เฉินโม่ยังคงไม่ตอบ
เอียนชิงเฉิงหันไปมองซังซัง พูดอย่างเฉียบขาด “ซังซัง เธอไปเถอะ!”
ซังซังพูดอย่างร้อนใจ “คุณหนู คุณหนูพูดอะไรเนี่ย คุณหนูตกอยู่ในอันตรายฉันจะไปได้ยังไง คุณหนูไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันไม่มีทางไป ฉันจะขวางพวกมันพร้อมกับคุณหนู!”
เอียนชิงเฉิงถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ จึงพยักหน้า “งั้นก็ได้ เราไปขัดขวางพวกมันพร้อมกัน”
“ค่ะ”
“เฉินไต้ซือ ฉันจะดูว่าคุณจะหดหัวไปถึงเมื่อไหร่!” ด้วยเสียงแห่งความลำพองใจ หลินว่านเหนียนบินผ่านท้องฟ้า ลอยอยู่เหนือคฤหาสน์ และมองลงไปยังคฤหาสน์
“เขามาแล้ว!” ในห้อง ซังซังพูดกับเอียนชิงเฉิง
“ไป เราออกไปเจอเขาหน่อย!” เอียนชิงเฉิงพูดอย่างราบเรียบ
หลินว่านเหนียนที่ยืนอยู่กลางอากาศ มือจับกระบี่ยาวเอาไว้ ฟันลงไปยังคฤหาสน์ที่อยู่ด้านล่าง “ยังไม่ออกมาอีก!”
โครม!
พลังงานกระบี่ที่ทรงอานุภาพทำให้ดาดฟ้าของคฤหาสน์พลิกคว่ำ
เสียงร้องของหงส์ฟ้าดังก้องดังขึ้น และแสงเจิดจ้าพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าจากคฤหาสน์ ยิงไปยังหลินว่านเหนียนที่อยู่กลางอากาศ
“นักบู๊แดนเทพ!”
หลินว่านเหนียนผงะเล็กน้อย หลบการโจมตีนั้น และยืนอยู่กลางอากาศมองดูความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ที่อยู่ตรงหน้าเขา
“มีผู้หญิงที่สวยงามเช่นนี้อยู่บนโลกด้วย!หลินว่านเหนียนอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจ แต่ในไม่ช้า เขาก็กลับมาเป็นปกติ ผู้แข็งแกร่งแดนเทพ ไม่สามารถถูกสิ่งเหล่านี้ทำให้ลุ่มหลงได้อีกต่อไปแล้ว
เอียนชิงเฉิงที่ถือกระบี่หงส์ร้อง ก็ลอยอยู่กลางอากาศเช่นกัน และมองหลินว่านเหนียนอย่างเย็นชา
“เหตุใดถึงบุกเข้ามาทะเลสาบคืนรังของฉัน!” เอียนชิงเฉิงถามอย่างดุดัน
บนใบหน้าของหลินว่านเหนียนปรากฏด้วยความชื่นชม “ดูแล้วเธออายุไม่เกินยี่สิบอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่าพลังบำเพ็ญนั้นถึงแดนเทพแล้ว เฉินโม่นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ”
ถึงแม้ไม่ถาม หลินว่านเหนียนก็เดาตัวตนของเอียนชิงเฉิงออกแล้ว ต้องเกี่ยวข้องกับเฉินโม่อย่างแน่นอน
“สาวน้อย ถ้าหากเธอยอมมาเป็นลูกศิษย์ของฉัน ฉันจะสอนทุกอย่างที่ฉันมี แล้วในอนาคตฉันจะให้เธอแต่งงานกับลูกชายของฉัน แล้วให้เธอเป็นผู้คุมกฎของสำนักคุนชางด้วยล่ะ?” หลินว่านเหนียนมีความคิดที่อยากจะได้เอียนชิงเฉิงมาเป็นพวก
เอียนชิงเฉิงยิ้มหยันแล้วพูด “คุณมันก็แค่พลังแดนเทพ มีสิทธิ์อะไรมาสอนฉัน? ถ้าหากคุณสามารถบอกเหตุผลที่ฉันยอมสยบได้ ฉันอาจจะพิจารณาไหว้คุณเป็นอาจารย์!”
หลินว่านเหนียนดีใจอย่างมาก “คำพูดนี้จริงหรือไม่?”
“จริงแท้แน่นอน” เอียนชิงเฉิงอดทนต่อความรังเกียจที่อยู่ในใจ พูดอย่างเย็นชา
หลินว่านเหนียนหัวเราะพูด “ฉันขอดูความสามารถของเธอก่อนเป็นไง ว่าจะเก่งเหมือนที่แสดงออกมั้ย”
พูดจบ หลินว่านเหนียนก็ใช้กระบี่แทงไปทางเอียนชิงเฉิง
จากมุมที่โจมตีของหลินว่านเหนียนสามารถดูออกว่า หลินว่านเหนียนตั้งใจทดสอบจริงๆ เพราะการโจมตีของเขาไม่ได้จะทำร้ายเอียนชิงเฉิง
ความตั้งใจเดิมของเอียนชิงเฉิงก็คือดึงเวลาให้นานที่สุด ในเมื่อหลินว่านเหนียนมีใจที่อยากจะทดสอบ ก็เป็นความต้องการของเอียนชิงเฉิงพอดี
เอียนชิงเฉิงก็แทงกระบี่ตาม พลังของกระบี่นั้นสูสีกับของหลินว่านเหนียน
ทั้งสองคนต่อสู้กันไปมา พริบตาเดียวก็ประมือกันสิบกระบวนท่าแล้ว แม้ว่าเอียนชิงเฉิงก็เป็นแดนเทพ แต่เธอเพื่อจะผ่านด่านแดนเทพมาได้ไม่กี่วัน ยังอยู่ในช่วงคลำหาพลังของแดนเทพ ดังนั้นในไม่ช้าเธอจึงตกอยู่ในความเสียเปรียบ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะกระบี่หงส์ร้องที่อยู่ในมือและเพลงกระบี่หงส์ฟ้าที่เฉินโม่ถ่ายทอดให้ด้วยตัวเอง เกรงว่าคงพ่ายแพ้ไปนานแล้ว
ระหว่างการต่อสู้ เอียนชิงเฉิงคิดในใจ “ไม่ได้ ฉันจะแพ้ไม่ได้ ถ้าหากแพ้แล้ว เขาต้องให้ฉันไหว้เขาเป็นอาจารย์อย่างแน่นอน ถ้าหากฉันไม่เห็นด้วย เขาก็จะเห็นถึงความผิดปกติ แบบนี้แล้วฉันก็จะไม่สามารถดึงเวลาได้อีกต่อไป”
คิดไปครู่หนึ่ง เอียนชิงเฉิงตัดสินใจแล้ว เธอจะแพ้ไม่ได้
“หงส์รำลอยฟ้า!”
ด้วยเสียงตะโกนเบาๆ เปลวไฟอันงดงามพุ่งออกมาจากร่างกายทั้งร่างของเอียนชิงเฉิงและพุ่งตรงไปยังท้องฟ้า
เช่นเดียวกับฟีนิกซ์นิพพาน เปลวไฟที่โหมกระหน่ำพุ่งตรงไปยัง หลินว่านเหนียนระเบิดออกด้วยแสงพราว