บทที่ 649 สังเกตการณ์อย่างละเอียด

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 649 สังเกตการณ์อย่างละเอียด

หวังหยวนเป็นคนชอบดื่มชาคนหนึ่ง และแทบจะเรียกได้ว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบ้าน แน่นอนว่าพวกเขาลดราคาให้เขา 30 เปอร์เซ็นต์

เขามาซื้อชาที่นี่ไม่เพียงแต่มันจะมีคุณภาพดี ราคายังถูกอีกด้วย เขาอยู่ที่บ้านดื่มเองหรือไม่ก็เอากลับไปให้บ้านหวัง หรือมอบให้แก่ลูกค้าก็ยังได้

เมื่อชาใหม่ล็อตนี้มาถึง เขาก็นั่งลองดื่มกับโจวชิงไป๋ ซึ่งชานี้มีกลิ่นหอมบริสุทธิ์ยิ่งนัก

ตอนก่อนจะกลับเขาก็ซื้อชากลับไปด้วยถึง 3,000 หยวน

หลินชิงเหอที่ดูบัญชีของร้านมองเห็นชื่อเขาเป็นผู้ซื้ออยู่ในบัญชีก็ถามทันทีว่า “ทำไมซื้อไปเยอะขนาดนี้ล่ะ?”

ตอนนี้ราคาชายังไม่ได้แพงเหมือนกับในโลกอนาคต และยังไม่ต้องซื้อเก็บไว้เก็งกำไรเช่นกัน แต่แน่นอนว่าตอนนี้ก็มีชาบางชนิดที่ราคาไม่ใช่ถูก ๆ แล้ว

อย่างเช่นชาต้าหงเผา(1)ที่หาได้ยากยิ่ง

หลินชิงเหอเองก็เอาชาต้าหงเผาเข้ามาขายด้วยเช่นกัน แต่เธอรู้ว่าชาต้าหงเผาของเธอนั้นก็ยังสู้ต้นตำรับไม่ได้ เพราะว่าชาต้าหงเผาต้นตำรับนั้นอยู่บนภูเขาอู่อี๋ซาน ซึ่งจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญปีนไปเก็บชาบนนั้น และภายใน 1 ปีมันจะผลิตออกมาได้ไม่เยอะนัก

“ทำธุรกิจใหญ่ขนาดนั้น ค่าชา 3,000 หยวนก็ไม่ได้เยอะอะไรเลย” โจวชิงไป๋พูด

การต้องส่งชาให้ลูกค้าหรือส่งให้คู่ค้าของธุรกิจนับว่าเป็นเรื่องจำเป็นทั้งนั้น ดังนั้นเขาจึงมาซื้อชาที่ร้านพวกเขาแต่ละเดือนไม่ใช่น้อย ๆ

หลินชิงเหอจึงไม่พูดอะไรอีก โจวชิงไป๋ก็พูดเรื่องสระว่ายน้ำขึ้นมา

หลังจากเข้าเดือนมิถุนายนมา อากาศก็เริ่มร้อนแล้ว สระว่ายน้ำก็เริ่มที่จะเปิดกิจการกัน นับตั้งแต่ตอนนี้เปิดไปจนถึงปลายเดือนกันยายน รวมทั้งสิ้นสามเดือนกว่า

หลินชิงเหอคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่ได้ออกกำลังกายมาสักพักแล้วเช่นกัน จึงไม่ได้ปฏิเสธอะไร

วันถัดมาสองสามีภรรยาก็บอกให้เจ้าสามไปรับมี่มี่หลังน้องเลิกเรียนด้วย แล้วขับรถกันออกไป

ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ดังนั้นคนจึงยังไม่เยอะมากขนาดนั้น แต่ก็ยังมีคนมาว่ายน้ำอยู่เช่นกัน

หลินชิงเหอเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำก่อนจะลงสระ แล้วก็พูดว่า “คุณไม่ต้องสนใจฉันหรอกค่ะ ฉันจะว่ายช้า ๆ คุณไปว่ายน้ำของคุณเถอะ”

