บทที่ 529

พอทั้งสามคนเจอคำถามของอู๋ตงไห่ หวังเจิ้งกางก็พูดขึ้นเสียงเรียบ : “ประธานอู๋ ขอพูดตามตรง พวกเราสามคน มีคนที่จงรักภักดีอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าจะให้เราหันไปพึ่งตระกูลอู๋ พวกเราลำบากใจจริงๆ ……”

ฉินกางลูบจมูกตัวเอง แล้วก็พูดขึ้น: “ความคิดเห็นของประธานหวัง ก็เหมือนความคิดเห็นเราด้วย”

อู่ตงไห่หันไปมองหน้าหงห้า แล้วถามขึ้น: “คุณหงห้า แล้วคุณล่ะ?”

หงห้ายิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น : “ผมเป็นคนแปดเปื้อน ไม่สามารถออกหน้าทำอะไรได้ แต่ว่ามีสิ่งหนึ่ง ตอนนี้ผมมีคนพึ่งพิงแล้ว และดีกับผมมาก ผมจึงไม่สามารถหันไปหาใครได้อีก”

อู๋ตงไห่ขมวดคิ้วแน่น เขาไม่นึกเลยว่า ทั้งสามคนจะยืนหยัดถึงขนาดนี้

เขานึกว่า ทั้งสามคนนั้นจงรักภักดีต่อตระกูลซ่งสุดชีวิต ในใจเขาก็ยังสงสัย ว่าตระกูลซ่งให้อะไรพวกเขา ถึงทำให้พวกเขาจงรักภักดีถึงขนาดนี้?

แต่พอหลิวกว่างได้ยินทั้งสามคนพูดแบบนั้น เขาก็ลุกขึ้น แล้วชี้หน้าด่าสามคนนั้นทันที: “พวกคุณ อย่าคิดว่ายอมไว้หน้าแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ พวกคุณคิดว่าตระกูลอู๋เป็นอะไร?ข้างนอกมีคนอยากเป็นสุนัขรับใช้ตระกูลอู๋ตั้งมาก ต่อกันยาวสองสามแถว ที่ประธานอู๋นึกถึงพวกคุณมันดีแค่ไหนแล้ว พวกคุณถือว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าปฏิเสธแบบนี้!”

อู๋ตงไห่ยื่นมือออกไปห้าหลิวกว่างไว้ทันที : “ทุกคนมีสิทธิของตน ผมเองก็ไม่กล้าไปบังคับ”

แล้วเขาก็พูดขึ้นอีก: “แต่ว่า ถึงไม่ยอมทำเพื่อตระกูลอู๋ แต่ถ้าให้ช่วยเหลือนิดหน่อยคงไม่เป็นไรใช่ไหม?”

หงห้าหัวเราะแล้วพูดขึ้น: “ประธานอู๋พูดได้เลย ขอแค่ไม่ละเมิดกฎ พวกเราช่วยได้แน่นอน”

อู๋ตงไห่พยักหน้า แล้วพูดขึ้น: “ครั้งนี้ที่ผมมาที่จินหลิง มีเรื่องสำคัญสองเรื่อง เรื่องแรกนั้น ตระกูลอู๋เราเกิดเรื่องขึ้น ทุกคนน่าจะรู้กันอยู่ใช่ไหม?”

ทุกคนเงียบกริบ แต่ว่าดูจากสีหน้าเคอะเขินก็พอจะเดาได้

อู๋ตงไห่เองก็รู้ดี เรื่องของลูกชายคนที่สอง เป็นเรื่องที่เสื่อมเสียวงศ์ตระกูลมาก และเป็นเรื่องที่หลายคนต่างหัวเราะเยาะตระกูลอู๋ แต่เพราะยิ่งเป็นแบบนี้ เขาก็ยิ่งต้องการจะตามตัวคนที่ทำร้ายลูกชายเขามารับโทษให้ได้

ดังนั้น เขาจึงพูดขึ้นด้วยท่าทางเยือกเย็น : “เรื่องแรกนี้ ก็คืออยากให้ทุกท่านช่วยตามหาคนที่ทำร้ายลูกชายของผม ผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องในจินหลิงมากเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเรียกพวกคุณมาในวันนี้ เพื่อขอความช่วยเหลือให้ช่วยสอดส่องตามหา ถ้าหากว่ามีเบาะแสอะไร ก็ช่วยรีบรายงานผมหน่อย ตระกูลอู๋จะตอบแทนอย่างงาม ผมให้สัญญา ค่าตอบแทนไม่น้อยกว่าหนึ่งล้าน!”

หนึ่งล้านกับค่าตามหาเบาะแส ก็พอจะดูออกว่า ตระกูลอู๋นั้นน่าจะรวยมากเลย!

หลิวกว่างรีบพูดทันที : “ประธานอู๋วางใจได้ ตระกูลหลิวจะพยายามสุดความสามารถ!”

ตระกูลจ้าวและตระกูลขง ก็ไม่รีรอ รีบพูดขึ้นตามๆ กัน

หวังเจิ้งกาง ฉินกาง และหงห้าทั้งสามคน ก็ยังไม่พูดอะไร

อู๋ตงไห้เริ่มมีอารมณ์ จึงถามขึ้น: “ทั้งสามท่าน หรือว่าแค่นี้ก็ไม่สามารถไว้หน้าผมเหรอ?”

ฉินกาง หวังเติ้งกาง และหงห้าต่างหันมามองหน้ากัน แล้วพูดขึ้น: “ไม่ใช่ว่าไม่ไว้หน้า ในเมื่อประธานอู๋เอ่ยปากแล้ว พวกเราก็จะช่วยอย่างสุดกำลัง เพียงแค่เราสามไม่ได้มีนิสัย ที่จะชอบพูดออกมาจากปากเท่านั้น”

คนอื่นที่เอาแต่เลียอู่ตงไห่ ต่างก๋มีทีท่าไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

อู๋ตงไห่พยักหน้าเบาๆ

เขาพอจะรู้แล้วว่าทั้งสามคนนั้น ถ้าให้ช่วยเหลือนั้นพอได้ แต่ถ้าให้รับใช้นั้นไม่มีทาง

ถ้าหากว่าอู๋ตงไห่มีนิสัยเหมือนแต่ก่อนละก็ ตอนนี้เขาคงจะระเบิดออกมาแล้ว

แต่ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ เขารู้สึกว่าควรจะเก็บอาการไว้ก่อน ดังนั้นเขาจึงหันไปมองพวกเขาทั้งสามคน แล้วก็พูดต่อ : “นี่คือเรื่องแรก ส่วนเรื่องที่สอง เกี่ยวกับคุณหนูซ่งหวั่นถิงของตระกูลซ่ง”

“ตระกูลซ่งเหรอ?” หงห้าพูดพลางขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้น: “ประธานอู๋ คุณหนูซ่งทำดีกับพวกเรามาก ถ้าหากจะเล่นงานคุณหนูซ่ง ผมหงห้าไม่มีทางรับปาก!”