บทที่ 1563 พวกเราแพ้แล้ว

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ยังไม่หมดเท่านั้น พวกเสิ่นติงเฉินที่ติดตามมาก็ทำความเคารพพร้อมกันด้วย “บ่าวคารวะคุณหนู”

คุณหนูเหรอ? คุณหนูอะไร? กองทัพองครักษ์วุ่นวายนิดหน่อย อวี่จ้งเจินหันขวับไปมองข้างหลัง ตรงนี้มีคุณหนูของตระกูลโค่วตั้งแต่เมื่อไร? ตอนที่เขาไปทำงานประจำที่วังสวรรค์ เขาก็เคยเห็นลูกสาวหลานสาวของตระกูลโค่วมาก่อน เขากวาดสายตามองผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางกำลังพลข้างหลัง

เมื่อสังเกตได้ถึงความไม่ปกติ โกวเยว่ จั่วเอ๋อร์ ต้วนหงและคนอื่นๆ ที่รีบร้อนตามมานอกเมืองก็เงยหน้ามองข้างบน พอได้ยินคำว่า ‘คุณหนู’ ก็เรียกได้ว่าสีหน้าเปลี่ยนไปมาก พวกเรารู้ได้ในทันที ตระหนักได้แล้วว่าคุณหนูที่เรียกนั้นอาจจะหมายถึงอวิ๋นจือชิว

อวิ๋นจือชิวชำเลืองมองเหมียวอี้ ส่วนเหมียวอี้เหม่องงเหมือนไม่รู้อะไรสักอย่าง และนี่ก็คือการบอกเป็นนัยเช่นกัน

ขณะที่ทั้งข้างล่างข้างบนกำลังแปลกใจ ถังเฮ่อเหนียนก็กุมหมัดคารวะอีกครั้ง “พวกเราได้รับคำสั่งให้มาอารักขาคุณหนูขอรับ นี่คุณหนูต้องติดตามกองทัพองครักษ์ไปที่ไหน?”

“ท่านอาถัง ทางวังสวรรค์ให้หออวิ๋นฮว๋าส่งเครื่องประดับไปดูสักหน่อยค่ะ” ในที่สุดอวิ๋นจือชิวก็ตอบแล้ว

เมื่อกล่าวแบบนี้ ก็เท่ากับยอมรับในความสัมพันธ์ของตัวเองกับตระกูลโค่วแล้ว สายตาของทุกคนพลันจ้องไปบนตัวอวิ๋นจือชิว ทุกคนต่างก็งุนงง พ่อบ้านของจวนอ๋องสวรรค์โค่วเรียกอวิ๋นจือชิวว่าคุณหนูเหรอ? อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวของอ๋องสวรรค์โค่ว?

เป็นนางจริงๆ ด้วย! พวกโกวเยว่ที่อยู่นอกประตูเมืองด้านล่างทำสีหน้าไม่ถูก รู้สึกเหมือนโดนตบจนทำอะไรไม่ถูกในชั่วพริบตาเดียว

สายตาของอวี่จ้งเจินพลันย้ายจากหน้าอวิ๋นจือชิวไปบนหน้าเหมียวอี้ ในดวงตาฉายแววเกรี้ยวโกรธ ถามอย่างดุร้ายว่า “หนิวโหย่วเต๋อ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

เหมียวอี้ทำสีหน้าเหมือนตกตะลึงมากเช่นกัน “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้!” ถังเฮ่อเหนียนพยักหน้า แล้วกุมหมัดคารวะให้อวี่จ้งเจินอีก “หัวหน้าภาคอวี่ อ๋องสวรรค์รับคุณหนูเป็นบุตรสาวบุญธรรมมาหลายปีแล้ว ครั้งนี้พอได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับคุณหนู ก็เลยแอบส่งพวกเรามาคุ้มครองเป็นพิเศษ! ท่านอ๋องสวรรค์กำชับไว้ว่า ถ้าฝั่งนี้เสร็จเรื่องแล้ว ก็ให้พาคุณหนูกลับจวนไปให้พ่อลูกได้เจอกัน จะให้คุณหนูกลับจวนไปกับพวกเราก่อนได้หรือไม่ จากนั้นจวนท่านอ๋องจะส่งนางไปที่วังสวรรค์ ไม่ทราบว่าได้หรือไม่?”

บุตรสาวบุญธรรม? พวกโกวเยว่อึ้งไปชั่วขณะ หลังจากตั้งสติได้แล้ว ทุกคนก็สีหน้าเปลี่ยนไปมาก แต่ละคนโมโหจนแทบกระอักเลือด แผนสำรองอันเงียบงันของตระกูลโค่วเป็นแบบนี้เองเหรอ แผนการที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนแบบนี้ ทำไมทุกคนถึงคิดไม่ได้นะ!

