ตอนที่ 1012 คุ้มกันด้านหลัง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของหญิงอสรพิษก็แทบจะเขียวคล้ำแล้ว

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

“ฆ่าข้า เจ้าไม่มีความสามารถนั้นหรอกนะ!”

กล่าวจบ ร่างในชุดม่วงก็เคลื่อนไหวทันที พลังวิญญาณธาตุวารีได้โคจรขึ้นรอบ ๆ ตัว และได้ก่อตัวเป็นระลอกคลื่นขึ้น

มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชาว่า “ทักษะโยวหลัว!”

ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่หนึ่งได้เฝ้ามองดูมู่เฉียนซีอยู่ในมุมมืดอย่างไม่ละสายตา

เดิมที่เขาคิดจะโบกมือแสดงพลังอำนาจให้คนที่ตะโกนกล่าวว่าจะฆ่าสตรีของเขาฉอด ๆ เหล่านี้ได้หายลับไปจากโลกนี้เสีย แต่เมื่อเห็นนางไม่ได้เอ่ยปากร้องขอให้เขาลงมือ เขาจึงไม่เคลื่อนไหว

ทักษะโยวหลัวของซีกำลังจะฝึกฝนจนสำเร็จครบถ้วนแล้ว สองคนนี้ก็มอบให้นางจัดการเพื่อเป็นการฝึกฝนก็แล้วกัน

ตูม! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น พวกเขาใช้ความเร็วของการแปลงร่างเป็นสัตว์นั้นเพื่อหลบหลีกการโจมตีของมู่เฉียนซี

ตงกัวกล่าว “กระบวนท่าของเจ้าข้าเห็นมันมาหมดแล้ว ครั้งนี้ ข้าไม่ยอมพ่ายแพ่ให้เจ้าเป็นอันขาด”

ร่างในชุดขาวและชุดดำสองร่างได้ใช้กระบวนท่าที่โหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่งลงมือกับมู่เฉียนซี

ดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวคู่หนึ่งจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซี ทักษะวิญญาณมากมายนับไปถ้วนโจมตีไปที่นาง

การร่วมมือกันของพวกเขาสองคนนั้นรับมือได้ยากมาก ทว่า มู่เฉียนซีก็สามารถรับมือได้

ร่างของนางเคลื่อนไหวออกไปอย่างรวดเร็ว กระบี่มังกรเพลิงมุ่งเป้าไปที่พวกเขา และโจมตีในทันที

“บัวแดงพิฆาต!”

ตูม! ความผันผวนอันรุนแรงปรากฏขึ้นกลางอากาศทำให้ตงกัวและหญิงสาวอสรพิษต้องถอยหลังออกไป

พวกเขาเริ่มกลัดกลุ้มใจขึ้นมาแล้ว หญิงสาวผู้นี้มีกำลังในการต่อสู้ที่วิปริตมาก

มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้าคนเดียวไม่สามารถรับมือกับนางได้ แต่เหตุใดสองคนถึงยังรับมือไม่ได้อีก

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้กำลังในการต่อสู้ของพวกเขามาถึงจุดที่สมบูรณ์แบบแล้ว!

ร่างกายที่มีความแข็งแกร่งและพลังที่เพิ่มขึ้นของวิชามารแต่กลับไม่มีรากฐานที่ปรับให้สมดุลกัน ไม่มีการฝึกฝนและประสบการณ์ที่แท้จริง เมื่อเทียบกับการฝึกฝนที่แท้จริงแล้ว พวกเขานั้นยังห่างไกลกับการเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้ามาก

ต่อให้พวกเขาสองคนร่วมมือกัน ก็ใช่ว่ามู่เฉียนซีจะรับมือไม่ได้!

“นางต้องตาย!”

ตงกัวกับหญิงสาวอสรพิษพุ่งเข้ามาใกล้มู่เฉียนซีภายในลมหายใจเดียว

ทันทีที่มือของมู่เฉียนซีกวัดแกว่ง เข็มยาก็พุ่งออกไปต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างพวกเขา และมังกรเพลิงตัวหนึ่งก็คำรามออกมา

ปัง ปัง ปัง!

หลังจากที่ต่อสู้กันมาหลายต่อหลายกระบวนท่า หญิงสาวอสรพิษกับตงกัวก็รู้สึกได้ว่ามู่เฉียนซีนั้นเป็นผู้ที่วิปริตมาก

มู่เฉียนซีมียาฟื้นฟูพลังวิญญาณไม่ขาด แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาได้รับมือกับคนของเมืองเย่เซี่ยและได้เสียพลังไปไม่น้อย ดังนั้นเมื่อสูญเสียพลังต่อไปกำลังในการต่อสู้ของพวกเขาก็เริ่มจะไม่ราบรื่น

ตงกัวออกคำสั่งว่า “หยุดสนใจคนอื่น ฆ่ามู่เฉียนซีผู้นี้เสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