ตั้งแต่วัยรุ่นจนกระทั่งตอนนี้ โจวชิงไป๋ชื่นชอบการว่ายน้ำมาก รวมทั้งตอนที่อยู่ในสระน้ำนั้นมันทำให้เขารู้สึกคลายความกังวลใจได้ โจวชิงไป๋พอได้ยินดังนั้นเขาก็ผละไปว่ายน้ำของตัวเอง

โจวชิงไป๋ในตอนนี้รักษารูปร่างตัวเองมาก ๆ นอกจากนั้นเขายังพาทั้งครอบครัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลปีละ 1 ครั้งด้วย ตอนเช้าวิ่งตอนเย็นเล่นบาส เวลาปกติก็จะนั่งตรวจบัญชี ร้านเกี๊ยวที่เขาเปิดไว้ฆ่าเวลาเขาก็ไม่ค่อยไปเปิด เพราะเพียงแค่ตารางงานในหนึ่งวันของเขาก็เต็มแล้ว

เพราะแบบนี้นี่เอง แม้ว่าตอนนี้เขาจะอายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว แต่พละกำลังของเขาก็ยังคงเต็มเปี่ยม สมรรถนะของปอดก็ดีมากเช่นเดียวกัน

หลินชิงเหอว่ายรอบเดียวก็จะไม่ไหวแล้ว เธอจึงมองเขาว่ายรอจนเธอพักจนหายเหนื่อยแล้วจึงถึงค่อยว่ายต่อ

“พื้นที่ตรงนั้นของพวกเราเมื่อไหร่ถึงจะเริ่มปลูกผักเหรอคะ?” เมื่อสองสามีภรรยาหยุดพักว่ายน้ำลงแล้ว หลินชิงเหอก็ถามขึ้น

“คุณอยากจะเริ่มตอนนี้เลยเหรอ?” โจวชิงไป๋ถาม

“รอร้านชาที่เซี่ยงไฮ้มั่นคงดีก่อน และพวกเรากลับมาจากไห่หนานแล้วค่อยว่ากันอีกทีดีไหมคะ?” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋พยักหน้า

ก่อนสร้างที่นั่นจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย ถึงแม้จะเป็นการทำการเกษตร แต่ทั้งหมดทั้งมวลพวกเธอต้องมีเงินทุนก้อนหนึ่งก่อน

โดยเฉพาะครอบครัวพวกเขาที่ยังติดหนี้ธนาคารอยู่ไม่ใช่น้อย ๆ

สองสามีภรรยาว่ายน้ำอย่างสบายใจ พอกลับมาเจอลูกสาว พวกเขาก็เผชิญกับการไต่สวนจากเธอแล้ว

“พี่ชายสามบอกว่าปะป๊ากับหม่าม้าไปว่ายน้ำ ไม่พาหนูไปด้วย” สาวน้อยมี่มี่กล่าวโทษ

โจวชิงไป๋ยิ้มแล้วอุ้มเธอขึ้นมาก่อนจะพูดว่า “รอหนูปิดเทอมแล้ว ปะป๊าค่อยพาไปด้วยแล้วกันนะคะ”

“เธอยังเด็กอยู่นะคะ” หลินชิงเหอพูด

“ก็ไปแช่น้ำเล่นก็ได้” โจวชิงไป๋พูด

พอพ่อเธอรับปาก มี่มี่ถึงจะสามารถยิ้มออกมาได้อีกครั้ง หลังจากนั้นก็เริ่มเล่าว่าเธอเล่นกับเพื่อน ๆ เหล่านั้นอย่างไรบ้างให้คุณแม่กับคุณพ่อของเธอฟัง

“วันนี้พั่งพั่งไม่เป็นเด็กดีเลยค่ะ เขาทะเลาะกับเพื่อนทำเพื่อนร้องไห้ด้วย” มี่มี่พูด