ทว่าใครจะคิดไปทางนั้นได้ล่ะ? ตระกูลตัวเองก็มีลูกสาวแล้ว ถ้าอยากจะแต่งงานเชื่อสัมพันธ์ ต้องส่งคนที่มีสายเลือดตระกูลตัวเองกับคนที่เป็นญาติสนิทไปสิถึงจะน่าไว้ใจที่สุด ถ้าภายใต้สถานการณ์ที่มีทางเลือก ใครจะไปรับลูกสาวบุญธรรมที่ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้วส่งออกไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ล่ะ? แบบนี้ไม่ใช่การกระทำที่เกินความจำเป็นเหมือนถกกางเกงผายลมรึไง?

แต่ตระกูลโค่วดันทำแบบนี้แล้ว มีผู้หญิงในตระกูลที่ไว้ใจได้ไม่ยอมใช้ ไม่น่าเชื่อว่าจะรับบุตรสาวบุญธรรมคนนี้มาจู่โจมกะทันหัน วิธีการนี้เหนือความคาดหมายเกินไปแล้ว โหดเกินไปจริงๆ ทำเอาทุกคนเหม่องงได้ในรวดเดียว

พวกโกวเยว่เรียกได้ว่าแค้นจนกัดฟันกรอด แต่ละคนสิ้นเปลืองความคิดวิ่งเต้นทำงานมานานขนาดนี้ แต่พบว่าถูกตระกูลโค่วปั่นหัวได้โหดมาก จำเป็นต้องยอมรับว่าตระกูลโค่วร้ายกาจเกินไปจริงๆ ในขณะที่ฝั่งพวกเขากดดัน ก็เท่ากับกดดันจนอวิ๋นจือชิวจดจำน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของตระกูลโค่วแล้ว ทำให้ ‘บุตรสาวบุญธรรม’ กลายเป็นคำมีความหมายขึ้นเยอะ เท่ากับทำให้ตระกูลโค่วสมปรารถนา ทุกคนถูกตระกูลโค่วหลอกใช้แล้ว!

พวกโกวเยว่มองไปที่ถังเฮ่อเหนียนด้วยแววตาที่ค่อนข้างเดือดดาล ไม่น่าเชื่อว่าจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้จะพาโค่วเหวินลวี่มาด้วย เจ้าเวรนี่มันกำลังจงใจตบตาให้ทุกคนเข้าใจผิดชัดๆ!

บุตรสาวบุญธรรมเหรอ? ทั้งยังรับบุตรสาวบุญธรรมมาหลายปีแล้วด้วย? แล้วตอนฉู่จื่อซานต้องการจะบังคับแต่งงานกับนางเจ้าไปไหนแล้วล่ะ? ตอนที่หนิวโหย่วเต๋อล่วงเกินแล้วบังคับอุ้มไปตอนอยู่บนกำแพงเมือง พวกเจ้าไปไหนกันแล้วล่ะ? มีแต่ผีเท่านั้นแหละที่เชื่อ! อวี่จ้งเจินมองไปที่เหมียวอี้อีกครั้ง แล้วถ่ายทอดเสียงถามอย่างดุร้ายว่า “เจ้ากล้าบอกเหรอว่าเจ้าไม่รู้?”

ต่อให้ตีให้ตายเหมียวอี้ก็ไม่ยอมรับ “ท่านหัวหน้าภาค ข้าไม่รู้จริงๆ ไม่เคยได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน”

อวี่จ้งเจินหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่กระชั้น “หนิวโหย่วเต๋อ นี่เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเองนะ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะอธิบายกับทางวังสวรรค์ยังไง!” เขาหันขวับไปทางถังเฮ่อเหนียน แล้วกล่าวอย่างโมโหว่า “ข้าเปลี่ยนแปลงประสงค์ของวังสวรรค์ไม่ได้ ท่านถัง ขออภัย คนนี้! ข้าต้องพาตัวไป!”

พอได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ ในดวงตาของเหมียวอี้ก็ฉายแววกังวล

ถังเฮ่อเหนียนกวาดตามองเหมียวอี้ เหมือนเดาออกแล้วว่าเชากังวลอะไร จึงหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่สะดวกจะฝืนใจ คุณหนูไปที่วังสวรรค์ก่อนเถอะ คาดว่าท่านอ๋องคงรออยู่ที่วังสวรรค์แล้ว” จากนั้นก็ตะโกนว่า “เด็กๆ!”