ตราบใดที่ฆ่ามู่เฉียนซีได้ ก็สามารถคว้าเมืองเย่เซี่ยที่เป็นเมืองเล็ก ๆ นี้มาครอบครองได้อย่างง่ายดาย

ขวับ ขวับ ขวับ! ร่างหลายร่างพุ่งเข้าไปใกล้มู่เฉียนซี

ตูม ปัง ปัง! แมวสีขาวนวลเนียนขนาดใหญ่ตัวหนึ่งได้ขวางหน้าคนกลุ่มนี้เอาไว้

“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทาน หนึ่งเดียวในใต้หล้า คิดจะรุมนายท่านของข้า ก็ต้องดูก่อนว่าข้าอนุญาตหรือไม่!” อู๋ตี้กล่าวเสียงขรึม

“เพลิงเผาสวรรค์!”

เปลวไฟอันแดงฉานได้ก่อตัวเป็นกำแพงเพลิงและห้อมล้อมศัตรูไว้

สำนักขวางโซ่วช่างเป็นสำนักที่มีกองกำลังคนมากและพลังก็มากจริง ๆ ถึงแม้ว่าอู๋ตี้กับเสี่ยวหงจะขวางคนเหล่านี้เอาไว้ได้ แต่ก็ยังมีคนที่เล็ดลอดพุ่งไปและเตรียมลอบโจมตีมู่เฉียนซีได้อยู่ดี

ทว่า จู่ ๆ ผู้ที่พุ่งเข้ามาหามู่เฉียนซีเหล่านั้นก็พบว่าร่างของตนเองนั้นได้กลายเป็นโครงกระดูกสีขาวภายในชั่วพริบตา จากนั้นก็กลายเป็นผุยผงและสลายหายไปในอากาศ

ความเร็วนั้นรวดเร็วมากจนทำให้คนข้าง ๆ ไม่อาจรู้ได้เลยว่าพวกเขาสลายหายไปได้เช่นไร

กล้าลงมือกับยอดดวงใจขององค์ชายจิ่วเยี่ยต่อหน้าต่อตาเขาเช่นนี้ หากคนเหล่านี้ไม่ตายแล้วผู้ใดเล่าจะต้องตาย

มู่เฉียนซีต่อสู้กับสองคนนั้นเพื่อฝึกฝนทักษะวิญญาณ เขาไม่ได้สอดแทรกลงมือแต่อย่างใด แต่มีผู้อื่นกล้ามาขวางทางนางเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาต้องทำให้ร่างของคนเหล่านั้นหายสาบสูญไป

พุ่งเข้ามาเท่าใด ร่างของพวกเขาก็หายสาบสูญไปเท่านั้น!

ในสนามรบที่วุ่นวายและโกลาหลนี้ ไม่มีผู้ใดค้นพบว่ามันเกิดอันใดขึ้น

มุมปากของอู๋ตี้กระตุกขึ้น “เจ้าหมอนี่ช่างหยาบคายเสียจริง!”

เสี่ยวหงกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านจิ่วเยี่ย ขอให้ท่านหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปี!”

หญิงสาวอสรพิษและพวกไม่ได้สังเกตเห็นถึงการลงมือของจิ่วเยี่ย แต่แน่นอนว่ามู่เฉียนซีนั้นรู้ดี

ด้านหลังมอบให้เป็นหน้าที่ของจิ่วเยี่ย นางรู้สึกวางใจมากไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลว่าคนอื่นจะลอบโจมตีนาง นางสามารถใจจดใจจ่อที่จะต่อสู้กับตงกัวและหญิงสาวอสรพิษเพื่อที่จะฝึกฝนทักษะโยวหลัวให้บรรลุผลอย่างสมบูรณ์ได้

มู่เฉียนซีที่กำลังต่อสู้กับประมืออยู่กับตงกัวและหญิงสาวอสรพิษในตอนนี้ก็ได้โจมตีด้วยทักษะวิญญาณไปอีกครั้ง หญิงสาวอสรพิษที่ไม่สามารถหลบหลีกได้ในตอนนี้ บนร่างกายของนางก็ได้ก่อตัวเป็นเกล็ดสีดำขึ้นมาหนึ่งชั้น

ตูม! เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น และนางก็ใช้ร่างของนางต้านทานไปเช่นนี้

ขวับ! ในตอนนี้เอง กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกสายหนึ่งก็ได้โจมตีมาทางด้านหลัง

ขนนกสีขาวนับไม่ถ้วนที่มีความเร็วที่เร็วกว่าคมธนูพุ่งออกไปห้อมล้อมมู่เฉียนซีราวกับเทพบุปผาโปรยบุปผาก็มิปาน

มู่เฉียนซีโบกมือพลางตะโกนขึ้นว่า “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”

“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”

ฉ่า!

ฉ่า!

