี้”

ฉินอวี้โม่บอกหลานเผิงเกี่ยวกับข่าวล่าสุดที่นางได้ทราบมา

ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจอมยุทธ์ปีศาจผู้นั้นจะปรากฏตัวอีกครั้งเมื่อใด ความแข็งแกร่งของบุรุษผู้นั้นเหนือชั้นจนเกินไปและเกรงว่าพวกนางอาจรับมือไม่ได้ เว้นแต่สามารถไขความลับที่ซ่อนอยู่ในเมืองเทียนหยวนได้ พวกนางก็จะมีวิธีรับมือกับจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นเป็นการล่วงหน้า

“ข้าจะส่งคนไปสืบหาเบาะแส รวมถึงแจ้งเจ้าเมืองและผู้นำตระกูลอื่น ๆ เพื่อให้พวกเขาสืบข้อมูลเพิ่มเติม จอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นลักลอบเข้ามาในเมืองเทียนหยวนเช่นนี้จะต้องเป็นเพราะที่นี่มีบางอย่างที่พวกเขาต้องการแน่ ตราบใดที่สิ่งนั้นยังคงอยู่ มันก็ต้องมีร่องรอยเบาะแสบางอย่าง หลังจากพบมัน เราจะได้หาทางรับมือกับจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นเป็นการล่วงหน้า”

นี่เป็นครั้งแรกที่หลานเผิงมาที่เมืองเทียนหยวน เขาจึงไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับมันมากนัก ศูนย์การค้าจ้าวสมุทรของพวกเขาก็มีบันทึกเกี่ยวกับเมืองเทียนหยวนอยู่ ทว่าเขาต้องไล่อ่านศึกษามันอย่างละเอียดก่อน บางทีอาจพบเบาะแสบางอย่างก็เป็นได้

“นั่นคงเป็นหนทางเดียวที่ทำได้ ไม่รู้เลยว่าจอมยุทธ์ปีศาจพวกนั้นมีจุดประสงค์อะไร หากเราเดินทางไปเข้าร่วมการคัดเลือกรอบสุดท้ายทั้งที่เหตุการณ์ยังคลุมเครือเช่นนี้ เกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายในเมืองเทียนหยวนเป็นแน่ ข้าวางใจไม่ได้เลย”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ หากทราบว่าจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นต้องการสิ่งใด นางก็คงไม่กังวลมากเช่นนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึงและตามหามันพบ การจะฉกฉวยเอาสิ่งนั้นมาก่อนหรือทำลายมัน แน่นอนว่าจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นก็จะไม่เล็งเป้าหมายมาที่เมืองเทียนหยวนอีกต่อไป และพวกนางจะเข้าร่วมการคัดเลือกในรอบสุดท้ายได้อย่างคลายใจ

“ลุงติง ส่งคนไปแจ้งผู้นำคนอื่น ๆ ให้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเมืองเทียนหยวนโดยเร็วที่สุดและดูว่าพวกเขามีเบาะแสใดที่เป็นประโยชน์รึไม่ อีกอย่าง…แจ้งทุกคนที่ร่วมมือกันต่อสู้กับจอมยุทธ์ปีศาจด้วยเช่นกัน พวกเขาจะได้ช่วยสืบหาอีกแรง บางทีอาจมีบางคนที่สืบทราบบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่รู้ก็เป็นได้”

หลานเผิงกล่าวกับลุงติงผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างและเขาก็พยักศีรษะตอบรับก่อนเดินออกไป

“เจินเจิน ตอนนี้ข้ามีขุมกำลังของตัวเองในเมืองเทียนหยวนแห่งนี้แล้ว ในเมื่อเจ้ามาถึงที่นี่ เจ้าก็พักอยู่ที่นี่ต่อไปสักพักเถอะ หลังจากนั้นเราจะไปเข้าร่วมการคัดเลือกในรอบสุดท้ายด้วยกัน”

ฉินอวี้โม่กล่าวเชิญชวนเหมียวเจินเจินให้กลับไปที่จวนของตน

“เจ้าค่ะ”

เหมียวเจินเจินมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างชัดเจน นางเองก็วางแผนไว้เช่นนี้แล้ว

ตลอดช่วงหลายวันต่อมา ทุกคนก็หมกมุ่นกับการพยายามสืบหาข่าวในส่วนของตนเองและเวลาห้าวันก็ล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว

เช้าตรู่ของวันนี้ เมื่อฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือลืมตาตื่นขึ้นมา ผู้นำตระกูลหลายคนก็มาเยือนถึงจวนตระกูลฉินด้วยกัน