พรึ่บๆ! นักพรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพสิบกว่าคนถลันตัวมาอยู่ทางซ้ายและขวา ก่อนที่ถังเฮ่อเหนียนจะกำชับเสียงต่ำว่า “ตามอารักขาคุณหนูไปตลอดทาง ถ้าขุนหนูผมร่วงไปแม้แต่เส้นเดียว พวกเจ้าถือหัวมาให้ข้าได้เลย!”

“ขอรับ!” นักพรตสิบกว่าคนนั้นกุมหมัดคารวะพร้อมกัน

เหมียวอี้ได้ยินแล้วโล่งใจ ระหว่างทางมีคนปกป้อง ทางวังสวรรค์มีอ๋องสวรรค์โค่วออกหน้าคุมสถานการณ์ด้วยตัวเอง คงจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

อวี่จ้งเจินหันกลับมาจ้องเหมียวอี้ด้วยสายตาเย็นเยียบอีกครั้ง แล้วตะคอกว่า “ไป!”

ทำงานจนผลลัพธ์กลายเป็นแบบนี้ ไม่เดือดดาลก็แปลกแล้ว เขาโบกมือนำคนเหาะออกไปอย่างรวดเร็ว

นักพรตสิบกว่าคนที่ตระกูลโค่วส่งมาติดตามไปโดยคุ้มกันอยู่ตรงซ้ายขวาบนล่างของกองทัพองครักษ์

ถังเฮ่อเหนียนที่มองตามลูกเคราพลางหรี่ตายิ้ม สำเร็จแล้ว!

โค่วเหวินหลานยังกังวลอยู่นิดหน่อย ถ่ายทอดเสียงถามว่า “ท่านปู่ถัง ประกาศเรื่องบุตรสาวบุญธรรมเร็วไปหน่อยหรือเปล่า จะสร้างปัญหาให้เหมียวอี้หรือเปล่า?”

ถังเฮ่อเหนียนส่ายหน้าบอกว่า “ถ้าช้ากว่านี้ เกรงว่าทุกอย่างจะสายไปแล้ว ท่านคิดว่าพวกเขาเรียกอวิ๋นจือชิวไปทำอะไรที่วังสวรรค์? ไม่ช้าก็เร็วจะต้องช่วยให้หนิวโหย่วเต๋อกับอวิ๋นจือชิวสมหวัง ดีไม่ดีวังสวรรค์อาจจะเล่นละครปาหี่ประทานงานสมรสก็ได้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว มีหรือที่จะให้ทางวังสวรรค์เก็บเกี่ยวผลไป! ทำให้วังสวรรค์เล่นละครปาหี่ไม่ออก บ่าวสาวคู่นี้ถึงจะจดจำน้ำใจของตระกูลโค่ว ส่วนหนิวโหย่วเต๋อ ปัญหายุ่งยากก็มีบ้างอยู่แล้ว แต่คดีใหญ่มีบทสรุปออกมาแลว เป็นไปไม่ได้ที่วังสวรรค์จะพลิกคดีตบหน้าตัวเอง มีท่านอ๋องคอยค้ำอยู่ทางนั้น ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้!” โค่วเหวินหลานเข้าใจกระจ่างในฉับพลัน

ในขณะนี้เอง โค่วเหวินหลานที่เฝ้าดูเรื่องราวมาตั้งแต่ต้นจนจบก็นับว่ายอมรับนับถือถังเฮ่อเหนียนจากใจจริงแล้ว ภายใต้คำชี้แนะของถังเฮ่อเหนียน นับว่าเขามองเข้าใจแล้ว

เมื่อก่อนเขาคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้พ่อบ้านชราท่านนี้ออกหน้าด้วยตัวเอง เพราะเป็นการใช้งานน้อยกว่าความสามารถ ให้เขาโค่วเหวินหลานมาประกาศเรื่อง ‘บุตรสาวบุญธรรม’ ก็สิ้นเรื่องแล้ว แต่พอมาดูตอนนี้กลับพบว่าไม่เป็นอย่างนั้นเลย เรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น เรื่องรับบุตรสาวบุญธรรมเป็นการเพิ่มลายดอกไม้ลงบนผ้าดิ้น ไม่ใช่การส่งถ่านให้ท่ามกลางหิมะ มีความหมายแตกต่างกัน น้ำใจที่แบกรับไว้ก็ต่างกันด้วย การคุมให้แต่ละฝ่ายสงบแล้วช่วยให้เหมียวอี้ผ่านด่านคดีน่านฟ้าระกาติงได้คือกุญแจสำคัญ ชี้แนะเหมียวอี้ให้รับมือกับตระกูลที่เหลือก็ยิ่งทำให้เหมียวอี้แบกรับน้ำใจนี้ แต่ถ้าปล่อยข่าวเร็วเกินไป ครั้งนี้เหมียวอี้ก็จะตายแน่นอน!