“ทะเลาะเลยเหรอจ๊ะ แล้วคุณครูจัดการยังไงบ้าง” หลินชิงเหอถาม

“หนูเอาลูกอมมะพร้าวที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนให้เขาหนึ่งเม็ด เขาก็ไม่ร้องแล้วค่ะ แล้วก็คืนดีกับพั่งพั่งแล้วด้วย” มี่มี่พูดกับแม่ของเธอ

พั่งพั่งคือลูกชายของหลี่อ้ายกั๋วกับโจวซานนี เด็กน้อยตัวใหญ่น่าเกรงขามมาก เขามีเรื่องทะเลาะกันในโรงเรียนอนุบาลไม่น้อย ถ้าไม่ใช่ถูกคนอื่นตีจนร้องไห้ก็ตีคนอื่นจนคนอื่นร้องไห้

สาวน้อยมี่มี่ที่คอยสังเกตการณ์อยู่ก็ชินชาเสียแล้ว

“ลูกอมมะพร้าวที่ให้ลูกไปไม่ใช่ว่ามันหมดแล้วเหรอจ๊ะ ทำไมยังมีอยู่อีกล่ะ ไปเอามาจากไหนคะ?” หลินชิงเหอมองเธอแล้วพูด

มี่มี่นิ่งไปสักพัก หลังจากนั้นสายตาก็ลอบมองไปที่พ่อของเธอ โจวชิงไป๋กระแอมไอแห้งพูดขึ้นว่า “ให้เกินไปเม็ดเดียวเอง”

“เธอเพิ่งจะอายุแค่นี้สามารถกินเยอะได้ที่ไหน? คุณไม่อยากให้ลูกมีฟันแล้วใช่ไหมคะ?” หลินชิงเหอมองค้อนเขาพูดอย่างไม่พอใจ ผู้ชายคนนี้อะไร ๆ ก็ดีไปหมด แต่เรื่องลูกสาวเขาตามใจลูกจนไม่คำนึงถึงเหตุผลเกินไปแล้ว

“เห็นแก่ที่วันนี้เธอช่วยพั่งพั่ง เรื่องลูกอมฉันจะไม่พูด แต่ครั้งต่อไปห้ามลูกกับปะป๊าปิดบังหม่าม้าอีกนะ ไม่อย่างนั้นตอนที่หม่าม้าไปเที่ยว หม่าม้าจะไม่พาลูกไปอีก” หลินชิงเหอพูด

อย่านึกว่าลูกสาวของเธอเพิ่งจะสองขวบครึ่งแล้วจะไม่รู้เรื่อง ไม่ว่าคำพูดอะไรลูกเธอฟังรู้เรื่องทั้งหมดนั่นแหละ คำพูดแบบไหนก็สามารถแสดงออกมาได้ เธอเฉลียวฉลาดขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางมีไอคิวต่ำกว่าของพ่อกับแม่เธอได้หรอก

“ต่อไปหนูจะเชื่อฟังค่ะ ปะป๊าหม่าม้าไปที่ไหนก็ต้องพาหนูไปด้วยนะคะ” สาวน้อยมี่มี่พูด

หลินชิงเหอจึงไม่ว่าอะไรเธออีก

จากนั้นเจ้าสามโจวกุยหลายก็ถามขึ้น “ม้าครับ ลูกสาวอาอี๋จ้าวชื่อว่าอาเตียใช่ไหมครับ?”

“จ๊ะ” หลินชิงเหอพูด

“ม้าเรียกหล่อนมาทำงานเหรอครับ?” เจ้าสามพูด

“มีอะไรเหรอ?” หลินชิงเหอมองเขาแล้วพูด

“ก็ก่อนหน้านี้ม้าบอกว่างานแม่บ้านจะไม่รับเด็กรุ่น ๆ ไม่ใช่เหรอครับ?” เจ้าสามพูดอย่างไม่เข้าใจ

