ตอนที่ 889: การเคลื่อนไหวของศาลาทั้งสาม
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ เล่าฟู่ ? ผู้อาวุโสทั้งสองถูกฆ่า?”
“มันเป็นไปได้อย่างไร ? ใครกันที่กล้าฆ่าผู้อาวุโสของศาลาวิญญาณสวรรค์ ? “
“ใช่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษหรือไม่ ? “
ผู้อาวุโสประจำศาลายืนขึ้น พวกเขาแต่ละคนโกรธเกรี้ยวมาก การตายของผู้อาวุโส 15 ดาวทั้งสองคนเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของศาลาวิญญาณสวรรค์
เพราะว่าจอมยุทธ 15 ดาวนั้นมีไม่มากเมื่อเทียบกับ 14 ดาว ทุก ๆ คนเป็นแกนหลักของศาลา ดังนั้นการที่สูญเสียไปแม้แต่เพียงคนเดียวก็นับเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มาก
ผู้อาวุโสประจำศาลาเล่าฟู่ส่ายหัว “เศษวิญญาณข้าทิ้งไว้ที่ตัวของพวกเขาได้หายไปแล้ว จากวิญญาณแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองนั้นตายเพราะคนทั้งสามที่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษไล่ล่าอยู่”
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน ? พวกเขาสังหารผู้อาวุโส 15 ดาวด้วยความแข็งแกร่งของพวกที่เป็นเพียงนักรบวิญญาณทะเล 14 ดาวได้อย่างไร ? พวกเขาทำมันได้เช่นไร ? พวกเขามีทักษะเซียนระดับเทียนงั้นหรือ ? ” ผู้อาวุโสประจำศาลาร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ข้าก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาทำได้ยังไง แต่ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะตาย ข้ารู้สึกว่าวิญญาณของพวกเขาหายไปในบางช่วง เหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ในอีกมิติหนึ่ง เมื่อข้ารู้สึกได้ถึงวิญญาณของพวกเขาอีกครั้ง พวกเขาทั้งสองก็ตายเสียแล้ว” เล่าฟู่พูดด้วยเสียงทุ้ม
“หืม ถ้าผู้อาวุโส 15 ดาวไม่สามารถเอาพวกนั้นกลับมาได้ ถ้างั้นพวกเราจะส่งผู้อาวุโส 16 ดาวไปแทน ด้วยคำสั่งของผู้อาวุโสประจำศาลาสูงสุดทั้งห้า ขอให้ส่งผู้อาวุโสคุมวินัยไป นั่นน่าจะเพียงพอที่จะพาคนทั้งสามคนนั้นกลับมา” มูฮีสั่งการ
ผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามของศาลาวิญญาณสวรรค์ทั้งหมดเป็นจอมยุทธที่มีชื่อเสียงและเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5
บางทีอาจจะมีแค่ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและเมืองทหารรับจ้างที่มีพลังเพียงพอที่จะส่งจอมยุทธชั้นสวรรค์ที่ 5 ออกมาทีเดียวได้ถึง 3 คนบนทวีปเทียนหยวน อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครที่ในพวกที่กล่าวมาที่มีเซียนราชามากเท่าศาลาใดใดก็ตามในอาณาจักรทะเล
นี่เป็นเพราะเผ่าพันธุทะเลเองนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์บนทวีปเทียนหยวน พวกเขามีคนมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเซียนราชาหรือเซียนผู้คุมกฎ มี 3 องค์กรที่อยู่ในจุดสูงสุดในอาณาจักรทะเล และจอมยุทธเกือบทั้งหมดก็รวมอยู่ในองค์กรทั้งสามนี้ ทวีปเทียนหยวนทีทั้งหมดสิบเอ็ดองค์กร อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกันแล้ว แม้แต่จะรวมตระกูลผู้พิทักษ์เข้าด้วยกัน 4 ตระกูลก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของศาลาเดียวได้เลย
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ชาลีและไป่ยันนั่งอยู่ที่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษด้วยท่าทางน่ากลัว พวกเขาได้รับข้อความจากผู้อาวุโสทั้งสองที่ส่งมาเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา
“ทำไมพวกผู้อาวุโสประจำศาลาของศาลาวิญญาณสวรรค์ถึงได้เชิญให้ผู้อาวุโสธรรมดาของพวกเราไปเป็นแขกโดยไม่มีสาเหตุด้วย? พวกเขารู้เรื่องเกี่ยวกับผลึกอเวจีและต้องการที่จะกันผู้อาวุโสทั้งสองคนออกไปก่อนหรือเปล่า ? ” ไป่ยันพูดเสียงทุ้ม สีหน้าของเขาสลด
“นั่นเป็นไปได้มาก เรื่องของผลึกอเวจีนั้นสำคัญมาก เจ้าคิดว่าพวกเราควรเรียกผู้อาวุโสประจำศาลาคนอื่นเพื่อมาหารือเรื่องนี้กันหรือไม่ ? ” ชาลีเคร่งเครียด
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ พวกเราไม่เคยเข้ากันได้ดีกับพวกเขา ถ้าพวกเขารู้ว่าพวกเราได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ข้ากังวลว่าพวกเขาอาจจะให้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ในการสร้างปัญหาให้กับพวกเรา พวกเขากำลังอยู่ในการทำสมาธิฝึกฝนอยู่ในตอนนี้พอดี ดังนั้นพวกเราจึงเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดของศาลาในตอนนี้ ยังมีโอกาสที่พวกเราจะแก้ไขเรื่องนี้ พวกเราจะส่งแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ไปทันที” ไป่ยันพูด
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่เป็นนักรบวิญญาณทะเล 16 ดาวทั้งหมดและอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 5
ในขณะเดียวกัน ฉิงยี่หยวนในชุดขาวพึงออกไปจากศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลด้วยพลังงานเต็มเปี่ยม ต้องขอบคุณสระสังสารวัฎที่ทำให้เป็นเช่นนี้ นางฟื้นฟูเต็มที่จากบาดแผลของนาง แม้แต่พิษที่ร้ายแรงของนูบิสก็ยังถูกขับออกไปหมดสิ้น
ฉิงยี่หยวนผ่านศาลาไปอย่างคุ้นเคยในขณะที่นางถือเหรียญตราเอาไว้ในมือ ตลอดทาง นางเห็นทูตเป็นครั้งครา พวกเขามองไปที่นางด้วยความเคารพ ความเคารพที่มีต่อจอมยุทธ
แม้ว่าฉิงยี่หยวนจะเป็นมนุษย์ แต่นางก็อาศัยอยู่ที่อาณาจักรทะเลมาหลายปีแล้ว นางอยู่ที่นี่ตั้งแต่เป็นเซียนผู้คุมกฎและอยู่จนมาถึงตอนนี้ นางฝึกฝนจนถึงระดับนี้และได้เป็นหนึ่งในแปดสุดยอดจอมยุทธมนุษย์ของอาณาจักรทะเล นางยังมีความสัมพันธ์อันดีกับศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่หนุนหลังนางอยู่
ในตอนนี้ฉิงยี่หยวนได้กลายเป็นเหมือนคนของศาลา แม้ว่านางจะไม่ได้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการ แต่นางก็ทำหลายสิ่งเพื่อศาลา ดังนั้นจึงเท่ากับนางเป็นสมาชิกคนหนึ่ง
ฉิงยี่หยวนผ่านโถงทางเดินและปราสาทไปหลายแห่งก่อนที่จะมาถึงโถงที่ดูธรรมดาโถงหนึ่ง คนสามคนนั่งหลับตาอยู่ด้านในเหมือนว่าพวกเขากำลังรออะไรบางอย่างอยู่
หนึ่งในสามคนนั้นเป็นชายวัยกลางคน เขาดูเหมือนจะอายุสี่สิบกว่าปีและใส่ชุดสีดำ ใบหน้าที่ดูแข็งแรงและมีผมดำปรกที่หน้า เขาดูกำยำและมีหน้าอกกว้างและมีผิวสีแทน เขาดูเหมือนหมีดำ
อีกทั้งสองคนเป็นผู้อาวุโสที่อยู่ในชุดสีขาว พวกเขาผิวสีเลือดฝาดและดูเหมือนปราชญ์ที่ไร้เทียมทาน พวกเขาให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใดทางโลก
ชายชราสองคนเป็นคนเดียวกันกับที่ช่วยฉิงยี่หยวนในตอนที่นางไปขโมยชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปด พวกเขาช่วยนางเพื่อที่จะให้นางมีเวลาที่จะหนีได้
ทันทีที่ฉิงยี่หยวนเข้ามาในโถง คนทั้งสามก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน พวกเขาทั้งหมดมองไปที่นาง
นางเดินเข้ามาที่กึ่งกลางของโถงและหยุดมองไปไม่ใส่ใจไปที่ชายวัยกลางคนร่างกำยำ นางพูด “เล่อป้าเทียน ท่านเจ้าศาลาส่งข้ามาหาเจ้าเพื่อไปที่ศาลาวิญญาณสวรรค์ ภารกิจในครั้งนี้คืออะไร?”