ยังมีอีกหลายตระกูล ถ้าตระกูลโค่วส่งเขามาคนเดียว ก็จะดึงดูดให้ตาแก่ตระกูลอื่นสงสัยแน่ ดังนั้นถึงแม้จะดูเหมือนไม่ซับซ้อน แต่ความจริงนั้นจะเร็วไปหรือช้าไปก็ไม่ได้ จะเบาก็ไม่ได้ จะหนักก็ไม่ได้ ไม่ว่าด้านไหนก็ต้องดูสถานการณ์เพื่อควบคุมไฟให้พอดี ตอนนี้โค่วเหวินหลานยังเล่นกับไฟไม่ได้ ครั้งนี้ทำให้เขาตระหนักได้แล้วว่าตัวเองยังห่างชั้นขนาดไหน

“นายน้อย บ่าวยังมีธุระอีก จะต้องไปก่อนแล้ว” ถังเฮ่อเหนียนกุมหมัดคารวะ

โค่วเหวินหลานพยักหน้า “ท่านปู่ถังไม่ต้องห่วง เดี๋ยวข้าจะกลับพร้อมพี่หญิงสี่”

ในขณะนี้เอง พวกโกวเยว่ถลันตัวเหาะขึ้นมาแล้ว จั่วเอ๋อร์แสยะยิ้ม “แซ่ถัง เจ้านี่ช่างไม่เลือกวิธีการเลยจริง!”

“ครั้งนี้นับว่าตระกูลโค่วของพวกเจ้าโหด!” โกวเยว่กล่าวด้วยสีหน้าเย็นเยียบ

“ก็พอๆ กันนั่นแหละ! ตาแก่คนนี้ขอตัวก่อน ขออภัยที่อยู่คุยด้วยไม่ได้!” ถังเฮ่อเหนียนกุมหมัดคารวะทุกคน จากนั้นโบกมือเรียกผู้จัดการใหญ่เสิ่นติงเฉินและคนอื่นๆ ให้เหาะพุ่งขึ้นฟ้าไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว

ตึกจันทราดารา ต้วนหงที่กลับมาแล้วไปหาฮ่าวชิงเยี่ยนที่ลานบ้านด้านหลัง แล้วกุมหมัดคารวะ “คุณหนู เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ท่านไม่ต้องกังวลอีกแล้วค่ะ พวกเรากลับกันได้แล้ว”

ฮ่าวชิงเยี่ยนที่ยืนซึมอยู่ข้างระเบียงหันกลับมาอย่างงงๆ “ผ่านไปแล้วเหรอ? หัวหน้าผู้ช่วยหมายความว่า ข้าไม่ต้องแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อแล้วใช่มั้ย?”

ต้วนหงถอนหายใจแล้วบอกว่า “ต่อให้อยากแต่งก็แต่งไม่ได้แล้ว ครั้งนี้บ่าวทำงานไม่ราบรื่น ทำให้ท่านอ๋องผิดหวังแล้ว! หลังจากกลับไป บ่าวจะขอให้ท่านอ๋องทำโทษ แต่ก็นับว่าสมใจปรารถนาคุณหนูแล้ว สุดท้ายก็สมหวังแล้ว” ประโยคสุดท้ายให้ความรู้สึกเหมือนเย้ยตัวเอง

เรือนเจิดจรัส จั่วเอ๋อร์เห็นอิ๋งเยว่ยังนั่งปักผ้าเหมือนเดิม หลังจากทำความเคารพก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “คุณหนูคะ ครั้งนี้สมปรารถนาท่านแล้ว ท่านไม่ต้องแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อแล้ว พวกเรากลับได้แล้วค่ะ”

อิ๋งเยว่ที่เดิมทีด้านชาเฉยชา พอได้ยินแบบนี้ก็หันขวับมองมา “ท่านพูดจริงเหรอ?”

จั่วเอ๋อร์ยิ้มเจื่อน “พวกเราแพ้แล้ว ปล่อยให้ตระกูลโค่วทำสำเร็จแล้วค่ะ”

อิ๋งเยว่เหมือนจะมีความโกรธขึ้นมาในชั่วพริบตาเดียว นางลุกขึ้นยืน สีหน้าดูตื่นเต้นดีใจอยู่หลายส่วน แต่ก็เจือด้วยความประหลาดใจบางส่วน “เป็นโค่วเหวินลวี่เหรอ? พี่หญิงลวี่จะแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อเหรอคะ?”