“อาเตียเด็กคนนี้ดูเป็นเด็กเรียบร้อยดี” หลินชิงเหอพูดตอบ

ที่ตอนแรกเธอไม่คิดจะรับเด็กสาวมาทำงานแม่บ้าน เนื่องจากในบ้านของเธอมีชายหนุ่มที่เป็นผู้ใหญ่แล้วซึ่งก็คือลูกชายของเธอ จึงไม่ค่อยจะสะดวกรับนัก ยิ่งหากเจอคนที่คุณธรรมแย่ ๆ ก็จะยิ่งสร้างปัญหา

แต่ว่าอาเตียนั้นดูแล้วเป็นเด็กสาวที่ไม่เลวเลย ลำดับแรกคือแม่ของหล่อนหรืออาอี๋จ้าวเป็นคนตรงไปตรงมา อีกทั้งจนมาถึงตอนนี้อาเตียก็เทียวมาเทียวไปไปบ้านเธอหลายครั้งแล้ว แต่ละครั้งที่มาก็จะช่วยงานตลอด ช่วยงานเสร็จก็กลับ ไม่เคยเดินเพ่นพ่านหรือมองซี้ซั้ว

หลินชิงเหอสังเกตมานานแล้ว เพียงแต่เธอไม่ได้พูดก็เท่านั้น แต่เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นไม่เลว และบ้านเธอก็กำลังขาดคนช่วยงานคนหนึ่งพอดี จึงให้หล่อนมาทำ

ในตอนนี้หลินชิงเหอไม่ได้คิดถึงกังจือหลานชายของตัวเองในหัวเลยสักนิด เธอถามเจ้าสามอย่างสงสัย “ทำไมจู่ ๆ พูดเรื่องนี้ล่ะ”

ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่กังวล เธอคอยสังเกตอยู่ห่าง ๆ ตลอด ดูว่าอาเตียจะมีทีท่าว่าจะเข้าหาผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือไม่

“เปล่าครับ ผมก็แค่สงสัยนึกว่าม้าอยากจะจับคู่ให้กังจือหรือเปล่า” เจ้าสามพูดด้วยรอยยิ้ม

หลินชิงเหอนิ่งอึ้งไปสักพัก ไม่เพียงเธอเท่านั้น โจวชิงไป๋ก็เช่นเดียวกัน เขามองไปที่ภรรยาตัวเองนิด ๆ

“ฉันไม่ได้จะหมายความว่าอย่างนั้นนะ” หลินชิงเหอพูดตามตรง เธอก็แค่อยากได้คนมาช่วยความสะอาดบ้านเฉย ๆ แล้วอาเตียก็ทำงานบ้านเป็น ทั้งยังได้อยู่กับอาอี๋จ้าวด้วย เธอแค่รู้สึกว่าเงินเดือนของทั้งสองน่าจะสามารถให้พวกเธอตั้งใจทำงานเป็นอย่างดีได้ก็เท่านั้น

เธอไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเลย

“คอยสังเกตการณ์อย่างละเอียด” โจวชิงไป๋พูด

เขาไม่ได้คิดว่าหล่อนไม่เหมาะสมกับหลานชายเขา ขอเพียงหลานชายเขาหาภรรยาที่ซื่อสัตย์ได้สักคนเขาก็พอใจแล้ว ไม่ต้องทะเยอทะยานเกินไปนักหรอก นี่ก็คือหลักการที่โจวชิงไป๋ยึดถือ

………………………………………………………………………………………………

(1)ชาอู่หลงชนิดหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากของจีน เป็นชาที่เคยถวายฮ่องเต้จีนมาหลายยุคหลายสมัย และเคยใช้ต้อนรับประธานาธิบดีนิกสันแห่งสหรัฐอเมริกาครั้งที่เยือนประเทศจีนในปี 1972 จุดเด่นคือความหอมสามอย่าง “หอมจากถ้วย หอมจากน้ำชาที่อยู่ในถ้วย และหอมติดถ้วยหลังดื่มหมดแล้ว” ชาชนิดนี้ปัจจุบันผลิตจากต้นลูกที่มาจากต้นแม่ชา 6 ต้นบนภูเขาหินอู่อี๋ซาน