เมื่อโล่น้ำแข็งแตกออก ร่างของมู่เฉียนซีก็เคลื่อนไหวพุ่งผ่านท่ามกลางขนนกสีขาวเหล่านี้หลบหลีกการโจมตีออกไปได้

ในตอนนี้เอง ขนนกอันหนึ่งได้ปักเข้าทางด้านหลังมู่เฉียนซี

สีหน้าของคนอื่นพลันเปลี่ยนไปทันที “ท่านมู่!”

ดวงตาของหญิงสาวอสรพิษกับตงกัวเปล่งประกายขึ้น “สำเร็จแล้ว!”

ทว่า ภายในชั่วพริบตาเดียวร่างของมู่เฉียนซีที่โดนขนนกนั้นโจมตีก็ได้อันตรธานหายไป

เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาก็เท่านั้น!

เมื่อร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวขึ้น พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็โจมตีไปกลางอกของตงกัว “ทักษะเทียนซวน!”

“ความเร็วของพวกเจ้ามันช่างเชื่องช้าเสียจริง!”

ตงกัวโดนโจมตีด้วยกระบวนท่านี้เข้า เขาก็ไม่สามารถควบคุมร่างของตนเองได้ กระเด็นถอยหลังออกไปอย่างรุนแรง

แม้ว่าเขาจะพยายามบังคับร่างให้มั่นคง แต่ร่างของเขาก็ยังกระแทกลงบนพื้นดินอย่างสุนัขจนตรอก เลือดสีแดงสดไหลออกจากมุมปาก

ร่างของมู่เฉียนซีมีเพียงแค่รอยขีดข่วนเล็กน้อยเท่านั้น แต่พวกเขาสองคนกลับได้รับบาดเจ็บภายในอย่างสาหัส

สีหน้าของหญิงสาวอสรพิษกับตงกัวดำคล้ำลงด้วยความโกรธแค้น คนเหล่านั้นล้วนแต่ไปตายที่ใดกันหมดแล้ว

เขาบอกให้คนเหล่านั้นเข้ามารุมจัดการมู่เฉียนซีก่อนไม่ใช่หรอกเหรอ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าขัดคำสั่งเช่นนี้!

ต่อให้ตายพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าในมุมมืดยังมีคนผู้หนึ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงแอบซ่อนตัวอยู่ สามารถฆ่าทุกคนในสนามรบนี้ได้ทุกเวลาตามใจต้องการโดยที่พวกเขาไม่สามารถค้นพบได้เลย

หากพวกเขาคาดเดาถูก เกรงว่าคงต้องเป็นลมล้มไปเป็นแน่ และคงไม่กล้าลงมือกับมู่เฉียนซีอีก

คนอื่นไม่สามารถเข้าถึงตัวนางได้ อยากจะแก้แค้นคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว

ร่างทั้งสองร่างของพวกเขาพุ่งออกไปอีกครั้ง และมือของตงกัวก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นแหลมคมราวกับกรงเล็บเหยี่ยว

ดวงตาของเขาแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ พุ่งเข้าไปหมายจะควักหัวใจของมู่เฉียนซี

“มู่เฉียนซี เจ้าตายซะเถอะ!”

เขาจับนางได้แล้ว ทว่า มันกลับกลายเป็นภาพลวงตาอีกครั้ง สีหน้าของตงกัวดำคล้ำเป็นยิ่งกว่าเดิม

ทันใดนั้นเอง ฟึ่บ! หางงูสีดำตัวหนึ่งก็เหวี่ยงมา

มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวหลบหลีกได้ ทำให้พวกเขาผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง

หญิงสาวอสรพิษกับตงกัวในตอนนี้ได้ละทิ้งรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นมนุษย์ไปโดยสมบูรณ์ ในใจมุ่งปรารถนาแต่จะฆ่ามู่เฉียนซี

ภายในชั่วพริบตาเดียว มู่เฉียนซีก็ได้ประมือกับคนสองคนที่รูปร่างคล้ายมนุษย์แต่ไม่ใช่มนุษย์หลายต่อหลายกระบวนท่า

มู่เฉียนซีได้เปรียบในเรื่องของความเร็วอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทั้งสองคนพยายามอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่สามารถจับมู่เฉียนซีได้!

เผชิญหน้ากับสถานการณ์ในตอนนี้ ตงกัวกับหญิงสาวอสรพิษก็ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ

มู่เฉียนซีเองก็ลงมือรวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาที่สูญเสียพลังจิตกับพลังวิญญาณไปมากในตอนนี้นึกไม่ถึงเลยว่าภายในชั่วพริบตาเดียวจะเห็นมู่เฉียนซีปรากฏตัวอยู่ด้านหลังตงกัว

“เจ้าโง่! มันอยู่ด้านหลังเจ้า รีบหลบเร็วเข้า!” หญิงสาวอสรพิษตะโกนขึ้น ทว่า มาเตือนเอาตอนนี้มันจะทันอย่างนั้นเหรอ

.

.