จั่วเอ๋อร์ถอนหายใจแล้วบอกว่า “คุณหนูดูเหมือนหลุดพ้นแล้ว แต่บ่าวก็พูดสิ่งที่ไม่ควรจะพูด บางทีบ่าวอาจจะจัดการเรื่องนี้อย่างโหดร้ายใจดำไปหน่อย แต่ก็เพราะหวังดีกับคุณหนูค่ะ ผู้ชายที่บ่าวเคยเจอมีตั้งไม่รู้เท่าไร เลยพอจะมองคนออกอยู่บ้าง ตอนนี้คุณหนูอาจจะดีใจ แต่ต่อไปคุณหนูอาจจะหาผู้ชายที่เหมาะสมกว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่เจอแล้วก็ได้ ไม่ได้หมายถึงอนาคตของหนิวโหย่วเต๋อเท่านั้น แต่หมายถึงด้านไมตรีจิตระหว่างชายหญิง ถ้าคุณหนูไม่เชื่อ ก็จดจำคำพูดของบ่าวเอาไว้นะคะ ครั้งนี้พลาดจากหนิวโหย่วเต๋อไปแล้ว ตราบใดที่ในอนาคตหนิวโหย่วเต๋อยังมีชีวิตอยู่ จะต้องมีสักวันที่คุณหนูนึกเสียใจทีหลังแน่นอน ถึงตอนนั้นท่านจะเข้าใจว่าครอบครัวหวังดีกับท่าน!”

อิ๋งเยว่ยิ้มบางๆ แล้วบอกว่า “ท่านไม่ต้องห่วง อิ๋งเยว่จะไม่มีวันเสียใจทีหลังค่ะ!”

“เฮ้อ!” จั่วเอ๋อร์ส่ายหน้า รู้ว่าตัวเองพูดอะไรไปนางก็คงไม่เข้าใจ และไม่อยากพูดมากด้วย จึงจูงมือนางพร้อมบอกว่า “คุณหนู พวกเรากลับกันเถอะค่ะ”

หอฉางเจิน เมื่อโกวเยว่พบเม่ยเหนียงและลูกสาว ก็ทำความเคารพแล้วบอกว่า “หวังเฟย พวกเรากลับจวนได้แล้วขอรับ”

เม่ยเหนียงถามด้วยแววตาวูบไหวเป็นประกาย “ได้ยินว่าหนิวโหย่วเต๋อตามกองทัพองครักษ์กลับไปแล้ว จะเจอกันที่อุทยานหลวงได้อีกหรือเปล่า?”

โกวเยว่ส่ายหน้ายิ้มเจื่อน “ไม่จำเป็นต้องเจอแล้วขอรับ ครั้งนี้ตระกูลโค่วได้ไปแล้ว บ่าวทำงานได้ไม่ดี พวกเราแพ้แล้ว”

เม่ยเหนียงมีปฏิกิริยาราวกับโดนเข็มแทงทันที ถลึงตาถามว่า “อย่าบอกนะว่าเป็นโค่วเหวินลวี่? หนิวโหย่วเต๋อตาบอดไปแล้วรึเปล่า นางเด็กนั่นเทียบเม่ยเอ๋อร์ไม่ติดเลยสักนิด เป็นไปได้ยังไง?”

ก่วงเม่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ค่อนข้างใจลอย หลายวันมานี้ในหัวนางนึกถึงภาพที่ตัวเองโอบกอดถูไถอยู่ข้างจอนหูเหมียวอี้ นึกถึงตอนที่เหมียวอี้ใช้มือบีบคลึงบนก้นนางไม่หยุด ใช้ชีวิตด้วยความอับอายทุกวัน ตอนนี้พอได้ยินแบบนี้แล้ว นางก็เงยหน้ามองโกวเยว่ตะลึงงันเช่นกัน

“อ๋องสวรรค์โค่วรับอวิ๋นจือชิวเป็นบุตรสาวบุญธรรม!” โกวเยว่แทบจะตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก

ตอนแรกเม่ยเหนียงยังฟังไม่เข้าใจ ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้คิดทัน ถามอย่างตกใจไม่เบาว่า “จะเป็นไปได้ยังไง? ใช่ว่าตระกูลโค่วจะไม่มีผู้หญิงแล้ว ทำไมถึงใช้บุตรสาวบุญธรรมที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ล่ะ?”

ใครว่าไม่ใช่ล่ะ ใครจะไปคาดคิดล่ะ? โกวเยว่หลับตาพยักหน้าอย่างจนใจ ยืนยันกับนางอีกครั้ง

…………………………