เล่อป้าเทียนเป็นหนึ่งในห้าจอมยุทธสัตว์อสูรที่มีชื่อเสียงในท่ามกลางเผ่าพันธุ์ทะเล เขาอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 6 และร่างเดิมของเขาคือหมีดำกลายพันธุ์ เขาทรงพลังมาก เป็นสองรองจากสัตว์อสูรโบราณเท่านั้น
เล่อป้าเทียนยืนขึ้นแล้วพึมพำ “ท่านเจ้าศาลาส่งพวกเราไปที่อาณาเขตของศาลาวิญญาณสวรรค์เพื่อที่จะไปนำคนบางคนกลับมาอย่างปลอดภัย เมื่อพวกเราทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว พวกเราก็ไปกันได้แล้ว”
“เล่อป้าเทียน คนพวกนี้คือใครกัน ท่านเจ้าศาลาถึงกับสั่งด้วยตัวเองว่าให้เอาพวกเขากลับมา ? ” หนึ่งในชายชราถาม เขาเป็นหนึ่งในแปดสุดยอดจอมยุทธมนุษย์ โม่ซีรัน
สุดยอดจอมยุทธมนุษย์อีกคน โอวหยุน ก็มองไปที่เล่อป้าเทียนหลังจากที่โม่ซีรันพูด เห็นได้ชัดว่าเขาอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของเป้าหมายที่เขาจะไปพามา
เล่อป้าเทียนส่ายหัว “อย่าถามข้าเลย ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครเหมือนกัน ท่านเจ้าศาลาแค่ให้วิธีการในการตามหาพวกเขากับข้ามา ถ้าเจ้าต้องการรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร เจ้าก็จะรู้เองเมื่อเจอพวกเขา”
“อาการบาดเจ็บของข้าก็หายดีแล้ว เมื่อภารกิจสำเร็จ ข้าจะไม่กลับมากับพวกเจ้า ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องไปทำที่อาณาเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ” ฉิงยี่หยวนพูดอย่างเย็นชา ใบหน้าของนางเหมือนน้ำแข็ง
เล่อป้าเทียนอดไม่ได้ที่จะสงสัยเมื่อเห็นฉิงยี่หยวนหน้าตาบูดบึ้ง เขาถามด้วยเสียงที่อยู่ในลำคอ “ฉิงยี่หยวน ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้าเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ? เกิดอะไรขึ้น ? “
โม่ซีรันและโอวหยุนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อพวกเขาได้ยินแบบนี้ โม่ซีรันหัวเราะคิกคัก “ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่รู้เรื่อง สองสามวันที่ผ่านมา ตอนที่ฉิงยี่หยวนจะไปชิงเอาชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปด นางชิงมาได้สำเร็จหลังจากพยายามไปอย่างมาก แต่ในท้ายที่สุด เจ้าหนู 2 คนก็ออกมาจากที่ไหนไม่รู้และซุ่มโจมตีนาง พวกเขาเอาชิ้นส่วนแผนที่ของนางไป แถมพวกเขายังเป็นแค่เซียนผู้คุมกฎเท่านั้นด้วย”
“โอ้ มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นด้วยหรือ ? เจ้าหนู 2 คนนั้นกล้ามากที่ขโมยของจากหนึ่งในแปดสุดยอมจอมยุทธมนุษย์ได้” ใบหน้าของของเล่อป้าเทียนแสดงท่าทีอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่มุมปากของเขาหยักขึ้นอยู่กลาย ๆ เขาคิด “ไม่สงสัยเลยว่าทำไมฉิงยี่หยวนถึงหน้าบูดขนาดนั้น เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5ถูกขโมยของไปโดยเซียนผู้คุมกฎที่อ่อนแอ 2 คน นั่นเป็นความน่าอับอายที่ใหญ่หลวงมาก”
เล่อป้าเทียน โม่ซีรัน และโอวหยุนรู้เรื่องที่มีผู้เยาว์ 2 คนขโมยชิ้นส่วนแผนที่ไป ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยายังไงถ้ารู้ว่าผู้เยาว์พวกนั้นได้ขโมยอะไรไปมากกว่านั้น และสิ่งนั้นก็คือชุดเอี้ยมของนาง
ใบหน้าของฉิงยี่หยวนมืดมนหนักกว่าเดิมทันทีที่นางได้ยินคนทั้งสามพูดคุยกันเรื่องนี้ นางกำหมัดแน่นในขณะที่โทสะและจิตสังหารพวยพุ่งอยู่ในตาของนาง นางกัดฟัน “ข้าจะหาทั้งสองคนนั้นให้เจอและกำจัดพวกมันแน่ วิธีนี้เท่านั้นที่จะกำจัดความเกลียดชังของข้าไปได้”
เล่อป้าเทียนหัวเราะในใจ “ไปตามหาพวกเขาหลังจากที่เสร็จภารกิจของท่านเจ้าศาลาแล้ว เอาล่ะ เมื่อทุกคนอยู่ที่นี่แล้วก็ไปกันเถอะ”
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสี่ก็ออกไปจากศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลและมุ่งตรงไปที่อาณาเขตของศาลาวิญญาณสวรรค์ แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่จะช่วยงานของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล พวกเขาก็ไม่ได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของศาลา ดังนั้นพวกเขาจึงไปมาระหว่างสามอาณาเขตได้ตามที่ต้องการ
การที่จะเข้าไปในเขตของสามศาลานั้นทำได้เฉพาะสมาชิกของศาลาเท่านั้น คนอื่น ๆ เช่นคนจากเผ่า กลุ่มหรือคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรไม่ขึ้นอยู่กับข้อตกลงนี้
..
ในอาณาเขตของศาลาวิญญาณสวรรค์ เจี้ยนเฉิน นูบิส และซี่หวังหนีเอาชีวิตต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะสังหารเซียนราชา 2 คนของศาลาวิญญาณสวรรค์ไป แต่พวกเขาก็รู้ว่าปัญหายังไม่จบลงง่ายง่าย แทนที่กัน สถานการณ์ยิ่งร้ายแรงมากกว่าเดิมเพราะศัตรูที่จะเข้ามาต่อไปต้องแข็งแกร่งมากขึ้นมากขึ้นแน่
ทั้งสามคนเดินทางมุ่งตรงไปยังอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ในขณะที่พวกเขาเดินทางไปนั้น เจี้ยนเฉินก็ขยายพลังแห่งการมีอยู่ของเขาออกเป็นครั้งคราวเพื่อสำรวจไปรอบรอบถึงพลังของเผ่าต่าง ๆ ที่พวกเขาผ่านไป เพื่อเป็นการประหยัดเวลา พวกเขาจะบินผ่านเผ่าเล็ก ๆ อย่างไม่กังวล และใช้เส้นทางที่สั้นที่สุด อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขากำลังจะผ่านเผ่าใหญ่ที่มีพลังแห่งการมีอยู่ของเซียนราชา พวกเขาก็จะออกห่างและวนอ้อนมันไป พวกเขาหลีกเลี่ยงที่จะไปยั่วยุให้เกิดปัญหาที่ไม่พึงประสงค์ที่จะทำให้เสียเวลา